30 มี.ค. 2019 เวลา 15:44 • ความคิดเห็น
CHIANG MAI PM2. 5 / 1
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=2110642502518644&id=1537755823140651
แถลงการณ์ ร่วมขับไล่ตำแหน่งผู้ว่าฯ เชียงใหม่
.
ความไร้น้ำยาของผู้ว่าราชการจังหวัดต่อการจัดการมลพิษฝุ่นที่ได้ดำเนินมามากกว่าหนึ่งเดือนในเชียงใหม่และอีกหลายจังหวัดภาคเหนือ ในด้านหนึ่งอาจสะท้อนปัญหาความสามารถส่วนบุคคลของผู้ว่าฯ แต่ละคน บางส่วนอาจมีความสามารถอยู่มาก บางคนอาจมีอยู่บ้าง และบางคนก็อาจไม่มีอยู่เลย ขึ้นอยู่กับโชคชะตาของผู้คนในแต่ละแห่ง
.
แต่ในอีกด้านหนึ่ง ปัญหานี้สะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวของการปกครองในท้องถิ่นที่อยู่ภายใต้อำนาจของรัฐราชการรวมศูนย์ของไทย หน่วยงานในระดับท้องถิ่นต้องขึ้นอยู่กับรัฐบาลที่กรุงเทพฯ เป็นหลัก การเติบโต การตกอับ ความก้าวหน้า ของแต่ละคนล้วนขึ้นอยู่กับรัฐบาลและรัฐมนตรีเป็นสำคัญ ความเห็น ความรู้สึก และแม้กระทั่งสวัสดิภาพของประชาชนในท้องถิ่นก็มีค่าเบาบางเสียยิ่งกว่าฝุ่นเสียอีก
.
จึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจที่จะไม่มีการประกาศให้เชียงใหม่เป็นเขตควบคุมมลพิษ เพราะมันอาจกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวซึ่งหมายถึงรายได้ของรัฐโดยรวม ทำให้ไม่มีการประกาศเกิดขึ้นเพราะเกรงกระทบต่อภาพรวมที่รัฐบาลรับผิดชอบ แม้ว่าปริมาณฝุ่นจะอยู่ในระดับที่เป็นอันตรายอย่างรุนแรงต่อชีวิตของคนในพื้นที่ก็ตาม
.
ต่อให้มีคนตายเกิดขึ้นก็ไม่ได้มีนัยสำคัญต่อการดำรงตำแหน่งของตนเองแต่อย่างใด ตราบเท่าที่รัฐบาล (โดยเฉพาะรัฐบาลภายใต้ คสช.) ยังพึงพอใจอยู่ก็เป็นการเพียงพอแล้ว
.
ปัญหาของการจัดการฝุ่นจึงไม่ใช่แค่ความไร้น้ำยาส่วนตัวของผู้ว่าฯ แต่ละคน แต่เป็นปัญหาในระดับโครงสร้าง การเรียกร้องให้ผู้ว่าฯ ออกจากพื้นที่ที่มีปัญหาไปก็ไม่มีหลักประกันว่าคนที่จะมาทดแทนจะทำหน้าที่ตอบสนองต่อชีวิตของคนในพื้นที่แต่อย่างใด รวมทั้งอาจเป็นการผลักเอาผู้ว่าฯ ที่ไร้น้ำยาไปให้กับผู้คนในจังหวัดอื่นรับกรรมต่อไป
.
สิ่งที่ควรทำก็คือ ควรต้องร่วมกันขับไล่ตำแหน่งผู้ว่าฯ ที่มาจากการแต่งตั้งโดยรัฐราชการรวมศูนย์ โดยการเปลี่ยนให้เป็นผู้ว่าฯ ที่มาจากความเห็นชอบของประชาชนในจังหวัดนั้นๆ เอง ซึ่งอาจช่วยให้ศีรษะของผู้คนในท้องถิ่นได้ถูกมองเห็นเพิ่มมากขึ้น
.
ศูนย์วิจัยและพัฒนากฎหมาย
คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
30 มีนาคม 2562
เจอคำตอบแล้วครับว่าทำไมผู้ว่าถึงยังไม่ประกาศให้เชียงใหม่เป็นเขตภัยพิบัติ? เพราะติดระเบียบนั่นเอง!!!??? https://news.thaipbs.or.th/content/278767
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=10204734330594546&id=1725432152
ว่าจะอดทนยอมรับสภาพ ไม่โวยวายเรื่องนี้อีกแล้ว เพราะเห็นว่าที่ผ่านมาโวยวายไป ตนก็ไม่อาจช่วยหาทางออกที่มีประสิทธิภาพได้ ด้วยปัญหาเรื่องมลพิษทางอากาศนี้มีหลากหลายมิติจนมิอาจแก้ไขได้โดยง่ายเหมือนใจหวัง
การศึกษาที่ผ่านมา ชี้ชัดว่า มลพิษทางอากาศมีผลร้ายต่อสุขภาพทั้งในระยะสั้นและระยะยาวทำให้เกิดโรคทางเดินหายใจ เพิ่มอัตราเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง มะเร็งปอด มีผลกระทบต่อพัฒนาการในเด็ก หรือแม้แต่ มีผลให้ทารกคลอดก่อนกำหนด
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือแม้ปัจจัยเสี่ยงต่อโรคเหล่านี้
มีหลายปัจจัย โดยบางปัจจัยนั้นสามารถหลีกเลี่ยงได้
แต่สำหรับ ผลกระทบที่เกิดจากมลพิษทางอากาศแล้ว ไม่มีใครที่หลีกเลี่ยงได้เพราะทุกคนต้องหายใจ ผลกระทบในระดับประชากรจึงรุนแรงนัก
แม้ผมยังไม่สามารถเสนอทางแก้ไขที่เป็นรูปธรรมได้ในขณะนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมเห็นมาตลอดว่าเป็นอุปสรรคใหญ่ในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงคือ ความเข้าใจและตระหนักในระดับของความรุนแรงของปัญหาของประชาชนส่วนใหญ่ยังมีน้อย รวมถึงทัศนคติของหน่วยงานรัฐ ที่มีต่อปัญหาหมอกควันพิษ (apathy)
ผมเชื่อว่าประชาชนอีกมากที่ยังไม่เข้าใจลึกซึ้งถึงภยันตรายทั้งระยะสั้นและระยะยาวของมลพิษทางอากาศ มากพอจนให้เกิดแรงผลักดันเปลี่ยนแปลงทางสังคม
สิ่งที่ประชาชนผู้รับชะตากรรม ไม่สบายใจคือ
1. ประชาชนไม่อาจมีความ เชื่อมั่น ข้อมูลจากหน่วยงานของรัฐที่รายงานสถานการณ์มลพิษทางอากาศจนต้องลุกขึ้นพึ่งพาตนเองสร้างเครือข่ายติดตามสภาวะสภาพอากาศด้วยตัวเอง
2. ผู้ที่เจตนาดี เสียสละลุกขึ้นช่วยรณรงค์สร้างความตระหนักให้ประชาชน ก็ถูกภาครัฐ มองเป็นศัตรู ให้งดกิจกรรมรณรงค์ไม่พอ ยังทำเรื่องกล่าวโทษฟ้องร้องว่าทำเสื่อมเสียภาพลักษณ์
3. จริงอยู่ว่า หลายคนอาจรู้สึกว่าการเผยแพร่ภาพ บรรพกษัตริย์ (แห่งอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ) สวมหน้ากากพิษเป็นเรื่องไม่เหมาะสม ตามธรรมเนียม (แม้เป็นเรื่องปกติในสากล)
แต่หากมองเจตนา ของผู้เผยแพร่ นั้นที่สุดไม่ใช่การลบหลู่ แต่ต้องการสร้างความตระหนักให้กับสังคม
เพื่อหวังให้เกิดการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่ในทุกภาคส่วน
4. ผู้บริหารภาครัฐ โดยเฉพาะทางจังหวัด เป็นห่วงแต่ภาพพจน์ของตนเอง มากกว่า สุขภาพประชาชน
ประชาชนรู้สึกว่า เจ้าหน้าที่รัฐทำตัว เหมือนมีอำนาจล้นฟ้า ไม่ฟังเสียงประชาชน เอะอะก็บอกจะฟ้องร้อง มองประชาชนเป็นศัตรู
5. หลายคนเกรงว่าหากสร้างความตระหนัก จะเกิดความตระหนก ส่งผลลบในด้านผลต่อบรรยากาศการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ
ผมกลับมองว่า ในฐานะเจ้าบ้านผู้มีความรับชอบ
เราควรแจ้งเตือนนักท่องเที่ยวผู้มาเยือนถึงสถานการณ์ความรุนแรงของสภาวะมลพิษทางอากาศอย่างตรงไปตรงมา
อยากให้เขาเห็นว่าเราคำนึงถึงความปลอดภัยสุขภาพของเขามากกว่าเงินในกระเป๋าของเขา
ผมเชื่อว่า โดยวิธีคิดแบบนี้แม้เราอาจสูญเสียรายได้ไปบ้างในระยะสั้น แต่ชื่อเสียงของเราในการเป็นเจ้าบ้านที่รับผิดชอบจะสร้างความเชื่อมั่น ความรู้สึกที่ดี ส่งผลดีต่อภาพลักษณ์และเศรษฐกิจท้องถิ่นของเราในระยะยาว
6. ผมขอชื่นชม ผู้บริหารคณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่จะแจกหน้ากากให้กับบุคลากรทุกคน ในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ เป็นตัวอย่างหน่วยงานทางสุขภาพ ที่ชี้นำสังคม ในทางที่ถูกต้อง อยากให้หน่วยงานราชการอื่นทำบ้าง
แม้แทบจะสิ้นหวัง
แต่ผมยังเชื่อว่า สังคมที่เจริญแล้ว คือสังคมที่ยอมรับความจริง ไม่หลีกเลี่ยงปัญหา ระดมสติปัญญาในการค้นหาต้นตอแท้จริง และวางแผนแก้ไขในระยะยาวอย่างเป็นระบบ โดยใช้หลักฐานทางวิทยาศาสตร์และขบวนทางสังคมที่มีส่วนร่วมจากทุกๆคน
ด้วยความรักและหวังดีจริงๆครับ
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=2295352940528890&id=100001626194728
ฝุ่นมันก็ช่างเลือกมาสูงเอาวันหยุดราชการเนาะ
ปี 2562 หมอกควันปิดเมืองตั้งแต่ยังไม่สิ้นกุมภาพันธ์ เร็วกว่าปีก่อนๆ จนชาวเชียงใหม่ตั้งตัวแทบไม่ทัน มิตรสหายหลายคน โดยเฉพาะสายภูมิแพ้ ก่นด่าสาปแช่งเต็มหน้าเฟซบุ๊ค
ฉันขี่มอเตอร์ไซค์หิ้วถุงยากลับบ้านด้วยอารมณ์ขุ่นมัวและอาการแสบตาอย่างหนัก ในถุงนั้นมียาแก้อักเสบที่หมอให้มาเพราะอาการไอจนปวดหัว เสมหะในคอก็ไม่หดหายสักที ทั้งบ้านมีแต่เสียงไอคล้งเคล้งของสมาชิกครอบครัวทุกเจเนอเรชั่น ส่งเสียงกันมาตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์เรื่อยยาวมาจนถึงปลายเดือนมีนาคม และต่อให้ปิดหน้าต่างหรือขยันถูพื้นมากแค่ไหน ฝุ่นก็ยังลอยเข้ามาเกลื่อนบ้านอยู่ดี
ข่าวเผาก็ออกมาเป็นระลอกๆ พร้อมกับคำถามว่า “ผู้ว่าฯ อยู่ไหน” เพราะแทบไม่เห็นฝ่ายรัฐปรากฏตัวออกมาจัดการเร่งด่วนเหมือนเมื่อครั้งเกิดที่กรุงเทพฯ
“ฮาจะแก๊นควันต๋ายแล้ว!”
หลังจากหนึ่งวันก่อนหน้านั้นท่านให้สัมภาษณ์ว่า “สถานการณ์ยังไม่เลวร้าย”
เชียงใหม่ Silent Hill - waymagazine.org | นิตยสาร WAY https://waymagazine.org/chiangmai-silent-hill/
งบดับไฟป่าแต่ละปีไม่รู้กี่ร้อยล้านมันกระจายหายไปกับไฟ สุดท้ายต้องมาขอรับบริจาคจากประชาชน​ ในขณะ่ประชาชนและภาคเอกชนดิ้นด้วยตัวเองมาเป็นเดือน
#เจาะข่าวเช้านี้ #สถานีวิทยุจุฬา #ฝุ่นควันเชียงใหม่ PM2.5
นายแพทย์ รัตนชัย ชาญชัย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาโรคหัวใจ โรงพยาบาลลานนา เชียงใหม่ กล่าวกับสถานีวิทยุจุฬาถึงปัญหาหมอกควันพีเอ็ม 2.5 ที่มีต่อสุขภาพของประชาชนว่าเป็นปัญหาที่มีความอันตรายมาก เนื่องจากจะทำให้เกิดการกระตุ้นโรคต่างๆซึ่งอาจทำให้ประชาชนเสียชีวิตได้
อ่านต่อ&ฟังคลิป คลิก.. https://goo.gl/eiL87s
ค่าฝุ่นควัน​พุ่งพรวด
พะเยา​ แม่อาย​ เวียง
เชียงใหม่วิกฤต‼️ ฝุ่นพิษพุ่งสูง ณ เวลา 11.00 น. ค่าฝุ่นพิษ Beyond AQI รวม 9 จุด ถูกหมอกควันหนาทึบปกคลุมหนาแน่นทุกพื้นที่ https://www.cm108.com/bbb/topic/8421-เชียงใหม่วิกฤต-beyond-aqi-รวม-9-จุด/
โปดโทะ
นักวิชาการ มช. คาด หมอกควันพิษในเชียงใหม่ อาจยาวนานถึงเดือน พ.ค. http://news.thaipbs.or.th/content/278860
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=2292594804138037&id=100001626194728
เมื่อวาน
ช่วงบ่ายลมแรง
มองไปทางดอยหลวงทึบเทา เห็นกลุ่มควันไฟ
พุ่งโพยขึ้น ทางยอดดอยสามพี่น้อง ในใจนึกหวั่น
สงสารกวางผา ต้องหนีตายไปชุกซ่อน ในซอกหน้าผา
สักพัก ได้ยินเสียงเฮริคอปเตอร์ เห็นหิ้วถังน้ำมา มาโปรย
อยู่ 3-4 รอบ
เรารู้สึกดีใจ เหมือนในหนัง ทั้งที่ไม่รู้ว่า
มันจะดับได้หรือไม่
จนป่านนี้
ยังไม่มีท่าทีว่าจะมีฝนตก
น้ำในลำห้วย เริ่มแห้งขอดและเหือดหายไป
ป่าหลายที่ แห้งๆๆ แห้งมากๆๆๆ จนใบไม้กรอบแกบ
ไฟป่า มักจะเกิดในช่วงบ่ายๆ
ช่วงเช้าเป็นโอกาส ที่จนท.และชาวบ้าน
จะได้เตรียมตัว ทั้งเสบียงและอุปกรณ์ดับไฟ
แล้วออกไปลาดตะเวนและเฝ้าระวัง ตามจุดเสี่ยง
ถ้าพบไฟป่ากำลังไหม้ ก็จะเข้าไปช่วยกันดับทันที
หลายครั้ง ไฟดับไปแล้ว ก็ลุกไหม้ขึ้นมาได้อีก
ก็ต้องดับอีก จนค่ำมืด
ผมเห็นเด็กหนุ่ม ลูกจ้างดับไฟบางคน
ถึงกับนอนแผ่หร่า ไปตามพื้นดิน
อย่างสิ้นแรง
ไฟป่า
ร้อยทั้งร้อยนั้น เกิดจากคนเผา
คนเผา ปฏิเสธไม่ได้ว่า เป็นชาวบ้านเราๆนี้แหละ
(ไม่ได้มีเจตนา กล่าวโทษ แต่ต้องการชี้ให้เห็นถึง ที่มาของไฟป่า)
ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนที่ไม่ได้ รับรู้ข่าวสารข้อมูลอะไร
ไม่รู้หนังสือหรือบางคนอาจจะพูดไทยไม่ได้เสียด้วยช้ำ
ในชีวิตพวกเขาเข้าป่า มากกว่าเข้าเมือง
ป่าจึงเป็นแหล่งหากิน ทั้งเก็บหาของป่า
และเลี้ยงสัตว์
แต่หลายพื้นที่
ไฟป่าก็เกิดจากการเผาไร่ข้าวโพด
แล้วลุกลามไปในป่า ยิ่งลามเข้าไปในป่า
ที่ลาดชัน ดอยสูงและห่างไกล ก็จนปัญา
ที่จะหยุดยั้งได้
สถานการณ์ไฟป่า
ยิ่งนานวันเข้า ทั้งจนท.และชาวบ้าน
ก็อ่อนหล้า โรยแรงและเหน็ดเหนื่อย
บางครั้งก็ เห็นเขาปล่อย ให้ไฟมันไหม้ไปเลยก็มี
น่าเห็นใจครับ
ตอนนี้ไปหนักเอาแถวพม่า​ อินเดีย​อีสาน​ บังคลาเทศ
#เชียงใหม่ #แพทย์มช. #แนะทำคลีนรูมรับกลุ่มเสี่ยงพักชั่วคราวหนีฝุ่นพิษ
ศ.นพ. ชายชาญ โพธิรัตน์ อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคระบบการหายใจ​ เวชบำบัดวิกฤตและภูมิแพ้​ ภาควิชาอายุรศาสตร์​คณะแพทยศาสตร์​ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า จากการประชุมร่วมกับทางสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งข้อมูลที่ได้รับการเจ็บป่วยของประชาชนในพื้นที่จาก 4 โรค ได้แก่ โรคหัวใจ โรคปอด โรคตาอักเสบ โรงผิวหนังอักเสบ เพิ่มขึ้นมาตั้งแต่เดือน ธันวาคม 2561 มีผู้ป่วยประมาณ 90,000 คน และปัจจุบันมีแนวโน้มที่ลดลง ทำให้ทางจังหวัดไม่ตื่นตัวกับข้อมูลที่ทางสาธารณสุขรายงานเข้าไปมากนัก โดยระบุว่าสาเหตุการเกิดโรคไม่มีความชัดเจน ซึ่งข้อมูลดังกล่าวมีตัวแปรอยู่อีกเป็นจำนวนมาก ทำให้ข้อมูลไม่เชื่อมโยงกับ PM2.5 อนาคตจะต้องมีการเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อให้มีความสัมพันธ์กับค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก เพื่อป้องกันสุขภาพของประชาชนในพื้นที่
จากการลงพื้นที่เพื่อหาความสัมพันธ์การเสียชีวิต ที่สัมพันธ์กับค่า PM2.5 ในพื้นที่ อ.เชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ พบว่าประชากรที่เชียงดาวเสียชีวิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.8 จากค่าเฉลี่ยของทั้งจังหวัดอยู่ที่ร้อยละ 1.6 โดยสันนิษฐานว่า ประชาชนในพื้นที่ มีบ้านแบบเปิดไม่มีฝ้า เปิดหน้าต่างนอน มีอาชีพเป็นเกษตรกรเป็นหลัก การใช้ชีวิตส่วนใหญ่จึงอยู่ในที่โล่งแจ้ง สูดมลพิษจาก PM2.5 ตลอดเวลา หรืออีกประการหนึ่งคือประชาชนในพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ทำให้มีการเสียชีวิตมากกว่าค่าเฉลี่ยเสียชีวิตมากกว่าพื้นที่อื่น
สำหรับข่าวที่เด็กในพื้นที่เชียงดาว ที่มีเลือดกำเดาไหล ไอเป็นเลือด และต้องเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาล โดยแพทย์ระบุว่าเป็นปอดอักเสบนั้น เชื่อว่าน่าจะเกิดจากผลกระทบของค่า PM2.5 ที่สูงมากในพื้นที่ ถึงแม้ว่าจะเป็นคนที่ไม่เคยมีประวัติแพ้อากาศ ร่างกายแข็งแรงก็สามารถได้รับผลกระทบจาก PM2.5 ได้
ส่วนการประกาศเขตภัยพิบัตินั้นหากเป็นต่างประเทศ ค่า PM2.5 สูงเกินกว่า 250 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จะต้องประกาศเป็นเขตภัยพิบัติฉุกเฉิน ต้องงดกิจกรรมนอกอาคารทุกชนิด ให้ประชาชนอยู่ในห้องที่มีเครื่องฟอกอากาศ หากไม่มีห้องที่มีเครื่องฟอกอากาศต้องใส่หน้ากาก N95 ที่มีคุณสมบัติกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ตลอดเวลา
การจะประกาศเขตภัยพิบัติเป็นเรื่องที่ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องดำเนินการ แต่ขณะนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่อาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องผลกระทบต่อสุขภาพหรือการเตือนภัยในระดับสากล และกังวลเรื่องจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวประกอบกับทางสาธารณสุขให้ข้อมูลกับผู้ว่าราชการจังหวัดไม่ชัดเจนถึงผลกระทบ ทำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดยังไม่ประกาศเขตภัยพิบัติ ซึ่งในต่างประเทศหากค่า PM2.5 สูง จะให้ประชาชนเข้าไปพักอยู่ในห้องที่มีเครื่องปรับอากาศและเครื่องกรองอากาศ ที่ได้จัดเตรียมไว้
แต่ในประเทศไทยไม่ได้มีการเตรียมการเรื่องนี้ไว้ ทั้งที่สามารถทำได้ โดยกำหนดจุดแต่ละตำบล สร้างเป็นห้องที่มีเครื่องฟอกอากาศ หากไม่มีเครื่องปรับอากาศใช้พัดลมไอน้ำสร้างความเย็นแทนได้ เพื่อให้ประชาชนในแต่ละพื้นที่ได้มีอากาศที่ดี จึงอยากให้ทางเชียงใหม่จัดทำคลีนรูม เซฟเฮ้าส์ ในช่วงวิกฤติ เพื่อให้กลุ่มเสี่ยงได้เข้าไปพักชั่วคราว ซึ่งระยะเวลาการพักไว้ได้ยาวนาน เป็นเพียงแต่บางชั่วโมง หรือบางวันที่คุณภาพอากาศไม่ดีเท่านั้น เชื่อว่าหากจังหวัดจะดำเนินการจะมีกลุ่มภาคเอกชนเข้ามาช่วยสนับสนุนอย่างแน่นอน
สำหรับข้อมูลของสาธารณสุขจังหวัด หลังจากที่ได้พูดคุยกันเบื้องต้นแล้ว จะมีการเชิญแพทย์ที่ประจำอยู่ในพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ ประชุมทำความเข้าใจร่วมกันเพื่อหารือให้ข้อมูลให้เห็นถึงผลกระทบที่ชัดเจน กับกลุ่มแพทย์เพื่อรวบรวมเก็บเป็นสถิติเพื่อให้เห็นถึงผลกระทบจาก PM2.5 ที่เกิดขึ้นในแต่ละพื้นที่ เพื่อจะได้แจ้งเตือนประชาชนในแต่ละพื้นที่ การแจกจ่ายหน้ากากธรรมดาให้ประชาชนนั้นไม่ได้ช่วยกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ ต้องใช้ N95 เท่านั้น
ทางมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ตระหนักถึงผลกระทบที่เกิดจากค่า PM2.5 ที่สูงขึ้น แต่เนื่องจากสถานีวัดคุณภาพอากาศที่กรมควบคุมมลพิษ ติดตั้งที่เชียงใหม่มีเพียงไม่กี่จุด ทางมหาวิทยาลัยจึงได้จัดสรรงบประมาณ 600,000 บาท เพื่อนำเครื่องดัชนีวัดคุณภาพอากาศติดตั้งในพื้นที่ต่างๆ ครอบคลุมทั่วทั้งจังหวัดเชียงใหม่ โดยได้ดำเนินการติดตั้งทั่วทั้ง 25 อำเภอของจังหวัดเชียงใหม่ และกำลังอยู่ระหว่างการขยายพื้นที่ติดตั้งให้ครบ 205 ตำบล ในจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้เห็นค่าดัชนีคุณภาพอากาศในทุกพื้นที่ทุกตำบล เพื่อจะได้ตระหนักถึงพิษภัยของค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก โดยคาดว่าจะสามารถติดตั้งได้ครบทั้ง 205 ตำบลภายในปีนี้
นักวิชาการโพสต์เตือนฝุ่น PM2.5 สุดน่ากลัว! ชาวเชียงใหม่สูดฝุ่นเข้าปอด 80 ล้านเม็ดต่อนาที
อายุรแพทย์โรคปอด ที่ดูแลเรื่องนี้มาหลายปี สิ่งที่ คาดการณ์คือในปี 2562 คนไข้ต้องมากขึ้น เพราะค่าฝุ่นสูงและนาน แต่พบว่า ผู้ป่วยต่ำ ซึ่งประเมินว่าชาวบ้านมีการ เตรียมตัวมาอย่างดี เพราะรู้ว่ามีค่าฝุ่นสูงขึ้นแน่ๆ และมีข่าวฝุ่นใน กทม.นำมาก่อน ทำให้รับรู้และป้องกันตนเองได้ถูกต้อง มากขึ้น
ฝุ่นเชียงใหม่วิกฤต https://www.posttoday.com/social/local/584564
ครอบครัวเดชา ชาว จ.เชียงใหม่ ตัดสินใจย้ายออกจากพื้นที่ หลังสถานการณ์ฝุ่นวิกฤตต่อเนื่อง และไม่มีวี่แววที่จะดีขึ้น กระทบลูกชายวัย 4 ขวบ ป่วยเป็นปอดอักเสบ เลือดกำเดาไหลไม่หยุด #วิกฤตฝุ่นเชียงใหม่ #ThaiPBSnews #ThaiPBS อ่านต่อ >> http://news.thaipbs.or.th/content/278686
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1388942521247813&id=635982506543822
หน้ากากอนามัย N95 มีคุณสมบัติเป็นหน้ากากอนามัยที่มีความหนา มีความสามารถในการกรองฝุ่นละอองขนาด 0.1-0.3 ไมครอน ได้ 95% เป็นอย่างน้อย
อย่างไรก็ตาม อาจพบปัญหาจากการใช้หน้ากากอนามัยชนิด N95 ได้ในผู้ป่วยที่เป็นโรคหอบหืด โรคปอดและทางเดินหายใจ และหญิงตั้งครรภ์ เนื่องจากลมหายใจจะผ่านเข้าออกได้ยากขึ้นเนื่องจากแรงต้านภายใน นอกจากนี้ หน้ากากอนามัยชนิด N95 ออกแบบมาสำหรับผู้ใหญ่ หากนำมาให้เด็กใช้ ต้องดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ
P1 นี้เป็นมาตรฐานยุโรป กรองฝุ่นได้ไม่ต่ำกว่า 80%
N95 เป็นของอเมริกา ส่วน KN นั้น เป็นของจีนนั่นเอง ใช้งานได้เหมือน N95 เป๊ะ ไม่ต้องห่วง
ไส้กรองของหน้ากาก N95 ถูกออกแบบมาให้ใส่ได้ต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 8 ชั่วโมง โดยไม่กระทบประสิทธิภาพการหายใจของคนใส่ อาจบวกลบได้ตามความหนักของมลภาวะทางอากาศ
หน้ากาก N95 แบบใช้แล้วทิ้ง สามารภใช้ซ้ำได้ 2-3 วัน หรืออาจจะเร็วกว่านั้นหากเริ่มรู้สึกหายใจลำบากากขึ้น หรือหายใจแล้วได้กลิ่นแปลกๆ หรือรู้สึกเหมือนมีฝุ่นอยู่ในหน้ากากทั้งๆ ที่หน้ากากแนบสนิทกับใบหน้าดีแล้ว รวมถึงหากใส่แล้วรู้สึกหน้ากากไม่กระชับกับใบหน้าดังเดิม หรือพบรอยฉีกขาด และพบรอยเปื้อนจากสารคัดหลั่งต่างๆ เช่น น้ำลาย น้ำมูก เป็นต้น
ส่วนหน้ากากที่เป็นแบบซักได้ ก็ควรซักหน้ากากทุกวัน หรือทุกๆ 1-2 วัน และเปลี่ยนไส้กรองทุกๆ 2-3 วัน หรือเร็วกว่านั้นหากสวมใส่หน้ากากแล้วหายใจไม่สะดวก หรือได้กลิ่นเหมือนฝุ่นภายใต้หน้ากาก
หน้ากาก N95 จัดเป็นขยะทั่วไปได้ แต่อาจแพร่เชื้อโรคได้หากเราเป็นโรคที่ติดต่อได้ เช่น หวัดต่างๆ ดังนั้นก่อนทิ้งควรนำหน้ากาก N95 ที่ใช้แล้วใส่ถุงพลาสติก มัดปากถุงให้แน่น นำไปทิ้งในถังขยะทั่วไป และล้างมือทุกครั้งหลังทิ้งหน้ากาก
วันนี้ เชียงใหม่ อากาศเลวร้ายมากครับ
หมอออกไปเลือกตั้ง มา และแวะไปกินข้าวด้วย ช่วงกินข้าวต้องเอาหน้ากากออกครับ สูด pm 2.5 เข้าไปแค่ช่วงเดียวมึนศีรษะเลยครับ (ใครมีวิธีกินข้าวนอกบ้าน ไม่ต้องเอาช้อนผ่านหน้ากาก บ้าง บอกหน่อย)
คนไข้ที่ตรวจเช้านี้ อาการทางสมองแย่ลงหลายคนครับ ทั้งปวดหัว อัลไซเมอร์ สมองเสื่อม แย่ลงหมด
ย้ำอีกครั้งนะครับ pm 2.5 ขนาดเล็กมาก เข้าสมองโดยตรง ไม่ต้องผ่านปอดครับ ลองจินตนาการ คุณดมละอองน้ำหอมครับ เข้าสมองเลย การกระตุ้นการอักเสบเกิดขึ้นทันที เข้าแล้ว ไม่ออก ใครมีปัญหาสมอง จะแย่ลง ใครไม่เป็นโรคสมอง ก็จะกระตุ้นให้เกิดความเสี่ยง
เมื่อรัฐแก้ไม่ได้ ก็ต้องช่วยตัวเองและคนที่คุณรักครับ เปิดเครื่องกรองอากาศ หรือ ซื้อแผ่นกรองมาติดไว้ที่กรองฝุ่นในแอร์ครับ เลี่ยงการออกนอกบ้าน ถ้าออก ก็ใส่แมสครับ รักตัว กลัวตายไว้ก่อน
ผมเห็นข้อความที่ส่งทาง Line ว่าอย่าตระหนกไปเลย มันไม่อันตราย โดย อ้างคำ ด็อกเตอร์ มลพิษ จากที่ไหนสักแห่ง อย่างไปเชื่อนะครับ เหลวไหล ไร้สาระ ความคิดสมัยคนเชื่อว่าโลกแบน pm 2.5 มันมีพิษจริงๆ ยืนยันแล้วจากทั่วโลก
ช่วยกระจายข่าวหน่อยครับ เอาบุญ
ท่องไว้ "ผ่านสมอง ไม่ต้องผ่านปอด ผ่านสมอง ไม่ต้องผ่านปอด ..."
เฮ้อ... ว่าจะไม่​ post แระ​ แต่เห็นแล้วมันอดไม่ไ้ด้
โดย​ tradition ของมหาดไทย​ จะส่งคนมาเกษียณที่เชียงใหม่​ มันก็เลยเป็นได้แค่อย่างที่เห็น​ ทำเต็มที่ได้แค่เนี้ย​ เพื่ิอนที่เป็นข้าราชการระดับสูงเคยพูดไว้หลายปีแล้ว
ล่าชื่อปลดผู้ว่าฯ เชียงใหม่ หลังฝุ่นพิษวิกฤต เจ้าตัวขอบคุณ ยันทำเต็มที่ ชี้สถานการณ์ไม่เลวร้าย - ข่าวสด https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_2339498
#สัญญานเตือน อาการผิดปกติ ที่ควรมาพบแพทย์ .. หลายวันมานี้ คนเชียงใหม่เรา อยู่ในดงของฝุ่นละออง PM2.5 กันแบบจัดเต็มเลยทีเดียว เราไม่รู้เลยว่า ร่างกายเรายังจะต้องเจอกับฝุ่นนี้อีกนานแค่ไหน สำหรับคนที่ไม่อยากใส่หน้ากากอนามัย หรือใส่แล้วก็ตาม หากเริ่มมีอาการดังนี้ แสดงว่าร่างกายเรานั้น ทนไม่ไหวแล้วจริงๆ ควรรีบพบแพทย์..
📌 1.ไอ
📌 2.จาม
📌 3.น้ำมูกไหล
📌 4.แสบจมูก
📌 5.หายใจไม่สะดวก
📌 6.แน่นหน้าอก
📌 7.หัวใจเต้นผิดจังหวะ
#ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว เช่น #โรคหอบหืด #โรคหัวใจ #โรคปอด เด็ก และคนชรา ควรอยู่ในบ้าน และเตรียมยาให้พร้อม เพื่อป้องกันอาการกำเริบ... #โรงพยาบาลลานนา #โรงพยาบาลของครอบครัวเรา
#แผนกอายุรกรรมโรงพยาบาลลานนาเปิดให้บริการถึงเที่ยงคืน ^_^
วิดวะก็มีส่วนร่วมกับสุขภาพได้นะจ๊ะ
แต่มาช้าไปหน่อย​ เพราะหลายๆคนที่เสียเงินไปกับเสี่ยวมี่ๆหลายพันหลายหมื่นอยู่
ฝากเตือนผู้ปกครองทั้งหลายที่มีลูกเล็กนะคะ ฝุ่นอันตรายกว่าที่คิด ลูกชาย2ขวบ7เดือน ตอนนี้ไอไม่หยุด ไอจนตาช้ำ ไอจนอวก เลือดออกจมูก ตอนนี้พักรักษาตัวที่ รพ. ตรวจทุกอย่างแล้วไม่เจออะไร พ่นยาหลายตัว กินยา อาการไอก็ยังไม่ดีขึ้น ไอจนท้องแข็ง น้ำหูน้ำตาไหล ต้นเหตุน่าจะมาจากฝุ่น pm2.5 ฝากเฝ้าระวังกันด้วยนะคะ
ศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ทำหน้าที่รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้เพียง 6 เดือน มติครม.เมื่อวันอังคารที่ 24 เม.ย. โยกสลับตำแหน่งกับ ปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ก่อนจะเกษียณอายุราชการในปี 2562
ร่วมลงชื่อขอเปลี่ยนผู้ว่าฯเชียงใหม่ ไร้ประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาฝุ่นควัน
19.00 น. มีผู้สนับสนุน 2,515 คน ขออีกให้ถึง 5,000 คน!
ดวงจันทร์กลายเป็นสีแดง เนื่องจากมลพิษฝุ่นในอากาศ วันศุกร์ที่ 22 มีนาคม 2562 เวลา 21:35 น.
สีของดวงจันทร์บอกปริมาณฝุ่นในอากาศได้ ปกติเวลาดวงจันทร์อยู่ใกล้ขอบฟ้า เช่นเวลาดวงจันทร์ขึ้น จะเห็นสีดวงจันทร์เป็นสีแดง แล้วเปลี่ยนสีเป็นส้ม เหลือง และขาว ตามลำดับ (เหมือนสีดวงอาทิตย์ขึ้น) แต่ถ้าดวงจันทร์ลอยสูงจากขอบฟ้าแล้วยังเห็นดวงจันทร์เป็นสีแดง สีส้ม หรือสีเหลือง แสดงว่าในอากาศมีฝุ่นมาก ยิ่งฝุ่นมากสีดวงจันทร์จะยิ่งออกแดงหรือส้มมาก นอกจากนี้ความสว่างของแสงจันทร์จะลดลงกว่าปกติอีกด้วย
ในภาพดวงจันทร์เป็นสีแดง ขณะที่ถ่ายรูปนี้ดวงจันทร์อยู่สูงจากขอบฟ้า 21 องศา (คำนวณโดยแอป SkySafari) ปกติถ้าฝุ่นไม่มากดวงจันทร์จะเป็นสีขาวและสว่างกว่านี้ ปริมาณฝุ่นขนาด PM2.5 ที่ตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง เชียงใหม่ เวลา 21:00 น. วัดได้ 114 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง) สูงกว่าค่ามาตรฐานของประเทศไทย 2 เท่า (กำหนดไว้ที่ 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) สูงกว่าค่ามาตรฐานขององค์การอนามัยโลกเกือบ 5 เท่า (กำหนดไว้ที่ 25 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) มีผลกระทบต่อสุขภาพ ข้อมูลจากแอป Air4Thai ของกรมควบคุมมลพิษ
เมื่อเวลา 19:57 น. เชียงใหม่มีอากาศแย่ที่สุดอันดับ 1 ของโลก ค่าดัชนีคุณภาพอากาศ 178 (ค่ามาตรฐาน 100) ข้อมูลจากแอป AirVisual
กล้อง Canon PowerShot SX50 HS, Canon Zoom Lens 50x IS 4.3-215.0mm f/3.4-6.5 USM, ความเร็วชัตเตอร์ 1/4 วินาที, รูรับแสง f/6.5, ISO 400, ทางยาวโฟกัส 215.0mm, Digital zoom x1.5, Daylight ภาพต้นฉบับ ไม่ตัดและไม่แต่งภาพ ถ่ายโดย พงศธร กิจเวช (อัฐ) Facebook: คนดูดาว Stargazer https://www.facebook.com/khondudao/
จำนวนผู้ป่วยด้วย 4 กลุ่มโรคที่ได้ผลกระทบสุขภาพจากภาวะหมอกควันและไฟป่า ของจังหวัดเชียงใหม่ ในช่วงสัปดาห์ที่ 1-10 (6 มค. - 16 มีค. 2562)
.
อันดับที่ 1 คือ กลุ่มโรคทางเดินหายใจทุกชนิด พบผู้ป่วยกว่า 40,383 ราย และอันดับที่ 2 คือ กลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือดทุกชนิด พบผู้ป่วยกว่า 29,651 ราย ส่วนอันดับที่ 3 คือ กลุ่มโรคผิวหนังอักเสบ และ กลุ่มโรคตาอักเสบ พบผู้ป่วยจำนวน 2,783 และ 2,373 รายตามลำดับ
.
(อ้างอิงข้อมูลจาก สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 1 เชียงใหม่)
เชียงใหม่​วิกฤติ​แล้วค่ะ โรงเรียน​ปิดบ้างแล้ว ผู้ปกครอง​ไม่ยอมให้ลูกไปเรียน หลายคนมีเลือดกำเดาไหน หายใจไม่สะดวก​ มาช่วย​กันคิดแก้ค่ะ
OMG... คิดว่าตามหาแต่ผู้ว่าเจียงใหม่
ผู้ว่าเจียงฮายก็ถูกตามหาเหมือนกัน
ผู้ว่าเจียงฮายกับเจียงใหม่นี่รู้ๆกันอยู่ว่าเด็กใคร
ใครส่งมา​ เพื่ออะไร
แล้วดูผลงานจากการปฏิบัติว่าคุ้มค่าภาษีที่ประชาชนเลี้ยงดูหรือไม่
##คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ทำการทดลอง หน้ากากอนามัย แบบต่างๆว่ามีประสิทธิภาพการกรอง ฝุ่น PM 2.5 ซึ่งใช้เครื่อง Keken MT-03 เป็นตัวทดสอบหน้ากากในครั้งนี้ ระบุว่า
หน้ากากอนามัย N95
ประสิทธิภาพการกรองฝุ่น ประมาณ 99.59%
หน้ากากอนามัย1ชิ้น
ประสิทธิภาพการกรองฝุ่น ประมาณ 66.37%
หน้ากากอนามัย 2 ชิ้น
ประสิทธิภาพการกรองฝุ่น ประมาณ 89.75%
หน้ากากอนามัย 1 ชิ้นและกระดาษทิชชู่1แผ่นพับครึ่ง
ประสิทธิภาพการกรองฝุ่น ประมาณ 98.05%
หน้ากากอนามัย 1 ชิ้นและกระดาษทิชชู่ 2 แผ่นพับครึ่ง
ประสิทธิภาพการกรองฝุ่น ประมาณ 67.04%
##การทดสอบหน้ากากอนามัย 1 ชั้นและกระดาษทิชชู่ 2 แผ่นพับครึ่ง มีประสิทธิภาพการกรองฝุ่นลดลง
ทิชชูสองแผ่นจะทำให้หน้ากากมีความหนา ทำให้เกิดช่องว่างด้านข้างมากขึ้นเมื่อเราหายใจอากาศเข้ามาทางด้านหน้าไม่ได้ ก็จะเข้าทางด้านข้างไม่ผ่านตัวกรองทำให้ฝุ่นละอองสามารถลอดผ่านเข้ามาได้ง่ายค่ะ
✿ สงสารคนทางเหนือที่เจอฝุ่นควันจากการเผาป่า เผาซังข้าวโพดของชาวบ้านและที่เกิดจากธรรมชาติเอง ซึ่งมีอยู่ทุกปี
บางส่วนก็มาจากพม่า ซึ่งทางเราก็ขอความร่วมมือไป เพราะมีชาวไร่ข้าวโพดเผาซังข้าวโพด "ลุงตู่" ก็บอกมาเองว่าเกิดทุกปี และบางส่วนเกิดจากธรรมชาติ กลายเป็นตรงข้ามกับที่รองแม่ทัพพูด
ทางรัฐก็ไม่ยอมประกาศให้เป็น "เขตภัยพิบัติ" สักที อ้างคาดว่าจะหมดไปใน 2-3 วัน ซึ่งก็ผ่านมาหลายอาทิตย์แล้ว เหตุที่ไม่กล้าประกาศเพราะกลัวนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่มาเที่ยวกัน นั่นยังไม่เท่าไหร่ ดันมีทหารประเภทเชลียร์นาย หาว่าคนในแวดวงการเมืองเผาเพื่อหวังผลทางการเมืองซะงั้น เมื่อไหร่จะใช้สมองให้มากกว่านี้กันสักที เป็นถึงรองแม่ทัพกลับออกมาพูดเช่นนี้ ทำให้ดูไม่สมกับตำแหน่งเอาซะเลย พอทีเถอะนะครับ การพูดเอาใจนาย กลับจะกลายเป็นบ่อนทำลายนายซะมากกว่า
UPDATED 190330
โฆษณา