9 พ.ย. 2019 เวลา 23:00 • ไลฟ์สไตล์
เรื่องสั้น คั่นเวลา ลำดับที่ 6
Sweet November : The Parallax
Cr: https://topicofdday.blogspot.com/2015/10/why-do-window-seats-of-train-or-bus.html?m=1
ต้นไม้ริมทาง วิ่งผ่านสายตา รวดเร็วแทบเลือนลาง
มีแต่เพียงดวงตะวันสีส้มที่ใกล้ลับขอบฟ้าในยามเย็นเท่านั้นที่ดูนิ่ง และมั่นคง
สิ่งที่อยู่ใกล้ กลับหายลับไปกับตา แต่สิ่งที่อยู่ไกลถึงปลายฟ้า กลับเห็น...ชัดเจน
สายตาของผม กำลังจับจ้องภาพนั้น ผ่านต่างหน้าของขบวนรถไฟที่กำลังมุ่งสู่สถานีปลายทาง
หัวหิน...
🎵แอบรักเธอ อยู่ในใจ
เก็บหัวใจ ไว้ที่เธอ
วันทั้งวัน ฉันมองเหม่อ
คิดถึงเธอ ทุกเวลา🎶
"นี่ หนุ่ย ฉันไม่คิดเลยว่า แกร้องเพลงพอฟังได้เหมือนกันนะเนี่ย"
เสียงของน้ำตาล แซวจนผมสะดุด หลังจากที่ผมเริ่มร้องเพลงแค่ท่อนแรกไปเอง
"ตาล แกจะแซวฉัน ก็ส่งสัญญาณบอกนิดนึง นี่ฉันสำลักน้ำลายตัวเองเลยเนี่ย เสียเซลฟ์เลย โธ่ ๆ ๆ"
ผมบ่นพร้อมแอบอมยิ้มนิด ๆ
"เอ้า ไม่ร้องต่อแล้วเหรอ อยากฟังอีก ๆ นะ นะ"
เสียงออดอ้อนจากคุณเธอช่าง..ทำให้ผมหวั่นไหวเสียจริง ๆ
🎵เธอเหมือนฉัน หรือเปล่า
รักครั้งแรก แปลกหนักหนา
สุขสุขซึ้งซึ้ง ตรึงอุรา
สองสายตา
ประสาน หวานเสียจริง🎶
มือผมกำลังดีดกีต้าร์ ปากผมก็กำลังร้องเพลงไป ส่วนตาผมนะหรือ เหมือนถูกมนต์สะกดให้จดจ่ออยู่ที่ใบหน้าที่มีแก้มเจือสีชมพูระเรื่อของน้ำตาล
หัวใจของผมตอนนี้ รู้สึกจะเต้นแปลกๆ เหมือนคนเป็นโรคหัวใจ...กำเริบเสิบสาน...ความสัมพันธ์ที่มันเกินคำว่า 'เพื่อนสนิท'
น้ำตาลกับผมเราเคยเรียนด้วยกัน สมัยมัธยมต้น สมัยนั้น เราก็เคยได้คุยกันบ้าง แต่ไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่ แล้วพอผมจบ มอ.ต้น ทางบ้านก็ส่งผมไปเรียนต่อที่สิงคโปร์ จนจบปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีหนานยาง ก็กลับมาทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์พัฒนาแอปพลิเคชั่นที่เมืองไทย
จนวันหนึ่ง เพื่อนๆ สมัยเรียนตอนมัธยมต้นก็ทักผ่านแอปโซเชียลมา บอกว่าจะจัดงานเลี้ยงรุ่นกัน
แน่นอน ผมก็คิดถึงเพื่อน ๆ สมัยเด็ก ก็เลยตอบตกลงทันที
และผมก็ได้เจอเธออีกครั้งในงานนี้ และก็ไม่รู้ว่าอะไรทำให้เรามาสนิทกันได้ขนาดนี้
"น้ำตาล พรุ่งนี้วันศุกร์แล้ว เราไปหาที่นั่งดื่มเคล้าบรรยากาศชิล ๆ กันไหม"
ผมส่งข้อความผ่านแอปแชทไปนัดน้ำตาลมาเจอกันอย่างที่เคยทำกันเป็นประจำ
"พรุ่งนี้เรามีนัดทำฟันช่วงเย็น ๆ"
น้ำตาลแชทตอบกลับมา
"เรารอได้ แกทำฟันเสร็จกี่โมงล่ะ"
สำหรับเธอ จะให้ผมรอนานขนาดไหน ได้หมด
"งั้นขอเป็น 6 โมงเย็นแล้วกันนะแก"
"ร้านนี้บรรยากาศดูชิล ๆ ดีสมคำโว้เลยนะแก "
คำชมที่ไม่เคยหวานเหมือนชื่อ ดูช่างขัดกับรอยยิ้มบนใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขของจริงๆ
"ตาล จะดื่มอะไรเย็น ๆ อร่อยไหมๆ เรารู้ว่าแกไม่ดื่มน้ำหมักข้าวอย่างเราหรอก"
ผมถามน้ำตาล หลังจากที่เธอเดินมาเข้านั่งไม่นาน แล้วหยอดคำชมผสมหม่าล่าให้ผม
"เราเพิ่งไปอุดฟันมา ไม่อยากกินอะไรเย็น ๆ อะ กลัวเสียวฟัน"
"งั้นเอาน้ำร้อนแล้วกันนะ"
"นี่ ๆ ๆ นิด เจ๊เขาจะดื่มน้ำร้อน จัดน้ำร้อนมากระติกหนึ่ง"
ผมตะโกนสั่งแกมหยอกน้ำตาล เห็นหน้านิดที่คอยวิ่งเสริฟ์อาหารกับเครื่องดื่ม ทำหน้างง ๆ
"เอาจริงหรือ เพ่"
นิด แหย่กลับมา
"ไอ้บ้าา แกนัดฉันมากินน้ำร้อน เคล้าบรรยากาศชิล ๆ นี่เหรอ... ฟินจริง ๆ เลยยย"
สิ้นเสียงตัดพ้อ แขนผมก็เจ็บจี๊ดขึ้นมา...
พลังหยิกของเธอ ทำให้แขนผมเขียวเป็นสัปดาห์มาหลายครั้งแล้ว
"ผมขอเชิญ เพื่อนสนิทที่ผมรู้จักสมัยเรียนอยู่ที่สิงคโปร์ ให้เกียรติขึ้นมาร้องเพลงขับไล่แขกที่มีพระคุณต่อร้านนี้ด้วยครับ....รบกวนทุกคน ช่วยกันปรบมือ พร้อมฉุดกระชากลากถู ให้คุณหนุ่ยผู้มีหน้าตาอันหลอกหลอน และเสียงอันทรมานหูผู้ฟังกันครับ...."
"เฮ้ยยย หนุ่ยรีบขึ้นมาสิวะ กูประกาศขายขี้หน้าไปแล้วนะโว้ยย"
เสียงไอ้คุณป้อม เป็นทั้งเพื่อนสนิทและเป็นทั้งเจ้าของร้านแห่งนี้ แผดคลื่นเสียงระดับสิบหลอดผ่านไมค์ ให้ผมขึ้นไปร้องเพลง เพื่อเป็นคนให้ทุกคนเกลียด...ไอ้บ้าคุณป้อมเอ้ย
ตอนนี้ผมอยู่กลางเวทีเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ฝั่งในสุดของร้าน ขณะที่ผมใช้มือจับไมค์ แต่ใจและสายตาของผม ยังคงจับจ้องไปที่เธอ...
🎵ในแววตาทั้งคู่
ไม่รับรู้อะไร
เธอคงยังไม่เข้าใจ
ว่าฉันไม่ใช่คนเก่า🎶
🎵เรายังคงเหมือนเพื่อน
หยอกล้อเหมือนวันวาน
แต่ฉันคือคนใจสั่น
แต่ฉันคือคนหวั่นไหว🎶
🎵ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย
ในความคุ้นเคยกันอยู่
มันแฝงอะไรบางอย่าง
ที่มากกว่านั้น
ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย
ว่าเพื่อนคนหนึ่ง
มันแอบไปคิดอะไรไปไกล
กว่าเป็นเพื่อนกัน🎶
"ฉันชอบเพลงนี้นะ หนุ่ย..."
"แกร้องอิ้น อินจริง ๆ"
น้ำตาลบอกกับผมเหมือนจะชม(หรือเปล่า) ว่าผมร้องเพราะมั๊ง
ผมพยายามรวบรวมพลังทั้งหมดเท่าที่มีพูดออกมา
"เราร้องให้แกไง ตาล"
"จริงดิ... แกจะจีบฉันเหรอ"
ผมเจอคำพูดนี้เข้า ความกล้าก็บังเกิดสิครับ
"ช่า.."
"ฉันว่าแกเมาแล้วล่ะ 5555"
ใช่ครับ ผมโดนเธอพูดตัดคำสารภาพที่กำลังจะออกมาจากใจของผม จนต้องชะงัก แล้วความกล้าที่มีเมื่อวินาทีที่แล้วก็พลันมลายหายไปหมดสิ้น เหลือเพียงแต่เสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของน้ำตาล
ผมว่าเธอคงรู้แล้วล่ะว่า ผมกำลังเปลี่ยนสถานะจากเพื่อนสนิทเป็นเพื่อนสนิทที่คิดไม่ซื่อไปซะแล้ว
"ศุกร์นี้ เราไม่ว่างอะ มีนัดทำฟัน กะว่าทำฟันเสร็จแล้ว จะกลับบ้านเลย วันนี้เรารู้สึกเหนื่อยๆ ยังไงไม่รู้"
"เดี๋ยววันศุกร์หน้า มาเจอกันก็ได้นี่ เป็นวันเกิดเราไง แกจำไม่ได้หรือ"
เป็นข้อความที่น้ำตาลส่งมาให้ผม หลังจากที่ผมส่งข้อความนัดเธอเหมือนอย่างที่เคยทำประจำ
"ปอ ปลา ว่ายในแก้มลิง ถ้าฟ้าไม่ถล่ม แผ่นดินไม่ทลาย อย่าลืมมางานวันเกิดฉันนะแก อย่างเคยนะ ของขวัญไม่ต้อง แกมาแต่ตัวกับหัวใจเหี่ยว ๆ ของแกพอ รู้ไหม แก คือ ของขวัญที่มีค่าที่สุดสำหรับฉันแล้วนะ"
ข้อความปิดท้าย ทำให้ผมไม่รู้จะส่งข้อความอะไรตอบกลับไปเลยจริงๆ
"ราดหน้าอะไร ชามใหญ่กว่าหน้า หนุ่ย ถ้าแกว่าง ให้รีบมาช่วยสงเคราะห์คนที่เพิ่งอุดฟันคนนี้หน่อยสิจ้ะ"
ข้อความถูกส่งมาพร้อมโลเคชั่น ผมอ่านเสร็จก็รีบออกจากที่ทำงาน ตรงดิ่งไปตามโลเคชั่นที่ได้รับมาทันที
"ขอปฏิเสธ... ฉันว่า ปล่อยให้แกกินพุงกาง จนพุงกองอยู่แถวนั้นแหล่ะ 5555"
ผมเขียนตอบกวนทีนเธอ เหมือนจะไม่ไป แต่ใจของผมไปถึงก่อนตัวแล้ว
"ไอ้เพื่อนบร้าาา จำไว้เลย เราสั่งปอเปี๊ยะร้านโปรดแกมาด้วย อดกินเลย สม ๆ ๆ"
ผมได้รับข้อความนี้ คือตอนที่ผมได้มายืนอยู่ทางเข้าของห้างนี้แล้วล่ะ กะว่าจะแกล้งเดินเข้าร้านแบบบังเอิญ กะว่าจะไปเซอร์ไพรส์เธอ...
ภาพตรงหน้าผม...ผ่านกระจกหน้าร้านอาหารที่น้ำตาลนั่งอยู่ในนั้น...กับใครคนหนึ่ง ซึ่งผมไม่เคยรู้จักมาก่อน
อะไรกัน มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมผมถึงได้รู้สึกเศร้าขนาดนี้ ภาพที่ปรากฏในสายตาของผม ภาพใบหน้าของเธอ ที่มีความสุขตลอดเวลาที่เธอคุยกับเขา ใบหน้าแห่งความสุขที่ผมเคยเห็นมาก่อนหน้านี้...
เมื่อศุกร์ที่แล้ว... ไม่ใช่ใบหน้าที่แสดงความรู้สึกแบบนี้ที่เกิดขึ้นหลังจากผมร้องเพลงให้เธอ แต่เป็นใบหน้าที่มีมาก่อนหน้านั้นแล้ว
น่าจะก่อนที่เธอจะเดินเข้ามาร้านแล้วด้วยซ้ำ...
🎵กลายเป็นคนฝันใฝ่ อยู่ใกล้ๆเธอ
กลายเป็นคนที่รอเก้อ
เหมือนหนังสือที่เธอไม่อ่าน
ตาคอยมองจ้องอยู่ อยากให้รู้ใจกัน
และแล้วเธอยังมองผ่าน
และฉันก็ยังหวั่นไหว🎶
"พี่หนุ่ยขาาาา"
เสียงนนนี่ หรือนนทวัฒน์ ลูกน้องคนสนิทของน้ำตาล ทักผมตั้งแต่ผมก้าวเท้าเข้ามาถึงร้าน rooftop bars
"พี่หนุ่ย หนุ่มผู้มีหน้าตาอันหลอกหลอน นนนี่ยินดีต้อนรับขับไล่ค่ะ ชิ้ว ๆ"
"ตกลงนี่งานวันเกิดแกหรือ นนนี่"
"เดี๋ยวปั๊ด ตบจูบซะหรอก 555"
ผมแซวตอบ ตามประสาคนสนิท
"พี่น้ำตาล พี่หนุ่ย หนุ่มคนสำคัญของพี่มาแล้วคร้าา"
นนนี่ตะโกนบอกน้ำตาล เธอหันมองที่ผม และยิ้ม..ใบหน้าที่มีความสุขเหมือนสองวันศุกร์ที่ผ่านมา
"หนุ่ย เดี๋ยวฉันจะมานั่งคุยด้วยนะ หาอะไรมากินมาดื่มแป๊บนึงก่อนนะ"
น้ำตาลเดินมาบอกผม หลังจากเห็นผมยืนโง่ๆ อยู่ด้านหลังนนนี่ที่กำลังยืนต้อนรับแขกที่กำลังเดินเข้ามาร่วมงานวันเกิดของน้ำตาล
"พี่น้ำตาลมีแขกมาจ้าาาา"
เสียงนนนี่เรียกน้ำตาลด้วยเสียงสูง ขณะที่ผมกำลังกระดกเบียร์เข้าปาก เพื่อเพิ่มความกล้าที่จะตัดสินใจสารภาพความในใจกับเธอ วันนี้
ชายแปลกหน้าที่เห็นในร้านอาหาร ที่นั่งร่วมโต๊ะกับน้ำตาลในวันศุกร์ที่แล้ว เดินเข้างานมาพร้อมกับช่อดอกไม้ผูกติดกับตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลอ่อน
เขาเป็นใครกันนะ?
ตอนนี้ สายตาทั้งคู่ของผมกำลังโฟกัสไปที่น้ำตาลที่กำลังเดินเข้าไปทักทายชายแปลกหน้าคนนั้น พร้อมกับรับของขวัญจากมือของเขา แล้วหันไปพูดกับนนนี่ แล้วเธอก็เดินไปจัดการสิ่งที่กำลังทำค้างไว้
ผมสังเกตเห็นใบหน้าอันเปี่ยมล้นไปด้วยความสุขของเธอ ยิ่งทำให้ผมรู้สึกเศร้าลง สิ่งที่ผมตั้งใจจะทำในวันนี้ กลับต้องแปรเปลี่ยนไป กลายเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามไปแล้ว
เวลาช่างผ่านไปเร็วยิ่งนัก แขกเหรื่อก็ทยอยกลับกันแล้ว ผมนั่งซดเบียร์ไปจำนวนนับไม่ถ้วน พร้อม ๆ กับนั่งมองท้องฟ้าที่ไร้ดาว แถมเมฆก็เยอะพอที่จะบดบังความสวยงามของดวงจันทร์ไปจนหมดสิ้น...
อึมครึมไม่ต่างจากสภาพจิตใจของผมในตอนนี้เลย
คนที่เฝ้ารอเธอ เธอคนนั้นที่บอกกับผมว่า จะมานั่งคุยด้วย
จนเวลานี้ เธอคงลืมผมไปแล้วล่ะมั๊ง ตั้งแต่ชายแปลกหน้าคนนั้นเดินเข้ามาในงาน
เหมือนผมไม่ได้อยู่ในงานนี้ ในสถานที่นี้
ไม่ต่างกับ สภาพที่ไร้ตัวตน...
"อะแอ้ม.. ขอโทษ ขอขัดจังหวะนิดนึงนะ"
"เราจะมาลาแล้วนะ"
ผมเดินมาบอกลา...น้ำตาล
"แกไหวหรือเปล่า ท่าทางจะเมาหนักนะเนี่ย ให้นนนี่ไปส่งเปล่า หนุ่ย"
น้ำตาลหันมาถามผม ขณะที่กำลังยืนอยู่ข้าง ๆ กับชายแปลกหน้าคนนั้น
"ไม่เป็นไร เรากลับเองไหว ขอบใจนะ งานวันนี้สนุกจริงๆ"
สนุกมากครับ สนุกกับการมานั่งทรมานใจตัวเองดีชิบเป๋ง
"หนุ่ย วันนี้เรายุ่ง ๆ เลยไม่ได้ไปนั่งคุยกับแกเลย เดี๋ยวพรุ่งนี้ เราโทรหาแกนะ"
นี่คือคำลาจากเธอ ผู้เป็นเจ้าของงานวันเกิด สำหรับคนที่มีสภาพไร้ตัวตนแบบผม
ผมเดินเข้าลิฟต์ พร้อมกับเบ้าตาที่เต็มไปด้วย
น้ำตา...
🎵เจ้าไม้ขีดไฟก้านน้อยเดียวดาย
แอบรักดอกทานตะวัน
แรกแย้มยามบานอวดแสงตะวัน
ช่างงดงามเกินจะเอ่ย
ดอกเหลืองอำพัน
ไม่หันมามอง
แม้เหลียวมายังไม่เคย
ไม้ขีดเจ้าเอ๋ย
เลยได้แต่ฝันข้างเดียว
ดอกไม้จะบานและหันไปตาม
แต่แสงจากดวงอาทิตย์🎶
ผมจับขบวนรถไฟสายใต้ เพื่อที่จะมุ่งไปสถานีปลายทาง หัวหิน...
ที่นี่จะเป็นจุดเริ่มต้นเพื่อค้นหาตัวเอง ทิ้งความรู้สึกที่ไร้ตัวตน ไร้การติดต่อจากใคร ไร้เธอ คนที่เคยเป็นเพื่อนสนิท แต่ผมกลับเผลอใจไปรักเธอเกินเพื่อน
🎵จุดตัวเองก็ยอมทันใด
ให้ลุกเป็นไฟขึ้นมา
เพียงปรารถนา
ให้มีลำแสงสีทอง🎶
🎵จุดตัวเองก็ยอมทันใด
ให้ลุกเป็นไฟขึ้นมา
เพียงปรารถนา
ดอกทานตะวันหันมองสักครั้ง🎶
🎵เจ้าไม้ขีดไฟก้านน้อยเดียวดาย
สาดแสงในใจไม่นาน
ดอกเหลืองอำพัน
จึงหันมามอง
และพบเพียงกองเถ้าถ่าน🎶
🎵เจ้าไม้ขีดไฟก้านน้อยเดียวดาย
เพราะรักจริงใจอย่างนั้น
เพียงแค่เธอหัน
เพียงแค่เธอมองก็พอ🎶
🎵ดอกไม้จะบานและหันไปตาม
แต่แสงจากดวงอาทิตย์🎶
ผมยอมรับว่า ความรักมันเป็นสิ่งสวยงามและยิ่งใหญ่ แต่ผมคงไม่ยอมเอาตัวเองไปเป็นเพียงแค่ไม้ขีดก้านเดียวที่จุดตัวเองเรียกร้องให้เธอที่เปรียบดั่งดอกทานตะวันหันมามองผมขณะที่ผมค่อย ๆ ไหม้จนเหลือไว้แต่เพียงซากเถ้าถ่าน
ตอนนี้ผมจะพยายามทำทุกอย่าง เพื่อที่จะไม่ทำให้ผมเป็นแค่ต้นไม้ริมทางที่อยู่ใกล้ตัวเธอ จนถูกเคลื่อนด้วยความเร็วของกาลเวลา ทำให้ลับหายจากสายตาของเธอไปอย่างรวดเร็ว
ผมจะทำให้ตัวเองเป็นดั่งดวงอาทิตย์ ที่อยู่ไกลจนสุดขอบฟ้า พร้อมกับแสงที่ส่องสว่างมากพอที่ทำเพื่อให้เธอหันมามองที่ผมและเห็นผมในทุก ๆ มุมของชีวิตเธออีกครั้ง
ขอบคุณครับที่อ่านมาถึงบรรทัดสุดท้ายนี้ครับ🙏
ขอขอบคุณ
แอดกู้ด แห่งเพจ "Good Stories | ทุกอย่างมีเวลาของมัน" ที่ไว้ใจให้ผมเอาเรื่องหวาน ๆ แบบ Sweet November มาเขียนเรื่องราวซะจนบอระเพ็ดเรียกพี่ครับ
เรื่องต้นทาง
เรื่องสั้น Sweet November Ep.1
เรื่องสั้น Sweet November Ep.2
ขอขอบคุณ บทเพลงเพราะๆ ทั้ง 3 เพลง ที่ใช้ประกอบการเขียนเรื่องสั้นเรื่องนี้ด้วยครับ
1. เพลง รักในซีเมเจอร์
ศิลปิน : นคร เวชสุภาพร
วงแกรนด์เอ็กซ์
เนื้อร้อง : วิเชษฐ์ ห่อกาญจนา
ทำนองและเสียงกีตาร์ : กีรตินันท์ สุดประเสริฐ
2.1. เพลง ช่างไม่รู้เลย
ศิลปิน : ตั้ม สมประสงค์
เนื้อร้อง : โอภาส พันธุ์ดี
ทำนองและเรียบเรียง : โสฬส ปุณกะบุตร
2.2. ช่างไม่รู้เลย เวอร์ชั่น บอย PeaceMaker
3. เพลง ไม้ขีดไฟกับดอกทานตะวัน
ศิลปิน : วิยะดา โกมารกุล ณ นคร
เนื้อร้อง : ประภาส ชลศรานนท์
ทำนอง : เกียรติศักดิ์ เวทีวุฒาจารย์
เรียบเรียง : ภิทรู พลชนะ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา