2 พ.ค. เวลา 08:25 • ความคิดเห็น

พวกหมุดกลมในรูเหลี่ยม The round pegs in the square holes

ในช่วงเดือนที่ผ่านมา ผมเขียนถึงหลายบุคคลที่พยายามทำสิ่งที่เรานึกไม่ถึง แค่คิดเราก็ยังไม่กล้าเลย ดูจะบ้าระห่ำ ทำไปทำไมและเข้าใจได้ยากในโลจิกของคนปกติทั่วไปมาก…
1
ไล่มาตั้งแต่คุณบัณฑูร ล่ำซำในวัยเจ็ดสิบเอ็ดที่กำลังพิทักษ์ป่าและชุบชีวิตเมืองน่านที่ดูยากเย็นแสนเข็ญเหลือเกิน พี่กบ อภิพรรณ เจริญอนุสรณ์ในวัย 59 ที่หักปากกาเซียนสร้างอาณาจักรเงินไชโยจนขึ้นเป็นอันดับสองได้ในสองปีจากคำปรามาสทุกสารทิศ วู้ดดี้ วุฒิธร ผู้มีความฝันบ้าๆที่อยากทำสงกรานต์ไทยไประดับโลก สามปีแรกขาดทุนยับ มีแต่คนบอกให้เลิก แต่สู้จนสร้าง S2O music festival ไปหลายประเทศ และกำลังจะไปนิวยอร์คเร็วๆนี้.. เรื่องราวของคนเหล่านี้ลองย้อนในเพจไปไม่กี่วันก็จะเจอ…
แล้วเราจะอธิบายคนเหล่านี้ว่าอะไรดี เป็นคนที่ช่างแตกต่าง ไม่กลัว และดูไม่เข้าพวกเสียเหลือเกิน ผมมีอีกสามคนสามเรื่องที่ผมคิดว่าเป็นคนแบบเดียวกันกับสามคนก่อน ผมเคยเขียนไว้เมื่อสามปีที่แล้วมาเล่าให้เห็นภาพคนแบบนี้กันดูนะครับ
วันที่ 26 มีนาคม เมื่อหกปีก่อน เป็นวันที่ SCB นำร่องยกเลิกค่าธรรมเนียมการโอนเงินทั้งหมด โอน เติม จ่าย ข้ามเขต ทุกกรณี เป็นวันประวัติศาสตร์วันหนึ่งของวงการธนาคารไทย
ผมได้เป็นส่วนเล็กๆส่วนหนึ่งในวันนั้นโดยเป็นผู้รับคำสั่งและร่วมกับทีมทำแคมเปญจากการตัดสินใจเด็ดขาดของ CEO ของ SCB คุณอาทิตย์ นันทวิทยาผู้มีความเห็นว่าค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่เรียกเก็บลูกค้านั้นไม่ make sense แล้ว ในโลกข้างหน้า โลกแห่งออนไลน์ ค่าธรรมเนียมที่สูงเกินจริงจะพาหายนะมาสู่ธนาคารได้ และเป็นผู้ตัดสินใจอย่างไม่ประนีประนอมต่อคำทัดทานใดๆจากทั้งข้างนอกและข้างใน เป็นความบ้าระห่ำที่ไม่ต้องทำก็ได้ แต่เขาก็ตัดสินใจ
คนทำงานอย่างผมรับคำสั่งไปก็ใจตุ๊มๆต่อมๆไป เพราะไม่รู้ว่าความเด็ดเดี่ยวทุกหม้อข้าวตัวเองครั้งนั้นจะส่งผลอะไรบ้าง รู้แต่ว่าต้องมีผลกระทบอะไรบางอย่างที่ใหญ่มากๆ แน่
วันนั้นเรียกทั้งเสียงฮือฮาชอบใจจากลูกค้าและเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าอยู่ดีๆเฉือนเนื้อตัวเองเป็นหลักพันล้านทำไม ยังไม่เห็นมี threat อะไรชัดเจนเลย รออีกหน่อยก็ได้นี่ พอทุกธนาคารทำเหมือนกันหุ้นก็พากันตกกันไปบ้าง
หกปีต่อมา น่าสนใจว่าการตัดสินใจครั้งนั้นไม่รู้ว่าถูกหรือผิด แต่ไม่มีใครพูดถึงเรื่องนั้นอีก เงินค่าธรรมเนียมอาจจะหายไประหว่างสามปีแต่ธนาคารทุกธนาคารก็ดูกำไรโตขึ้นอีก แต่มีผลให้ mobile banking penetration ของไทยสูงสุดเป็น top ของโลก ลดต้นทุนสาขา รายได้จาก wealth mgt และปล่อยกู้บน app ก็มากขึ้น cashless society เกิดเร็ว
1
ที่สำคัญคือ fintech ต่างประเทศที่เป็น wallet ต่างๆที่บุกไล่ทุบธนาคารในหลายประเทศ (นึกถึง alipay หรือ wechat) ก็ไม่เกิดในไทยเพราะการไม่มีค่าธรรมเนียมการโอนทำให้ไม่มีเหตุผลในการไปลอง wallet ใหม่ๆ อีก
แต่ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี ที่แน่ๆการตัดสินใจครั้งนั้นก็ได้พาอุตสาหกรรมธนาคารเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ไปอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ หลังจากนั้นคุณอาทิตย์ก็เปลี่ยน SCB เป็น SCBX พาธนาคารโลดแล่นเข้าสู่วงการเทคอันเป็นที่ลือลั่นและแน่นอนว่ามีเสียงคัดค้าน เสียงเยาะเย้ย และความสงสัยอยู่ตลอดทาง แต่คนแบบนี้ก็ยังเดินหน้าต่อไป
เมื่อสี่ปีก่อนผมได้ไปเยี่ยมโรงเรียน king’s college ซึ่งเป็นโรงเรียนนานาชาติเปิดใหม่ที่ได้โรงเรียนระดับโลกมาร่วมเป็นพันธมิตรและได้มีโอกาสฟังอาจารย์หมี สาคร สุขศรีวงศ์ ผู้ริเริ่มก่อตั้ง เล่าถึงที่มาที่ไปว่าโรงเรียนนี้เป็นความฝันของอาจารย์หมีเนื่องจากเป็นพ่อที่มีลูกชายสี่คน มีวันหนึ่งลูกชายที่ยังอายุไม่เท่าไหร่มาขอไปเรียนต่างประเทศเพราะมีความเชื่อว่าที่อังกฤษนั้นเขาจะได้รับโอกาสทางการศึกษาที่ดีกว่าอยู่ที่เมืองไทย ก็เลยเป็นแรงบันดาลใจให้อาจารย์หมีอยากทำโรงเรียนมาตรฐานโลกที่เมืองไทยขึ้นมา
ความคิดอะไรแบบนี้คนส่วนใหญ่ก็มีกัน แต่คนที่บ้าๆลงมือทำจริงๆทั้งที่ชีวิตก็ดีอยู่แล้ว เป็นอาจารย์ เป็นผู้บริหารหลายแห่ง นั้นคงมีน้อยคนนักที่กล้าไปขอเงินผู้ใหญ่มาลงทุนพันกว่าล้านบาทพร้อมกับตั้งเป้าหมายบอกผู้ลงทุนด้วยว่าจะไม่ทำกำไรสูงสุด แต่อยากทำโรงเรียนในฝันขึ้นมาให้ได้จริงๆ
หลังจากนั้นอาจารย์หมีก็ไปหาสถานที่ที่เหมาะสม ไปเสาะแสวงหาโรงเรียนอันดับหนึ่งของอังกฤษ เดินทางไปชวน ไปเล่า ไปแสดงวิสัยทัศน์อยู่หลายรอบด้วยความมุ่งมั่น แสดงความปรารถนาที่จะได้คุณครูที่ดีที่สุดด้วยค่าตอบแทนที่แพงมากๆ ซึ่งส่งผลให้อาจารย์หมีได้ king college โรงเรียนที่มีวิชาการเป็นเลิศอันดับหนึ่งของอังกฤษ และได้ใบสมัครคุณครูจากทั่วโลกมาหลายพันเพื่อคัดเหลือไม่กี่สิบคน
ผมเดินดูทั่วโรงเรียนด้วยความทึ่ง ทั้งเรื่องสถานที่ที่ออกแบบมาให้เด็กๆได้ใช้ชีวิตการเรียนนอกห้องเรียนมากกว่าในห้องเรียน สถานที่และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกขั้นสุดยอด กระบวนการคิดที่เอาเด็กๆ เป็นศูนย์กลางและมีคุณครูระดับสุดยอดของโลกมาสอน อาจารย์หมีอุทิศตนบุกตะลุยตามความฝัน ความเชื่อ จนเปิดโรงเรียนที่สมบูรณ์แบบขนาดนี้ได้ภายในระยะเวลาแค่หนึ่งปีครึ่ง…
คนที่คิดแล้วสร้างอะไรแบบนี้ได้ในปีครึ่ง ได้เดินดูและฟังเรื่องราวแล้วก็ได้แต่อึ้งและทึ่งถึงความมุ่งมั่นของอาจารย์หมีด้วยความชื่นชมอยู่ในใจ และผ่านไปสี่ปี King college ก็กลายเป็นโรงเรียนนานาชาติอันดับต้นๆของเมืองไทย
เมื่อสี่ปีก่อน ผมได้ฟังคลิปสัมภาษณ์ใน the standard ของอาจารย์เอ้ สุชัชชวีร์ ในตอนนั้นอาจารย์เอ้เป็นอธิการบดีแห่งสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหาร ลาดกระบัง เป็นเรื่องที่อาจารย์เอ้เข้าไปรับตำแหน่งเป็นอธิการบดีในช่วงที่
ลาดกระบังตกต่ำถึงขีดสุดเมื่อสิบปีก่อนเพราะเพิ่งมีเรื่องทุจริตถูกยักยอกเงินพันกว่าล้านบาท เป็นวิกฤตทั้งการเงินและชื่อเสียง อธิการบดีอายุน้อยอย่างอาจารย์เอ้ต้องเข้าไปในตอนนั้นพอดี เป็นบทสัมภาษณ์เรื่อง crisis management และการ turnaround ลาดกระบังที่สุดยอดและน่าฟังมากๆ
อาจารย์เอ้ก็เหมือนจะเป็นชนเผ่าเดียวกับ CEO ผมที่ SCB และอาจารย์หมี สาคร ที่พอทำงานอะไรแล้วไม่เคยคิดแค่จะทำเหมือนเดิม คิดการใหญ่ไปแค่มากกว่าประคองตัวในอยู่ในตำแหน่งแล้วหมดอายุไปอย่างสวยๆ อาจารย์เอ้มีความฝันที่จะยกระดับมหาวิทยาลัยขึ้นไปในสูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถึงกับประกาศจะชนะสิงคโปร์ให้ได้ และในตอนประกาศแบบนั้นก็โดนโห่ โดนดูถูกดูหมิ่นอยู่มากเพราะมหาวิทยาลัยที่มีบาดแผลขนาดนั้นเอาแค่กลับมาเหมือนเดิมได้ก็เก่งแล้ว จะไปคิดไปฝันให้ใหญ่มากๆมันไม่น่าจะเป็นไปได้
อาจารย์เอ้เล่าเรื่องการเปลี่ยนแปลงได้อย่างสนุกมาก ตั้งแต่การเริ่ม quick win เพื่อสร้างศรัทธา การปรับโครงสร้างมหาวิทยาลัยตามแบบ MIT ที่อาจารย์เอ้เคยไปเรียน การวางแผนยกระดับทางวิชาการ เดินสายหาทุนวิจัยให้มหาวิทยาลัย จนถึงการไปชนะสิงคโปร์ในการดึงมหาวิทยาลัยระดับโลกอย่างคาร์เนกี้เมล่อน 'เข้ามาร่วมได้
อาจารย์เอ้พยายามสร้างคณะแห่งอนาคตไว้เพื่อสร้างมหาวิทยาลัยให้ไปดักการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะมาถึง
ไม่ว่าจะเป็นการสร้างคณะแพทยศาสตร์ การสร้างโรงพยาบาล การสร้างขีดความสามารถในการผลิตอุปกรณ์การแพทย์เพราะอาจารย์เอ้คิดว่าในอนาคต ประเทศไทยจะมีความต้องการด้านนี้มาก พอคิดแล้วก็ทำเลย ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม ไม่สนทัวร์ลง สนแต่ความเชื่อของตัวเอง ได้ยินได้ฟัง และได้เห็นสิ่งต่างๆที่อาจารย์เอ้ทำตั้งแต่วันที่ตกต่ำที่สุดจนถึงวันนี้ ความรู้สึกของผมก็คล้ายๆกับตอนที่ได้เห็นโรงเรียนของอาจารย์หมี ก็คืออึ้งและทึ่งกับความบ้าระห่ำของคนแบบนี้
ตอนนี้ลาดกระบังกลายเป็นมหาวิทยาลัยที่ชั้นนำและทันสมัย ห่างไกลจากช่วงตกต่ำมากเหลือเกิน ส่วนอาจารย์เอ้ก็ออกมาตามความฝันบ้าๆของตัวเองในเส้นทางการเมืองต่อ…
ที่บอกว่าอึ้งและทึ่งมากๆก็เพราะผมไม่มีทางที่จะมีความกล้า มีความมุ่งมั่น และสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงอะไรได้แบบคนที่ผมเล่ามานี้เลย ในขณะที่คนส่วนใหญ่พอเวลามีอำนาจก็คิดแต่จะรักษาอำนาจนั้นไว้ทุกวิถีทาง หรือแค่เอาตัวรอดไปวันๆ ขอเกษียณแบบสงบๆ
โลกที่เดินต่อไปข้างหน้าได้ก็เพราะคนบ้าๆแบบนี้ที่ไม่เคยชอบใจที่จะอยู่เฉยๆ มองเห็นอะไรบางอย่างที่ไม่เหมือนชาวบ้าน คนเหล่านี้มักจะโดนว่า โดนดูถูกดูหมิ่น โดนเยาะเย้ยถากถาง วิพากษ์วิจารณ์ แม้กระทั่งโดนกลั่นแกล้ง โดนกำจัด แต่เหมือนเขาจะไม่สนใจ และที่สำคัญก็คือคนเหล่านี้มีความ “กล้า” ที่จะเปลี่ยนโลกถ้าเขาคิดว่าสิ่งที่เขาจะทำนั้นดีกว่าโดยไม่สนอะไรทั้งนั้น
ไม่ว่าเราจะชื่นชม สงสัย หรือไม่เห็นด้วยในแนวทางของพวกนี้ แต่ก็จะปฏิเสธไม่ได้เลยว่า คนแบบนี้ที่ดันโลกไปข้างหน้า เปลี่ยนโลกใบเดิมให้หมุนต่อไปข้างหน้าได้ ซึ่งเหล่านี้ ทำให้ผมนึกถึงคำพูดในโฆษณาของ apple ที่ชื่อ think different ซึ่งฉายภาพคนบ้าที่เปลี่ยนโลกทั้งหลายตั้งแต่ ไอนสไตน์ จอห์น เลนนอน คานธี พิคาสโซ ฯลฯ แล้วอธิบายถึงคนแบบนี้ว่า
“Here's to the crazy ones.
The misfits. The rebels. The troublemakers. The round pegs in the square holes.
The ones who see things differently. They're not fond of rules. And they have no respect for the status quo.
You can quote them, disagree with them, glorify or vilify them. About the only thing you can't do is ignore them.
Because they change things. They push the human race forward. And while some may see them as the crazy ones, we see genius.
Because the people who are crazy enough to think they can change the world, are the ones who do.”
นี่คือเหล่าคนบ้าๆ ไม่เข้าพวกกับใครทั้งนั้น พวกกบฏ พวกสร้างปัญหาให้ปวดหัว พวกหมุดกลมในรูเหลี่ยมทั้งหลาย
พวกที่เห็นอะไรไม่เหมือนชาวบ้าน ชอบแหกกฎ ไม่ชอบอะไรแบบเดิม
เราจะด่าว่าพวกนี้ จะไม่เห็นด้วย จะชมจะแช่งอะไรก็แล้วแต่ แต่ที่เราจะทำไม่ได้เลยคือเพิกเฉยกับพวกนี้ได้
เพราะคนพวกนี้เปลี่ยนโลก พวกนี้เป็นพวกผลักมนุษยชาติไปข้างหน้า และหลายคนอาจจะเห็นว่าพวกนี้เป็นพวกบ้าๆ แต่เราเห็นในมุมอัจฉริยะ เพราะคนที่บ้าพอที่คิดว่าจะเปลี่ยนโลกได้ ก็คือพวกที่เปลี่ยนได้จริงๆ…
คนที่บ้าระห่ำ มี will power ที่อยากจะเปลี่ยนโลก ไม่ใช่ทุกคนจะทำได้ตามความฝัน หลายคนก็ล้มเหลว แต่คนที่ทำได้นั้นเป็นคนบ้า เป็นพวกหมุดกลมในรูเหลี่ยมทั้งสิ้น… อันนี้ผมว่าเองนะครับ..
โฆษณา