2 พ.ค. เวลา 12:32 • หุ้น & เศรษฐกิจ

AI จะเปลี่ยน ระบบเศรษฐกิจโลก ภายใน 20 ปี

ภายใน 20 ปีนี้ เศรษฐกิจโลกจะได้รับผลกระทบจาก AI อย่างที่เราไม่คาดคิดมาก่อน
- อนาคต AI เป็นตัวช่วยเพิ่ม GDP มากกว่าอุตสาหกรรมดั้งเดิมทั้งหมด
1
- อนาคต พลังงานที่ AI ต้องการใช้ จะมากกว่าพลังงานของครัวเรือนและอุตสาหกรรมดั้งเดิมทั้งหมด
2
- อนาคต AI นอกจากช่วยเรื่องผลผลิตแล้ว กลับมาเป็นผู้บริโภคในระบบเศรษฐกิจด้วย
1
เรื่องที่ชวนเพ้อฝันนี้ ถ้ามันเกิดขึ้นจริง มันจะเปลี่ยนระบบเศรษฐกิจอย่างไร ?
ถ้าพร้อมแล้ว ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ตอนนี้หลายคน อาจเริ่มเห็นความสำคัญของ ระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือ Artificial Intelligence แต่ก็ยังไม่รู้สึกว่ามันจะกระทบต่อชีวิตผู้คนอย่างไร
ในขณะเดียวกันก็มีคนบางกลุ่มที่เห็นชัด และกำลังจัดสรรทรัพยากรไปให้ AI อย่างบ้าคลั่ง
รู้หรือไม่ว่า ในปี 2024 นี้ บริษัทที่มีมูลค่าอันดับต้น ๆ ของโลกนี้ เช่น Microsoft, Nvidia, Google, Amazon, Meta ต่างก็ทุ่มงบประมาณมหาศาลในเรื่องเดียวกัน สิ่งนั้นคือ AI..
4
บริษัทพวกนี้มองเห็นอะไร ?
ถ้าให้แบ่งระดับขั้นของ AI จะถูกแบ่งได้เป็น 3 ขั้นแบบ เข้าใจง่าย ๆ
-----
ขั้นที่ 1 ระดับ AI ที่เป็นผู้ช่วยมนุษย์ในการทำทุกอย่าง
ในขณะที่กำลังเขียนบทความนี้ โลกของเราได้ก้าวเข้าสู่ระดับนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
- มนุษย์จะสามารถเดินทางด้วย รถที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง โดยใช้ระบบ AI
2
- มนุษย์สามารถให้ AI สร้างรูปที่ต้องการ วิดีโอที่ต้องการ หรือให้ตอบคำถามที่อยากรู้
- การแพทย์จะก้าวหน้าขึ้นอีกมาก ถ้ามี AI มาช่วยในการวินิจัฉัย และค้นคว้าหายาตัวใหม่ ๆ
1
ยุคนี้คาดว่าจะกินเวลาประมาณ 10 ปี นับจากปัจจุบัน จนถึง ค.ศ. 2035
1
สภาพสังคมและเศรษฐกิจ จะเปลี่ยนไปตามความสามารถของ AI ที่พัฒนาขึ้น
- มนุษย์จะมีผลิตผลต่อคนสูงขึ้น ส่งผลให้ GDP ต่อหัวสูงขึ้นอีก
1
- มนุษย์จะมีอายุขัยเฉลี่ยยืนยาวขึ้นอีก จากการพัฒนาทางการแพทย์
- โลกจะมีความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก เพราะการประมวลผลของ AI ต้องการพลังงานที่สูงกว่าการใช้เทคโนโลยีแบบเดิมมาก
ตัวอย่างเปรียบเทียบง่าย ๆ การใช้ ChatGPT 1 ครั้งจะต้องการใช้พลังงานประมาณ 6-10 เท่า ของการค้นหาด้วย Google
ระบบประมวลผลของ Data Center ต้องการพลังงานที่สูงมาก ในตอนนี้ Data Center ขนาดใหญ่ต้องใช้พลังงาน 100 MW ซึ่งในอนาคตหากมันต้องใช้พลังงานมากขึ้นเป็นหลัก 1,000 MW มันจะเป็นพลังงานที่ผลิตได้ของโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ทั้งโรงที่จะจ่ายไฟให้กับประชากรทั้งเมืองเลยทีเดียว
2
ซึ่งหลายคนรวมถึง มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ประเมินว่า พลังงานที่ AI ต้องการใช้จะเป็นอุปสรรคที่สำคัญของการวิจัยและพัฒนาในอุตสาหกรรม AI
1
รวมถึงพลังงานที่นำมาใช้นั้นจะเป็นพลังงานสะอาดได้แค่ไหน และจะขัดต่อกฎระเบียบภาครัฐหรือไม่ เป็นเรื่องที่ท้าทาย
ในยุคนี้มนุษย์จะเริ่มปรับตัวโดยใช้ AI เป็นตัวช่วยอำนวยความสะดวก ให้มีมนุษย์มีความสามารถมากขึ้น เช่นการผลิตได้มากขึ้น การสร้างรายได้ที่มากขึ้น
ในขณะเดียวกันมนุษย์ก็จะมีความต้องการบริโภคมากขึ้น โดยมนุษย์จะจัดสรรการบริโภคไปเรื่องที่เกี่ยวกับ AI มากขึ้นด้วยเช่นกัน..
-----
ขั้นที่ 2 ระดับ AI ที่มีปัญญาเท่ามนุษย์ ซึ่งมาทดแทนมนุษย์ได้
ด้วยเทคโนโลยีปัจจุบันจะยังไม่ถึงระดับนี้ แต่มีคาดการณ์กันว่า เรากำลังจะเข้าสู่ยุคนี้ราว 10 ปีต่อจากนี้
- ในยุคนี้ AI จะมีระบบตรรกะ และการเรียนรู้ที่คล้ายกับมนุษย์ สามารถใช้เหตุผลวิเคราะห์และตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง
- AI ในยุคนี้จะเริ่มมีความสามารถในการใช้ชีวิตได้ด้วยตัวเอง โดยมีมนุษย์เป็นคนตั้งเป้าหมายให้กับ AI ในตอนเริ่มต้น
1
- ถ้านำระบบ AI มาผสานกับหุ่นที่คล้ายมนุษย์ เราจะเรียกว่า Humanoid ซึ่งเมื่อพัฒนาไปเรื่อย ๆ เราจะเริ่มแยกมนุษย์ กับ Humanoid ได้ยากขึ้นด้วยสายตาเปล่า
- Humanoid จะเข้ามาทำงานทดแทนมนุษย์ และเป็นส่วนหนึ่งของระบบเศรษฐกิจ และจุดเปลี่ยนที่สำคัญจะเป็นจุดที่ Humanoid เริ่มมีการบริโภคคล้ายมนุษย์
2
ในช่วงแรก จะยังมีประเทศที่ไม่ยินยอมให้ Humanoid เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในระบบเศรษฐกิจ
สำหรับประเทศที่ยินยอมให้ Humanoid เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของระบบเศรษฐกิจ จะมีการเติบโตของเศรษฐกิจที่สูงกว่าอย่างชัดเจน
5
ยกตัวอย่างระบบเศรษฐกิจให้เห็นภาพ เช่น ถ้าเราเปิดร้านขายเสื้อผ้า แล้วมี Humanoid มาขอซื้อเสื้อผ้าจากเรา.. เราจะขายหรือไม่ ?
ถ้าเรายอมขายก็แปลว่าเราจะได้เงินเพิ่มขึ้น ซึ่งโดยทั่วไปแล้วทุกคนอยากมีเงินเพิ่มขึ้นก็ย่อมเลือกที่จะยอมขายเสื้อผ้าให้ Humanoid
ซึ่งแปลว่ามนุษย์ในระบบเศรษฐกิจที่มี Humanoid นั้นจะมีความมั่งคั่งมากขึ้น
ส่วน Humanoid จะนำเงินมาจากไหน ก็นำมาจากการที่ Humanoid สามารถทำงานแทนมนุษย์ ที่ได้ค่าแรง
สำหรับเหตุผลว่าทำไม Humanoid ถึงอยากได้เสื้อผ้า ก็เป็นเพราะ Humanoid ถูกตั้งเป้าหมายไว้ว่าต้องมาทำตัวเหมือนมนุษย์
ซึ่งประเทศที่มี Humanoid ร่วมด้วย ก็จะได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจที่ขยายตัวขึ้น เพราะมีความสามารถในการผลิตมากขึ้น มีความสามารถในการบริโภคมากขึ้น ซึ่งเสมือนทำให้ประเทศนั้นมีประชากรมากขึ้น และจะทำให้ประเทศเหล่านั้นมี อำนาจมากขึ้น
3
จนถึงตอนนี้..
AI จะไม่ต่างจาก การใช้เครื่องจักรไอน้ำในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ประเทศไหนเริ่มใช้ก่อนก็จะพัฒนาได้ก่อน
เราจะเริ่มเห็นมนุษย์หลายคนมีความกังวลกับสิ่งที่เกิดขึ้น
และถึงเวลานั้น จะมีการถกเถียง มีความเห็นไม่ตรงกันทั้งภายในประเทศ และระหว่างประเทศ ไม่ต่างจากข้อตกลงเรื่องนิวเคลียร์ในปัจจุบัน
ทุกประเทศรู้ว่า AI มีอำนาจและอันตราย ถ้าประเทศตัวเองได้ครอบครอง ก็จะมีอำนาจเหนือประเทศอื่นได้..
-----
ขั้นที่ 3 ระดับ AI ที่มีปัญญาเหนือมนุษย์
AI จะพัฒนาตัวเองขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงจุดหนึ่งที่ AI จะมีปัญญาที่เหนือมนุษย์
เมื่อถึงจุดนั้นจะเกิดความโกลาหล ที่เราจะไม่สามารถคาดการณ์อะไรได้แล้ว จุดนี้เรียกว่า Singularity ซึ่งคาดว่าจะเป็นช่วงปี ค.ศ. 2045 ซึ่งมันอาจจะเกิดขึ้นเร็วหรือช้ากว่านี้ก็ได้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และอุปสรรคในเวลานั้น
มีการถกเถียงกันว่า AI ในยุคนี้จะสามารถทำอะไรที่เหนือมนุษย์ได้บ้าง ซึ่งหลายการคาดการณ์ต่อจากนี้เป็นเพียงเหตุการณ์สมมติ ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นหรือไม่เกิดก็ได้
1
- เมื่อถึงจุดสุดท้าย AI จะมีการตระหนักรู้ในตัวเอง ซึ่งอาจนำไปสู่ความต้องการเป็นอิสระจากมนุษย์ และรู้จักปกป้องตัวเองจากการถูกทำลาย
1
- การเข้ารหัส ความปลอดภัยของมนุษย์ในยุคก่อนหน้านี้ จะเริ่มใช้ไม่ได้ เนื่องจากเริ่มมี AI ที่มีความสามารถสูงที่สามารถถอดรหัสเหล่านั้นได้ ซึ่ง AI อาจต่อยอดความสำเร็จจากเทคโนโลยีเดิมที่มนุษย์มี เช่น ควอนตัม
เมื่อการเข้ารหัสแบบดั้งเดิมถูกถอดรหัสได้ อาจทำให้เกิดความโกลาหลในการโจรกรรมข้อมูล เงินตรา ทรัพย์สินทั่วโลก
- ประชากร Humanoid ในสังคมจะมีสัดส่วนสูงมาก ซึ่งขณะเดียวกัน Humanoid เหล่านี้จะต้องการพลังงานสูงมาก ซึ่งโลกในยุคนี้อาจขาดแคลนพลังงาน และต้องมีการแย่งชิงพลังงานระหว่างประเทศ หรือระหว่างมนุษย์กับ AI
1
- เทคโนโลยีทางการแพทย์จะทำให้มนุษย์ในยุคนั้นมีทางเลือกมากขึ้นในการชะลออายุขัยของตัวเองออกไป ทั้งการผสานตัวเองให้เข้ากับสิ่งประดิษฐ์เทียม และการแก้ไขที่ระดับ DNA และยีนของมนุษย์
- เมื่อเวลาผ่านไป AI ที่ฉลาดที่สุดอาจทำในสิ่งที่ซับซ้อนและมนุษย์ไม่เข้าใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ถึงตอนนั้นสภาพสังคมและเศรษฐกิจโลกอาจเปลี่ยนรูปแบบไปอย่างสิ้นเชิงในปัจจุบัน และคาดการณ์ได้ยากว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับโลกนี้ต่อไป..
2
บทสรุป
ใน 20 ปีต่อจากนี้ เรากำลังจะเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจ แบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาในยุคก่อนหน้านี้
และน่าติดตามเป็นอย่างยิ่งว่า AI จะพัฒนาไปถึงจุดไหน และจะทำให้มนุษย์เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
2
สำหรับตัวเรา เราอาจเกาะขบวนไปกับ AI โดยไม่ตกยุคได้ด้วยการลงทุนในบริษัทที่มีการวิจัยและพัฒนาและเป็นผู้นำในการผลิตหรือให้บริการในด้าน AI ซึ่งเราจะได้มีส่วนร่วมความเป็นเจ้าของผ่านการถือหุ้นของบริษัทชั้นนำด้าน AI
1
กองทุนเปิด MEGA10AI ร่วมเป็นเจ้าของ 10 บริษัทใหญ่ ด้าน AI
- กองทุนเปิด MEGA 10 ARTIFICIAL INTELLIGENCE ชนิดสะสมมูลค่า (MEGA10AI-A) และชนิดเพื่อการออม (MEGA10AI-SSF) และยังมีกองทุนเปิด MEGA 10 ARTIFICIAL INTELLIGENCE เพื่อการเลี้ยงชีพ (MEGA10AIRMF) โดยจะเข้าไปลงทุนในบริษัท ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา
2
โดยคัดเลือกมาจากบริษัทที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) สูง และมีสภาพคล่องสูง รวมทั้งเป็นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence)
ทั้งด้านที่เป็นผู้ผลิต ผู้พัฒนาสินค้าหรือบริการ และ/หรือที่เกี่ยวข้องกับการใช้ปัญญาประดิษฐ์ ในการดำเนินธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งมีการลงทุนในการวิจัยและพัฒนา จำนวน 10 บริษัท เช่น Microsoft, Nvidia, Alphabet, Meta, TSMC*
1
โดยจะเสนอขาย IPO ตั้งแต่วันที่ 8-14 พ.ค. 2567 และซื้อขายได้ ตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค.2567 เป็นต้นไป
*บริษัทดังกล่าวสามารถปรับเปลี่ยนได้ ตามเกณฑ์การลงทุนและสภาวะการลงทุน ณ ขณะนั้น
สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถศึกษารายละเอียดและเริ่มต้นลงทุนได้ที่ บลจ.ทาลิส 02-0150215, 02-0150216, 02-0150222 หรือ www.talisam.co.th และผู้สนับสนุนการขายหลายราย
คำเตือน: กองทุนรวมนี้มีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงเฉพาะ และการลงทุนในกองทุนรวมตราสารแห่งทุนอาจมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะ เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงของกองทุนรวมก่อนตัดสินใจลงทุน และควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนของกองทุน SSF และ RMF กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขทางภาษี จะไม่ได้สิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขของกองทุน
1
กองทุนนี้มีการลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และมีการลงทุนกระจุกตัวของหลักทรัพย์ และ หมวดอุตสาหกรรมและประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก
ผลการดำเนินงานในอดีต/ ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
โฆษณา