4 พ.ค. เวลา 11:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

จากมหากาพย์ ‘โกงเงิน’ เฉียด 4% ของจีดีพี สู่ ‘วิกฤติเชื่อมั่น’ ระบบการเงินเวียดนาม

“การฉ้อโกง” เป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญที่ฉุดรั้งความเจริญของเศรษฐกิจเวียดนามมาอย่างนานถึงขนาดที่ว่าพรรคคอมมิวนิสต์ออกแคมเปญปราบปรามการทุจริตเรื่อยมาตั้งแต่ปี 2016
แต่ท้ายที่สุด “คดีฉ้อโกง” ที่ใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์จากธนาคารไซ่ง่อน คอมเมอร์เชียล (SCB) เวียดนามก็เกิดขึ้นด้วยมูลค่าความเสียหายกว่า 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์ (1.6 ล้านล้านบาท) หรือคิดเป็นประมาณ 4-5% ของจีดีพี
จุดเริ่มต้น ‘คดีฉ้อโกง’ ครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นจากตัวละครที่ชื่อว่า “เจือง มาย หลั่น” นักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์จากเวียดนามที่เริ่มต้นการทำงานในฐานะแม่ค้าแผงลอยขายเครื่องสำอางในตลาดแห่งหนึ่ง
1
ก่อนที่จะผันตัวเข้ามาในวงการที่ดินและอสังหาริมทรัพย์หลังจากในปี 1986 พรรคคอมมิวนิสต์เริ่มปฏิรูปเศรษฐกิจด้วยนโยบายโด่ยเหมย (Doi Mei) จากนั้นความมั่งคั่งของเธอก็ขยับสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจนรวมทั้งธุรกิจของเธอก็ขยับขยายมาในแวดวงโรงแรมและภัตตาคารมากขึ้นระหว่างปี 1990 – 2000
นอกจากนี้ ท่ามกลางระบบการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ในช่วงนั้นที่ดินส่วนใหญ่ในเวียดนามจึงเป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐ นั้นหมายความว่าหากผู้ประกอบการต้องการเข้าถึงกรรมสิทธิ์ดังกล่าวจึงจำเป็นต้องอาศัย “ความสัมพันธ์กับเจ้าหน้าที่รัฐ” ซึ่งก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดการทุจริตขึ้น
ชื่อเสียงของนักธุรกิจหญิงผู้นี้เป็นที่รู้จักมากขึ้นหลังจากเธอเริ่มเข้ามาในธุรกิจธนาคารและในปี 2011 ทางการอนุญาตให้ควบรวมกิจการของธนาคารย่อยสามแห่งและเปลี่ยนชื่อเป็นธนาคารไซ่ง่อน คอมเมอร์เชียล โดยเธอถือหุ้นธนาคารมากกว่า 90% จากการใช้โนมินีเพื่อถือหุ้นแทนเช่นการใช้บริษัทเปล่า (Shell Company) และบุคคลอื่นอีกหลายราย
1
ทั้งนี้ สำนักข่าวบีบีซีรายงานข้อมูลว่า หลังจากควบรวมกิจการเธอแต่งตั้งคนใกล้ชิดจำนวนมากให้เข้าไปนั่งในตำแหน่งผู้จัดการในหลายแผนกเพื่ออำนวยความสะดวกให้ตัวเองในการอนุมัติปล่อยสินเชื่อให้กับกลุ่มบริษัทเปล่าของเธอซึ่งเม็ดเงินที่ปล่อยออกไปคิดเป็นกว่า 93% ของยอดการปล่อยสินเชื่อทั้งหมดของธนาคารไซ่ง่อน ที่สำคัญการปล่อยสินเชื่อให้บริษัทเปล่าเหล่านั้นคือการยักยอกเงินเพราะเป็นเพียงการปล่อยสินเชื่อให้บริษัทเปล่าที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน
รวมทั้งเธอยังใช้บริษัทอสังหาริมทรัพย์ วัน ทินห์ ฟัต กรุ๊ป (Van Thinh Phat Group) ออกหุ้นกู้ซึ่งขายผ่านธนาคารไซ่ง่อนจำนวนเงินกว่า 30 ล้านล้านดอง (4.3 หมื่นล้านบาท) เพื่อขยายกิจการ
โฆษณา