5 ธ.ค. 2018 เวลา 08:00
ล้อมเว่ยช่วยจ้าว (Part 1)
กลยุทธนี้มีความหมายว่า เมื่อข้าศึกรวมศูนย์กำลัง เราควรใช้อุบายแยกข้าศึกออกทำให้กระจัดกระจาย ห่วงหน้าพะวงหลัง แล้วจึงเข้าโจมตี
ตำราพิชัยสงครามซุนวูกล่าวไว้ว่า
"เรารวมเป็นหนึ่ง ข้าศึกแยกเป็นสิบ เราก็มาก ข้าศึกก็น้อย"
ภายใต้สถานการณ์ที่ประเมินได้ "การบุกข้าศึกทีหลังได้เปรียบกว่าการชิงบุกก่อน"
เพราะเราสามารถประเมินกำลังรบของศัตรูได้ว่าศัตรูรวมศูนย์กำลังรบไปที่ใด แต่ศัตรูไม่มีทางรู้เลยว่าเรารวมศูนย์กำลังรบไว้ที่ใด
ดังคำกล่าวที่ว่า "ศัตรูแจ้งไม่สู้ศัตรูมืด"
ศัตรูแจ้ง หมายถึง การส่งทหารเข้าบุกก่อนซึ่งเป็นการเปิดเผยกำลังรบ
ศัตรูมืด หมายถึง การส่งทหารเข้าบุกทีหลังซึ่งเป็นการซ่อนเร้นกำลังรบไม่ให้ศัตรูคาดเดาได้
หลังจากซุนวูถึงแก่กรรมไปร้อยกว่าปีก็มีสุดยอดนักการทหารปรากฏตัวขึ้นมาอีกคนหนึ่ง มีชื่อว่า ซุนปิน ว่ากันว่าเขาสืบเชื้อสายมาจากซุนวู
ซุนปินกับพังจวนเมื่อยังเล็กเป็นศิษย์ร่วมสำนักหุบเขาปิศาจศึกษาวิชามาด้วยกัน
ต่อมาฮุ่ยอ๋องแห่งแคว้นเว่ยประกาศหาผู้มีความรู้ความสามารถ พังจวนจึงได้เดินทางไปยังแคว้นเว่ย
ฮุ่ยอ๋องให้เข้าเฝ้าและถามเรื่องพิชัยสงครามพังจวนก็ตอบได้คล่องแคล่วจึงแต่งตั้งให้เป็นขุนพล
ต่อมาพังจวนรู้ว่าความสามารถตนเทียบซุนปินไม่ได้ หากไปเข้ากับแคว้นอื่นจักไม่เป็นผลดี จึงยุให้ฮุ่ยอ๋องเชิญตัวซุนปินมาคุมตัวไว้เพื่อไม่ให้เป็นภัยแก้ตน
ฮุ่ยอ๋องให้ซุนปินเข้าเฝ้าและไต่ถามเรื่องพิชัยสงคราม ซุนปินตอบได้ฉะฉานทั้งวิเคราะห์เหตุผลได้เกินหน้าพังจวน
จึงแต่งตั้งให้เป็นขุนนาง พังจวนจึงคิดริษยาอยากจะกำจัดซุนปินไปให้พ้นๆทาง
ซุนปินเดิมเป็นคนแคว้นฉี แคว้นฉีกับแคว้นเว่ยเป็นศัตรูกัน พังจวนจึงอาศัยเหตุนี้สร้างหลักฐานเท็จ ปลอมจดหมายซุนปินส่งถึงแคว้นฉี
ฮุ่ยอ๋องหลงเชื่อพังจวนจึงสั่งให้จับซุนปินขังคุก แต่พังจวนก็ยังถืออำนาจสั่งให้ตัดลูกสะบ้าหัวเข่าซุนปินออกทั้งสองข้าง ทั้งยังสักหน้าเพื่อประจานซุนปินว่า คบคิดต่างชาติ
ซุนปินได้แต่เก็บความคับแค้นอยู่ในใจ ปฏิญาณว่าวันหนึ่งจะต้องล้างแค้นให้ได้
อยู่มาวันหนึ่งซุนปินนึกถึงคำๆหนึ่งในตำราพิชัยสงครามที่ว่า "การศึกมิหน่ายเล่ห์"
ซุนปินจึงแกล้งเป็นบ้าปล่อยผมเผ้ารุงรัง ตาเหม่อลอย น้ำลายฟูมปาก การเฝ้าดูก็คลายความเข้มงวดลง
และแล้วโอกาสของซุนปินก็มาถึง แคว้นฉีส่งฑูตมายังแคว้นเว่ย ซุนปินทราบข่าวเข้าก็ถือโอกาสในคืนที่ฝนตกหนักคลานไปหาฑูตแคว้นฉียังที่พัก
เล่าให้ฟังถึงความทุกข์ทรมานที่ตนได้รับ ฑูตฉีจึงตอบรับที่จะช่วยพาซุนปินออกไปให้พ้นแคว้นเว่ย
เมื่อถึงแคว้นฉีซุนปินได้เข้าเฝ้าเวยอ๋อง เวยอ๋องไต่ถามเรื่องพิชัยสงครามซุนปินก็ตอบได้ไม่ติดขัด เวยอ๋องจึงแต่งตั้งให้เป็นกุนซือที่ปรึกษาการทหาร
ต่อมาแคว้นเว่ยคิดจะตีแคว้นจ้าวมาเป็นของตนจึงแต่งตั้งพังจวนเป็นแม่ทัพใหญ่นำทหารไปล้อมแคว้นจ้าวไว้
แคว้นจ้าวจึงส่งคนไปขอความช่วยเหลือยังแคว้นฉี แคว้นฉีตกลงช่วยจึงแต่งตั้งให้เถียนจี้เป็นแม่ทัพ ให้ซุนปินเป็นกุนซือนำทัพไปช่วยแคว้นจ้าว
เถียนจี้นำกองทัพมาถึงชายแดนระหว่างสองแคว้น เตรียมจะบุกเข้าแคว้นจ้าวแต่ซุนปินห้ามไว้ว่า
การแก้กรณีพิพาทเราไม่ควรนำกำลังไปปะทะด้วยกับทั้งสองฝ่าย หากแต่เราควรนำกำลังเข้าโจมตีจุดที่อ่อนแอ ยุติกรณีพิพาท การโอบล้อมก็จะผ่อนคลายลงไปเอง
ทัพฉีจึงเปลี่ยนแผนนำกองทัพทั้งหมดบุกเข้าโอบล้อมแคว้นเว่ยที่แทบจะว่างเปล่าแทน
พังจวนได้ข่าวว่าแคว้นเว่ยถูกล้อมก็ตกใจเกรงว่าจะไม่มีที่ให้กลับ
จึงสั่งถอนกำลังทหารทั้งหมดกลับแคว้นเว่ย การโอบล้อมแคว้นจ้าวก็คลี่คลายลงไป
ซุนปินทราบว่าพังจวนถอนทัพกลับก็ส่งทหารไปซุ่มโจมตีระหว่างทางกลับ
ทหารเว่ยเร่งเดินทางมาอย่างเหน็ดเหนื่อยอ่อนเพลีย เมื่อถูกซุ่มโจมตีก็แตกกระเจิง หลบหนีไม่เป็นอันสู้รบ ถูกทหารฉีฆ่าตายไปเป็นจำนวนมาก
กองทัพเว่ยพ่ายแพ้ยับเยิน พังจวนได้แต่รวบรวมกำลังพลที่เหลือตีฝ่าวงล้อมกลับไปยังแคว้นเว่ย
ยิ่งมารู้ทีหลังว่าเป็นแผนการณ์ของซุนปินก็ให้ยิ่งเจ็บแค้นใจมากขึ้น
To be continued.
่ยังไม่จบนะครับ เรื่องค่อนข้างยาว จุดจบของพังจวนจะเป็นอย่างไร ไว้มาต่อ Part 2 นะครับ
โฆษณา