5 ส.ค. 2019 เวลา 01:24 • สุขภาพ
โรคติดต่อทางเพศสัม​พันธุ์​
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบบ่อยในผู้หญิง
ยาวหน่อยนะคะแต่อยากให้อ่านกัน
ผู้หญิงหลายคนที่ติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อาจไม่มีอาการแสดงให้เห็น ทำให้ไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องจนนำไปสู่อาการที่รุนแรงขึ้น
บางโรคอาจส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงอย่างภาวะมีบุตรยาก อุ้งเชิงกรานอักเสบ มะเร็งปากมดลูก หรือเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ผู้หญิงควรระวัง ได้แก่
* #โรคติดเชื้อเอชพีวี (Human Papillomavirus: HPV)
พบได้มากในผู้หญิง และเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูก ส่วนใหญ่ผู้ติดเชื้อเอชพีวีจะไม่มีอาการหรือบาดแผลใด ๆ ให้เห็น ทำให้ผู้ป่วยไม่รู้ตัวว่าติดเชื้อและอาจแพร่กระจายเชื้อไปยังผู้อื่นผ่านการมีเพศสัมพันธ์หรือการทำกิจกรรมทางเพศอื่น ๆ ได้ง่าย
* #หนองในแท้
เป็นอีกโรคที่เกิดจากการทำกิจกรรมทางเพศกับผู้ที่ติดเชื้อแบคทีเรียอันเป็นสาเหตุของโรค หากป่วยเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดอื่นอยู่ก่อนแล้วจะยิ่งเสี่ยงติดโรคหนองในแท้มากขึ้น
นอกจากนี้ อาจติดเชื้อที่บริเวณอื่น ๆ นอกเหนือจากอวัยวะเพศได้
ผู้ป่วยหญิงหลายคนก็ไม่มีอาการแสดงให้เห็นหรือมีอาการน้อยมาก
ทั้งนี้ โรคหนองในแท้รักษาได้ด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะ และควรพาคู่นอนเข้ารับการรักษาพร้อมกัน เพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำ
* #หนองในเทียม
เป็นโรคที่มักติดต่อกันผ่านการมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอดหรือทวารหนัก แต่พบการติดต่อทางปากและตาได้เช่นกัน
อาการสำคัญที่เห็นได้ชัดคือ มีหนองไหลออกมาจากอวัยวะเพศ หรือปวดแสบปวดร้อนขณะปัสสาวะ
โรคนี้รักษาให้หายได้ด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะเช่นเดียวกับโรคหนองในแท้ แต่หลังจากรักษาหายแล้ว ผู้ป่วยควรรับการตรวจอีกครั้งภายใน 3 เดือน เพราะมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้
* #เริมที่อวัยวะเพศ
เป็นโรคจากการติดเชื้อไวรัสเฮอร์พีส์ ซิมเพล็ก ไวรัส (Herpes Simplex Virus: HSV) ซึ่งจะเข้าไปฝังตัวบริเวณรากประสาทใกล้กับไขสันหลัง ทำให้เชื้อยังอยู่ในร่างกายแม้ในระยะที่อาการของโรคสงบลงแล้ว “จึงไม่อาจรักษาให้หายขาด”ทำได้เพียงควบคุมอาการไม่ให้กำเริบ
การติดเชื้อโรคเริมครั้งแรกนั้นมีอาการค่อนข้างรุนแรง
โดยจะปรากฏตุ่มน้ำและมีอาการบวมแดงบริเวณอวัยวะเพศหรือบริเวณอื่น ๆ ของร่างกาย เช่น ปาก ส่วนการติดเชื้อครั้งต่อไปมักไม่มีอาการรุนแรงเท่าครั้งแรก หรืออาจมีอาการเพียงเล็กน้อยที่ไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต
อย่างไรก็ตาม #โรคเริม จะแสดงอาการเมื่อภูมิคุ้มกันของร่างกายลดต่ำลง
ดังนั้น ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน มีความเครียด เกิดการติดเชื้อ หรือต้องใช้ยาที่ส่งผลต่อระบบภูมิค้มกัน อาจมีอาการกำเริบได้บ่อยและเป็นนานกว่าผู้ป่วยทั่วไป
* #โรคซิฟิลิส
เป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรียจากการทำกิจกรรมทางเพศที่สัมผัสกับแผลโดยตรง
อาการของโรคมักปรากฏบริเวณอวัยวะเพศ ทวารหนัก หรือปาก
โรคซิฟิลิสรักษาให้หายได้ด้วยการใช้ยาเพนิซิลลิน
หากรีบเข้ารับการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ ทว่าหากไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อหัวใจ สมอง หรืออวัยวะอื่น ๆ และเป็นอันตรายถึงชีวิต ทั้งยังแพร่เชื้อจากมารดาไปสู่ทารกในครรภ์ได้
* #โรคไทรโคโมนิอาสิส (Trichomoniasis)
เกิดจากการติดเชื้อปรสิตชนิดหนึ่งผ่านการมีเพศสัมพันธ์ทางปาก อวัยวะเพศ และทวารหนัก
โดยผู้ติดเชื้ออาจไม่มีอาการใด ๆ แสดงให้เห็น ทำให้ไม่รู้ตัวและไม่ได้รับการตรวจรักษา ซึ่งจะทำให้ให้เสี่ยงติดเชื้อเอชไอวีมากขึ้นไปด้วย
โรคนี้รักษาให้หายได้ด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะ
ทั้งนี้ ผู้ป่วยควรเข้ารับการตรวจซ้ำภายใน 3 เดือนหลังรับการรักษา เพราะมีความเสี่ยงที่จะกลับมาเป็นซ้ำได้
* #การติดเชื้อเอชไอวี และ #โรคเอดส์
โรคติดเชื้อเอชไอวีนั้นไม่สามารถรักษาให้หายได้ โดยเชื้อไวรัสชนิดนี้ติดต่อกันผ่านทางของเหลวในร่างกาย เช่น เลือด อสุจิ น้ำหล่อลื่นภายในช่องคลอด หรือนมแม่ ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ได้รับเชื้อผ่านการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่สวมถุงยางอนามัย
อย่างไรก็ตาม โรคติดเชื้อเอชไอวีควบคุมอาการได้หากรับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ทว่าหากไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้การติดเชื้อรุนแรงขึ้นจนเข้าสู่ระยะเอดส์ ซึ่งเป็นระยะสุดท้ายของโรคและส่งผลอันตรายถึงชีวิต
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องใกล้ตัวที่ผู้หญิงป้องกันได้หากรู้จักระมัดระวังและมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย
“ควรให้คู่นอน #ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมการเปลี่ยนคู่นอนบ่อยครั้ง” เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ และการ #ท้องไม่พร้อม
นอกจากนี้ หากมีอาการผิดปกติที่อาจเป็นสัญญาณของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจและรักษาได้อย่างทันท่วงที
ด้วยความปรารถนาดี
ใกล้หมอจิ๋ม
#โรคเอดส์,#เริม,#HPV,#โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์,#โรคซิฟิลิส,#หนองในแท้,#หนองในเทียม,#หนองใน,##โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ผู้หญิงควรระวัง
จัดทำโดย
นส.ภ.ชาญวิทย์ สุโภภาค
นส.ภ.ทรัพย์มงคล ไมย์โพธิ์
นักศึกษาเภสัชศาสตร์ชั้นปีที่ 5
มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
ผลัด 4
ขอสรุปอัพเดทการรักษาโรคหนองในของกรมควบคุมโรค 2562 เพิ่มเติมนะครับ
กรณีหนองในที่อวัยวะเพศ ทวารหนัก และคอ
- Drug of choice = ceftriaxone 500 mg IM single dose
หรือ alternative เป็น cefixime 400 mg po single dose
- ร่วมกับ tx หนองในเทียม = azithromycin 1g po single dose
หรือ roxithromycin 150 mg po bid x14 วัน
หรือ doxycycline 100 mg po bid x 14 วัน
กรณีหนองในที่ตา ให้ ceftriaxone 1 g IM single dose ร่วมกับ tx หนองในเทียม
ถ้าแพ้ cef แนวทางเดิมให้ azithro 2g po single dose
แนวทางใหม่ให้ gentamycin 160-240 mg IM/IV single dose ร่วมกับ tx หนองในเทียม
#ปรับการรักษาGC
#New_Guideline_pdf
⚕️ Ceftriaxone 500​ mg​ im single dose
รายละเอียดคร่าวๆตามรูปที่แคปมาให้อ่านค่ะ
เนื่องจากเชื้อ​หนองในมี​แนวโน้ม susceptibility ลดลง​ แต่ยังไม่​ resistance จึงมีการปรับขนาดยาในการรักษา สำหรับท่านที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถโหลด PDF Full paper ตามลิ้งค์นี้ค่ะ
#แนวทางการดูแลรักษาโรคหนองใน พ.ศ.2562
โดยสำนักโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
หรือ​ Full paper ที่
◽◽◽◽◽◽◽◽◽◽◽◽
Honeymoon cystitis
เรื่องกวนใจ เวลาคนเค้ารักกัน
 
หลายคนคงเคยรู้จักโรคนี้นะครับ
Honeymoon cystitis เป็นโรคที่เกิดเฉพาะในเพศหญิงครับ คือเกิดการอักเสบบริเวณท่อฉี่ หรือกระเพาะฉี่ หลังจากมีกิจกรรมกระชับพื้นที่ โดยจะทำให้เกิดอาการแสบหรือเจ็บบริเวณตรงนั้นในขณะฉี่ บางคนอาจถึงขั้นติดเชื้อแบคทีเรีย โดยทั่วไปเราก็เรียก cystitis เบๆ แต่ถ้ามีภาวะนี้หลังการมีอะไรกัน เราก็จะเรียกว่า Honeymoon Cystitis ให้ชาวบ้านอิจฉาเล่นครับ
ที่มาของชื่อ honeymoon cystitis
 
ในสมัยก่อน ยุคในน้ำมีปลา ในนามีข้าวเนี่ย การจะมีอะไรกันได้มันก็ต้องมีหลังแต่งงานเท่านั้นครับ และมักเกิดในช่วงฮันนีมูน ช่วงข้าวใหม่ปลามัน ที่จะต้องมีกิจกรรมหลาย ๆ ครั้ง แบบตายอดตายอยาก แบบดุ แบบเผ็ด แบบต้องร้องขอชีวิต ทีนี้พอมีมากก็เกิดการอักเสบขึ้นมา เค้าจึงเรียกกันว่า โรค honeymoon cystitis ครับ
แล้วทำไมเป็นแต่ผู้หญิงหละ
คืองี้ครับ ปกติเวลามีอะไรกันเนี่ย มันก็เหมืือนทะเลที่กำลังจะเจอมรสุมใช่ไหมครับ คือถ้าอยู่กับคนที่เรารักเนี้ยมันไม่น่ากลัวเลย มันมีช่วงมันส์ ช่วงเพลิน ช่วงติดพัน ใช่ไหมครับ
แต่ทีนี้โครงสร้างของผู้หญิงนั้น มันมีสารพัดช่องอยู่ใกล้ๆ กันหมด ทั้งท่อปัสสาวะ ช่องหฤหรรษ์ และก็ก้น ดังนั้นพอมีการกระทบกระเทือนกระแทกกระทั้นขยั้นคะยอบริเวณแถวนั้นมากๆ มันก็เกิดการเคลื่อนที่ของเชื้อโรค บนติดล่าง ล่างติดบน ซ้ายติดขวา ขวาติดซ้าย เลยทำให้ติดเชื้อได้ง่าย ซึ่งเชื้อพวกนี้ก็มาจากทั้งผู้ชายเอง หรือของผู้หญิงเองก็ได้ครับ
แล้วจะรู้ได้ไงว่าโดนตัวนี้เข้าไปแล้ว
ก็สังเกตครับว่าขณะฉี่ มีอาการแสบบริเวณปลายท่อ หรือบริเวณปากช่อง หรือบางคนจะมีอาการฉี่บ่อยทั้งกลางวัน กลางคืน ฉี่แสบ ฉี่ขัด ฉี่แล้วรู้สึกว่าไม่สุดต้องไปฉี่อีก บางคนอาจจะมีอาการปวด หรือแสบบริเวณท้องน้อยร่วมด้วยทั้งตอนปวดและไม่ปวดฉี่ครับ แต่ทั้งหมดทั้งมวลต้องเกิดหลังผ่านสมรภูมิมาก่อนนะครับ ไม่ใช่นั่งแห้งเดียวดายมาหลายปีไม่มีใครมากล้ำกรายแล้วมาหลอกหมอว่าเป็น honeymoon cystitis อันนี้ต่อให้ไม่ใช่ ดีเจ dada ก็ดูออกนะครับ
เป็นแล้วทำไงดี
 
เบื้องต้นควรจะพักรบก่อนครับ หยุดกิจกรรมบันเทิงในระหว่างที่มีอาการไปก่อน ทดไว้ก่อนก็ได้ค่อยไปชดให้วันหลัง หมั่นดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อระบายเชื้อโรคบริเวณกระเพาะปัสสาวะ หรือท่อปัสสาวะออกครับ
ถ้ามีอาการมาก ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียดครับ ซึ่งมักจะต้องตรวจฉี่เพาะเชื้อ ซึ่งถ้าพบว่าผิดปกติก็ต้องกินยาปฏิชีวนะ แต่ทั้งนี้ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์นะครับ ไม่ควรซื้อยากินเองเนาะ
ซึ่งโดยส่วนใหญ่ถ้าดื่มน้ำมาก ๆ และพักกิจกรรมไป โรคนี้ก็จะหายเองได้ภายในเวลา 5-7 วัน แต่หากปล่อยทิ้งไว้และไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง ก็จะเกิดภาวะกระเพาะปัสสาวะอักเสบเรื้อรัง และยิ่งถ้าหากติดเชื้อจากแบคทีเรียร่วมด้วย ก็มีโอกาสเกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะส่วนบน เช่น กรวยไต หลอดไต ซึ่งมีผลต่อไตในระยะยาว เกิดการติดเชื้อรุนแรงได้ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องครับ
แล้วป้องกันไงดี
1.หยุดเอา ทำไม่ได้หรอกครับ ข้ามข้อนี้ไปเลย
2.ก็ถ้าจะมีกิจกรรม ก็ทำความสะอาดดีๆ ครับ ทั้งผู้ชายและผู้หญิงครับ และก็ทำทั้งก่อนและหลังด้วย
3.ดื่มน้ำมาก ๆ อย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน
4.หลังมีกิจกรรม ก็ควรไปฉี่ทิ้ง ทำความสะอาดให้เรียบร้อย ให้คะแนน feedback พับผ้าห่ม เก็บผ้าปูที่นอน แต่งหน้า แต่งตัวให้เรียบร้อยครับ
สรุป โรคนี้เป็นโรคที่เจอได้เรื่อยๆ นะครับ และปัจจุบันมันก็ไม่ได้มีอะไรกันแค่วันฮันนีมูนแล้ว อาจจะเรียกเป็น ชุลมุน cystitis ก็ได้ และจริงๆ มันก็เป็นธรรมชาติของคนเค้าจะรักกัน แต่ควรมีอย่างเหมาะสม ไม่มากไม่น้อยจนเกินไปครับ และมีแต่กับคนรักเราก็พอ เช็คดี ๆ ว่าไม่มีคนอื่นใช้ร่วมด้วย ดูไทม์ไลน์ตรวจเอกสารดีๆ ว่าไม่ใช่มือที่สามมือที่สี่ ไม่งั้นโดนขุดมาทีนี่ แสบบนแสบล่างเลยครับ
💖💓💞นับถอยหลังวันวาเลนไทน์​
จากข้อมูลของกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค พบว่ามีผู้ป่วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 5 โรคหลัก มีจำนวนเพิ่มขึ้น ในปี 2562​ โรคหนองในมีอัตราป่วยสูงสุด รองลงมาคือ ซิฟิลิส หนองในเทียม แผลริมอ่อน และฝีมะม่วง/กามโรคต่อมน้ำเหลือง ตามลำดับ ซึ่งพบมากที่สุดในกลุ่มอายุ 15-24 ปี​ โดย“หนองใน-ซิฟิลิส” พบมากที่สุดของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์​ 2 อันดับแรก
👨‍❤️‍👨การป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ทำได้ง่ายๆ ด้วยการใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกวิธีทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์กับทุกช่องทาง เนื่องจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สามารถติดได้ทุกช่องทาง นอกจากนี้ควรสารหล่อลื่นชนิดที่มีน้ำหรือซิลิโคนเป็นส่วนผสม เนื่องจากการใช้สารหล่อลื่นที่มีส่วนประกอบอื่นอาจทำให้ถุงยางอนามัยฉีกขาดได้ง่าย ส่วนผู้ที่กิน PrEP (Pre-Exposure Prophylaxis) เพื่อป้องกันก่อนการสัมผัสเชื้อนั้น ยังคงต้องใช้ร่วมกับการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์
🤯โรคหนองในแท้ เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เกิดจากการติดเชื้อ N. gonorrhoeae มีระยะฟักตัวของโรคประมาณ 2-6 วัน
อาการที่พบ คือ ในผู้ชายจะมีอาการปัสสาวะแสบขัด มีหนองไหลจากท่อปัสสาวะ พบหนองที่บริเวณปลายท่อปัสสาวะ ในบางรายอาจมีอาการแทรกซ้อน เช่น เป็นฝีที่บริเวณอวัยวะเพศหรือลูกอัณฑะอักเสบ, อาจพบหนองที่ช่องคอหรือทวารหนัก และอาจมีอาการเจ็บบริเวณลูกอัณฑะหรือท้องน้อยได้
ในผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่มีอาการ แต่อาจมีตกขาวผิดปกติ ไม่คัน หรือมีการติดเชื้อที่ช่องคอและทวารหนัก
👨‍🔬การรักษาที่ได้ผลดีที่สุดในปัจจุบันคือการฉีด Ceftriaxone ร่วมกับการกินยา Azithromycin
ไม่แนะนำการซื้อยารักษาตนเอง เช่น การใช้ Cefixime + Azithromycin เพราะการใช้ Cefixime จะเปิดทางให้เชื้อในโกโนเรียดื้อต่อยาฉีด Cefriaxone ได้ง่ายขึ้น
💥หากมีอาการควรพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้อง
การรักษาโรคหนองใน หากรักษาไม่ถูกต้อง จะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนเฉพาะที่ตามมาได้ เช่น ฝีที่บริเวณอวัยวะเพศหรือลูกอัณฑะอักเสบ หรืออาจเกิดภาวะแทรกซ้อนระยะแพร่กระจาย เช่น มีจุดเลือดออกขนาดเล็กในชั้นผิวหนังหรือเยื่อบุ
POSTED 2019.08.05
UPDATED 2022.02.12
บทควา​มอื่น​
การติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะและโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธุ์​
โฆษณา