6 พ.ค. เวลา 14:00 • ธุรกิจ

เย็นคู่คนไทยมากว่า 72 ปี รู้จักแบรนด์ ‘ตรางู’ ทาปุ๊บ เย็นปั๊บ

เจ้าใหญ่ ‘ตลาดแป้งเย็น’ มูลค่า 2,000 ล้านบาท
อากาศร้อนกับ คนไทยเป็นของคู่กัน ประโยคที่เรามักพูดเล่นกันบ่อยๆ แต่ความร้อนกับประเทศไทยมันชักจะเลยเถิดขึ้นไปเรื่อยๆ แล้ว เพราะงานวิจัยหลายแห่งก็ชี้ให้เห็นว่าไทยเราร้อนขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง และในบทความ ‘Too Hot to Live’ ของ Earth.org ก็ได้ผลสรุปออกมาว่าในปี 2070 ค่าความร้อนไทยจะเติบโตเทียบเท่ากับ ‘ทะเลทรายซาฮารา’ เลยทีเดียว
เมื่อร้อนขนาดนี้ หลายคนก็ทำทุกวิถีทางเพื่อดับร้อน ทั้งอาบน้ำ กินน้ำเย็น แต่ที่ได้ผลที่สุดก็คงเป็นการเปิดเครื่องปรับอากาศ เพราะแก้ร้อนได้อยู่หมัด แต่การเปิดเครื่องปรับอากาศทั้งวันก็กินค่าไฟมหาศาลอีก งานนี้อับจนหนทางชนิดที่ว่าคงมีแค่ของวิเศษจากโดเรมอนเท่านั้นแหละที่ช่วยได้
แต่พอพูดถึงของวิเศษ ก็ทำให้นึกขึ้นได้ว่า เรามีของวิเศษอยู่หนึ่งอย่างที่พอทาแล้วก็เย็นขึ้นมาทันที จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก ‘แป้งเย็น’ ที่อยู่คู่กับเรามาตั้งแต่ยุคโบราณ สินค้าขายดีสำหรับทุกบ้าน จนชาวต่างชาติก็ต้องบินมาซื้อ
วันนี้ aomMONEY จึงจะพาทุกคนไปเจาะแบรนด์แป้งเย็นที่คุ้นหูกันอย่างดี กับ ‘แป้งเย็นตรางู’ กระป๋องเหล็กที่เชื่อว่าหลายบ้านต้องมีติดไว้ ว่าจุดเริ่มต้นของแบรนด์เป็นอย่างไร และทำไมแป้งเย็นถึงเป็นเหมือนไอเทมวิเศษที่ทาปุ๊บเย็นได้ทันที มาดูกัน
❄️ แป้งเย็นตรางู ของคู่คนไทยมากว่า 72 ปี
เดิมที ‘ตรางู’ มีชื่อเต็มว่า ‘ห้างขายยาอังกฤษ’ (British Dispensary) ก่อตั้งขึ้นในปีพ.ศ. 2435 โดยนายแพทย์โทมัส เฮย์วาร์ด เฮย์ และดร.ปีเตอร์ กาแวน โดยตั้งเป้าเป็นร้านขายยาทันสมัย เชื่อถือได้ด้วยการดูแลของเภสัชกรที่ประจำอยู่หน้าร้าน และได้เปลี่ยนมือผู้บริหารมาสู่คนไทยในปี พ.ศ. 2471 โดยหมอล้วน ว่องวานิช ซื้อกิจการมาบริหารต่อ พร้อมทั้งเริ่มคิดค้นพัฒนาสูตรสินค้าต่างๆ จนกลายผลิตภัณฑ์ ‘แป้งเย็น’ ในปี พ.ศ. 2490
เอกลักษณ์หนึ่งที่เราเห็นกันในแป้งเย็นตรางู คือการใช้กระป๋องเหล็ก โดยแนวคิดของหมอล้วนที่ต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ที่สามารถกักเก็บประสิทธิภาพของแป้งได้มากขึ้น แม้จะเกิดการขาดแคลนกระป๋องเหล็กเพราะต้องนำเข้า แต่สุดท้ายก็ผลิตได้เองจนแก้ปัญหาไป
ต่อมาทางแบรนด์ได้มีการค้นคว้า และพัฒนาสินค้าเพิ่มเติม เช่น ยาแก้ไข้เด็ก ยาแก้ไอเด็ก ยาแก้หวัดเด็ก ยาแก้ไอน้ำดำ น้ำมันเซนลุกซ์ และอื่นๆ อีกมากมาย จะเห็นได้ว่าส่วนใหญ่แล้วจะเป็นสินค้าด้านเวชภัณฑ์ ซึ่งอิงกับสัญลักษณ์ของแบรนด์ ที่ ‘งู’ หมายถึง อสรพิษ สื่อถึงโรคร้าย ส่วน ‘ลูกศรที่ปักกลางตัวงู’ หมายถึงการที่โรคร้ายถูกกำจัด เปรียบเสมือนยารักษาโรคนั่นเอง
❄️ ‘เมนทอล’ ความลับของแป้งเย็นที่ทำให้เรา ‘ทาปุ๊บ เย็นปั๊บ’
จริงๆ แล้ว ‘เมนทอล’ เป็นสารที่เราได้ยินอยู่บ่อยๆ เพราะในอาหารจำพวกขนมหลายชนิดก็มีการผสมเมนทอลลงไปด้วย ซึ่งตัวเมนทอลเองก็นับว่ามีความปลอดภัยในเบื้องต้น เพราะเป็นสารที่สกัดได้จากพืช อย่าง สะระแหน่ หรือมินต์ จึงสามารถใส่ลงในอาหาร หรือแป้งได้ แต่ก็ต้องได้รับการควบคุมคุณภาพการผลิตอย่างใกล้ชิดด้วย
โดยตัวเมนทอลจะเข้าไปจับกับเซลล์ประสาทรับความรู้สึก และส่งสัญญาณไปยังสมองส่วนรับรู้อุณหภูมิทำให้เรารู้สึกเย็น แม้ว่าอุณหภูมิจะไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย
ด้วยเหตุนี้การทาแป้งเย็นออกไปตากความร้อนนอกบ้าน อาจช่วยบรรเทาความรู้สึกไม่สบายตัวจากความร้อนได้ และอาจลดเหงื่อลงได้บ้าง แต่ด้วยความที่อุณหภูมิจริงไม่เปลี่ยนแปลง ก็อาจทำให้เรายังได้รับผลกระทบจากความร้อนอย่างเช่น ฮีตสโตรกได้อยู่ จึงควรระมัดระวังการอยู่ในที่แดดจัด และดื่มน้ำให้มากๆ เพื่อลดอุณหภูมิจริงไม่ให้ร้อนจนเกินไปด้วยนั่นเอง
💰 เบอร์สอง ตลาดแป้งเย็นไทย มูลค่า ‘2,000 ล้านบาท’ กวาดรายได้ปี 2565 กว่า 50 ล้านบาท
➡️ ปี 2563: รายได้ 79 ล้านบาท กำไร 1.7 ล้านบาท
➡️ ปี 2564: รายได้ 70 ล้านบาท กำไร 2.3 ล้านบาท
➡️ ปี 2565: รายได้ 51 ล้านบาท กำไร 143,739 บาท
ที่มา: กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
แม้ปัจจุบันจะเป็นเบอร์สองของตลาดแป้งเย็น (รองจากเบอร์หนึ่งอย่าง Protex) แต่ตรางูก็ครองส่วนแบ่งกว่า 25% ในตลาด และมีแผนจะเพิ่มส่วนแบ่งให้เป็น 30% ด้วยการทุ่มงบการตลาดกว่า 200 ล้านบาท โดยเฉพาะตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ‘แป้งเย็นตรางู ไวลด์ ทานาคา’ ที่เจาะลูกค้ากลุ่มรักสวยรักงาม และมุ่งเน้นการทำตลาดออนไลน์เป็นหลักเพื่อตอบรับกับยุคสมัย
จะเห็นได้ว่าไอเทมประจำบ้านอย่างแป้งเย็นตรางู ที่แม้จะมีความเก่าแก่ และอยู่คู่กับเรามานานกว่า 7 ทศวรรษ แต่แบรนด์เองก็ยังมีการปรับตัวเข้าหาลูกค้า ทั้งการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ และกลยุทธ์การตลาด จนสามารถครองเบอร์สองในตลาดแป้งเย็นได้ จึงเป็นที่น่าจับตามองไม่น้อยเลยว่า วันหนึ่งไอเทมชิ้นโปรดของใครหลายคนนี้จะขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งของตลาดแป้งเย็นในอนาคตได้หรือไม่
เขียน: ชลทิศ ทองไพจิตร
ภาพ: ภควดี เขมะพานิช
#aomMONEY #BrandInvestment #ธุรกิจ #แป้งเย็น #ลงทุน #Brand
โฆษณา