16 ต.ค. 2019 เวลา 07:29 • ไลฟ์สไตล์
คุณตาชาวไอร์แลนด์ อัดคลิปเสียงก่อนตาย ไว้ลายความเป็นตลก สั่งให้ลูกหลานเปิดในงานศพ จนทุกคนหัวเราะทั้งน้ำตา
ภาพจาก Andrea Bradley
ความตายเป็นสิ่งที่เศร้าสลดและไม่ใช่เรื่องตลกเลย โดยเฉพาะการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก มันยิ่งเป็นเรื่องยากที่จะทำใจรับได้ไหว แต่ในบางครั้ง ในช่วงเวลาอันแสนเศร้านั้น มันก็สามารถมีเสียงหัวเราะเกิดขึ้นได้ เช่นเดียวกับงานศพของชายชราชาวไอริชคนนี้
ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต คุณตาท่านนี้สามารถทำใจยอมรับความจริงได้ และเขาก็อยากจากโลกนี้ไป โดยที่ให้ครอบครัวยังคงนึกถึงเขาในฐานะคุณตาจอมตลก เขาจึงอัดเสียงอำลาเอาไว้ และมันทำให้ครอบครัวที่ยืนหน้าหลุมศพ ต่างหัวเราะทั้งน้ำตา
1
เรื่องราวเศร้า ๆ ปนน่ารักของคุณตารายนี้ ถูกหยิบยกมารายงานโดยเว็บไซต์บอร์แพนด้า เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2562 โดยผู้ที่เสียชีวิตจากไปคือ เชย์ แบรดลีย์ เขาเป็นคนตลก ขี้เล่น ชอบแหย่คนอื่นให้หัวเราะอยู่เสมอ ไม่เว้นแม้กระทั่งในช่วงวาระสุดท้ายของชีวิต
ตอนที่รู้ว่าตัวเองกำลังจะตาย คุณตาเชย์ได้อัดเสียงเอาไว้ แล้วสั่งเสียให้ลูกหลานเปิดฟังในวันที่ฝังตัวเขาลงหลุม ซึ่งเมื่อเขาจากไปแล้ว ครอบครัวก็ทำตามคำปรารถนาของเขา ตัดสินใจเปิดคลิปเสียงลับนี้ต่อหน้าหลุมศพ
1
โดยคลิปเสียงเริ่มต้นด้วยเสียงปี่สกอตลอยมาไกล ๆ ก่อนจะมีเสียงพูดขึ้นว่า "ฮัลโหล ฮัลโหล๊ววว" พร้อมกับเสียงเคาะก็อก ๆหลายครั้ง จนสร้างความตกใจแก่เครือญาติ ซึ่งคุณตาเชย์ต้องการแกล้งแหย่ทุกคนให้หัวเราะ อัดเสียงเคาะก็อก ๆ ให้เหมือนกับว่าตัวเองเคาะออกมาจากในโลง
ภาพจาก Andrea Bradley
หลังจากนั้น เขาก็กล่าวขึ้นมาว่า "ฮัลโหลวว เปิดให้ฉันออกไปสักทีสิ ในนี้มันมืดฉิบเป๋งเลย ! เฮ้ย ๆ นั่นเสียงพระสวดหรือเปล่าปล่อยให้ฉันออกไปเถอะน่า" โดยคำกล่าวสุดท้ายของชายชราคนนี้ ทำเอาลูกหลานหัวเราะทั้งน้ำตากันกลางงานศพ
 
แอนน์ ภรรยาของเชย์ ไม่รู้ว่าสามีได้อัดเสียงเอาไว้ และลูกชายเพิ่งจะมาบอกให้รู้ก่อนพิธีฝังศพไม่นาน คลิปเสียงดังกล่าวจึงสร้างความเซอร์ไพรส์ให้กับเธอไม่น้อย
 
ทางด้าน อันเดรีย ลูกสาวของชายชราขี้เล่น ก็ได้โพสต์แชร์คลิปโมเมนต์สำคัญนี้ลงเฟซบุ๊ก พร้อมกับระบุแคปชั่นว่า พ่อของเธอจากไป โดยที่ยังไว้ลายความเป็นคนตลก และเขาก็ทำให้ทุกคนไม่ลืมโมเมนต์นี้
ภาพจาก Andrea Bradley
"นี่แหละค่ะ คำสั่งเสียของพ่อ เป็นคนขี้แกล้งยังไง ก็ยังเป็นยังงั้น พ่อทำสำเร็จนะคะ พ่อหมีของหนู พ่อทำให้ทุกคนหัวเราะได้จริง ๆ หนูรักพ่อนะคะ และจะรักตลอดไปค่ะ" อันเดรีย กล่าว ..... RIP..
link ข้างล่างเป็นpostที่Andrea Bradleyลงไว้เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2562
จากการกระทำดังกล่าวทำให้ผมนึกถึงเรื่องผู้เจริญมรณสติไม่กลัวตาย
เคยอ่าน..น่าจะเป็นคัมภีร์ชาดกในแบบเรียนพระพุทธศาสนาเรื่อง ธิดานายช่างหูก ดังความว่า...
อันพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสว่า
ท่านทั้งหลายจงเจริญมรณสติอย่างนี้ว่า ชีวิตของเราไม่ยั่งยืน ความตายของเราแน่นอน เราพึง ตายแน่แท้ ชีวิตของเรามีความตาย เป็นที่สุด ชีวิตของเราไม่เที่ยง ความตายเที่ยง
ผู้ไม่เจริญมรณสติ เวลาตายย่อมถึงความสะดุ้ง ร้องอย่างขลาดกลัว เหมือนผู้เห็นอสรพิษแล้วกลัว
ผู้เจริญมรณสติย่อมไม่สะดุ้งกลัวเมื่อเวลาสุดท้ายมาถึง เหมือนผู้เห็นอสรพิษแต่ไกล แล้วก็เอาท่อนไม้เขี่ยทิ้งไปยืนอยู่ เพราะฉะนั้นจึงควรเจริญมรณสติไว้ ธิดาของนายช่างหูกได้ฟังธรรมแล้วคิดว่าถ้อยคำของพระพุทธเจ้าทั้งหลายอัศจรรย์ นางจึงเจริญมรณสติตลอด...
ทั้งกลางวันกลางคืนเป็นเวลา 3 ปีต่อมา พระผู้มีพระภาคทรงเห็นว่านางและมหาชนจะได้ประโยชน์จากการแสดงธรรมของพระองค์ จึงเสด็จไปสู่เมืองอาฬวีเพื่อโปรดนางอีกครั้ง เมื่อธิดาของนายช่างหูกทราบการเสด็จมาของพระศาสดาก็มีความปรารถนาที่จะไปฟังธรรม แต่นางต้องรีบกรอด้ายให้บิดาเสร็จก่อนแล้วจึงไปฟังธรรม
เมื่อพระผู้มีพระภาคเห็นธิดาของนายช่างหูกเข้ามาก็ทรงถามปัญหา 4 ข้อ
พระพุทธองค์ “กุมาริกา เธอมาจากไหน”
นางตอบว่า “ไม่ทราบ พระพุทธเจ้าข้า”
พระพุทธองค์ “เธอจะไปที่ไหน”
นางตอบว่า “ไม่ทราบ พระพุทธเจ้าข้า”
พระพุทธองค์ “เธอไม่ทราบหรือ”
นางตอบว่า “ทราบ พระพุทธเจ้าข้า”
พระพุทธองค์ “เธอทราบหรือ”
นางตอบว่า “ไม่ทราบ พระพุทธเจ้าข้า”
นางอธิบายว่า เมื่อตรัสถามว่ามาจากไหน ก็ไม่ทราบว่ามาจากที่ไหนจึงมาเกิดที่นี่
และจะไปไหนก็ไม่ทราบว่าถ้าจากโลกนี้แล้วไปเกิดที่ไหน
ที่ตรัสถามว่า ไม่ทราบหรือ นางทราบแต่ความตายของตนเอง
และที่ตรัสถามว่า ทราบหรือไม่นั้น หมายถึงจะตายในกลางวันหรือกลางคืนหรือวันใด นางไม่ทราบ”
 
พระผู้มีพระภาคประทานสาธุการ 4 ครั้ง และได้ตรัสพระคาถาว่า
สัตว์โลกนี้เป็นเหมือนคนตาบอด, ในโลกนี้ น้อยคนนัก จะเห็นแจ้ง น้อยคนนักจะไปในสวรรค์ เหมือนนกจำนวนน้อยหลุดแล้วจากข่าย
เมื่อจบการแสดงธรรม ธิดาของนายช่างหูกบรรลุโสดาปัตติผลธรรม
ธิดาของนายช่างหูกได้นำกรอด้ายหลอดไปให้บิดา บิดาโกรธที่นางมาช้า ขว้างกระสวยอย่างแรงพุ่งไปทิ่มท้องของนางถึงแก่ความตายในที่นั้น นางไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต
บิดาของนางมีความเศร้าโศกมาก จึงมาเฝ้าพระผู้มีพระภาคขอให้ทรงดับความโศกของตน
พระองค์ได้ทรงปลอบแล้วตรัสอัสสุสูตรว่า
 
เพราะสงสารนี้กำหนดที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้ เมื่อเหล่าสัตว์ผู้มีอวิชชาเป็นที่กางกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องประกอบไว้ ท่องเที่ยวไป-มาอยู่ ที่สุดเบื้องต้นย่อมไม่ปรากฏ ย่อมได้เสวยทุกข์ตลอดกาลนาน น้ำตาที่หลั่งไหลของผู้ท่องเที่ยวไปมา คร่ำครวญร้องไห้อยู่ เพราะประสบกับสิ่งที่พอใจ เพราะพลัดพรากจากสิ่งที่พอใจ นี้แหละมากกว่าน้ำในมหาสมุทรทั้ง 4ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ พอเพื่อจะเบื่อหน่ายในสังขารทั้งปวง พอเพื่อจะคลายกำหนัด พอเพื่อจะหลุดพ้น
เมื่อจบพระธรรมเทศนา นายช่างหูกมีความโศกบางเบา กล่าวขอบรรพชาต่อหน้าพระผู้มีพระภาค เมื่อได้อุปสมบทแล้ว ต่อมาไม่นานก็ได้บรรลุอรหัตตผล
conclusion
ถ้าเห็นตามเป็นจริงแล้ว ไปทุกข์มันก็ไม่ได้อะไร
ไปโศกก็ไม่ได้อะไร จะไปเสียใจมันก็ไม่เห็นได้อะไร
มีแต่ทุกข์เราเท่านั้น เราเป็นคนทุกข์ต่างหาก
เรื่องทั้งหลายมันหาได้กลับคืนมาเป็นเราอีกไม่
มันจะต้องแตกชำรุดทรุดโทรมลงไป
คนที่ห่วงกังวลเกี่ยวข้องกับคนตาย เป็นทุกข์อาลัยอาวรณ์ร้องไห้ร้องห่มนั้น
มันไม่มีประโยชน์อะไรหรอก ถ้าจะร้องไห้ร้องห่มให้มันมีประโยชน์นั้น
เสียดายที่เราตายทุกวัน ยังได้ประโยชน์กว่า
หมดลมหายใจเข้าออกแล้ว ไปร้องไห้ร้องห่มเสียดาย มันจะกลับคืนมาหรือ ไม่มีหรอก
เราร้องไห้เราเสียดายในการที่เราตายทุกๆ วันนี้
เป็นทุกข์เดือดร้อนเพราะเหตุที่เราจะต้องตาย
ถ้าคิดได้อย่างนี้แล้ว คนจะสงบเยือกเย็น
คือเห็นความตายแล้วคนจะไม่เห่อเหิมกำเริบ
จะไม่ประมาทเหยียดหยามดูถูกคนอื่น และจะไม่มีการลักฉ้อโกงขโมย
จะมีแต่นิ่งสงบเยือกเย็น นอกจากนั้นอีกก็จะเห็นช่องทางที่จะทำคุณงามความดีต่อไป
References..
-คาถาธรรมบท โลกวรรค พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ ข้อที่ ๒๓ หน้า ๒๗ และอรรถกถาเรื่องธิดานายช่างหูก

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา