7 ธ.ค. 2019 เวลา 02:30 • ปรัชญา
เปลี่ยนนิดเดียว!!! ...พลิกโลก
เมื่อตัวตลกในสายตา ...พลิกประวัติศาสตร์
ผมมีเรื่องนึงมาเล่าให้ฟังครับ😊
ในโลกนี้มันมีแต่เรื่องตลก...
"ยิ่งหัวเราะกับความแตกต่างมากขึ้นฉันใด
ความโง่เขลาในตัวตนยิ่งเพิ่มขึ้นฉันนั้น"
ตั้งแต่เรื่องใหญ่ๆ ไปจนกระทั่งเรื่องเล็กๆ
ตั้งแต่กาลก่อนมาแล้ว สมัยทุกคนยังเชื่อว่าโลกแบน แต่เมื่อมีคนตั้งทฤษฎีใหม่ ว่า"โลกกลม" เขาคนนั้นก็จะถูกโลกหัวเราะเยาะเย้ย ว่าโง่เขลา จนบางทีขาดการไตรตรองจากองค์ความรู้ใหม่ๆ
เหมือนดั่งเช่นเรื่องราวของ "Dick" ....
ในสนามการแข่งขัน.....
" เสียงหัวเราะ " เริ่มดังขึ้นทั่วสนามทันที ภายหลังจากที่" Dick" เริ่มกระโดด
Dick Fosbury หนุ่มน้อยวัย 21ปี รูปร่างผอมกระหล่อง ไม่มีเค้าโครงความเป็นนักกีฬาแม้แต่น้อย คุณสมบัติที่ดีเพียงอย่างเดียวคือ "สูง"
Dick หลงไหลในกีฬากระโดดสูงอย่างมาก
เขาดูการแข่งกระโดดสูงด้วยใจจดใจจ่อ เพราะมันเป็นกีฬาที่ท้าทาย และเขาเชื่อว่าเขาทำได้
Dick รู้จักถึงองค์ประกอบทุกอย่างของการเป็นนักกีฬากระโดดสูง เพราะเขาดูการกระโดดของนักกีฬาทุกคนที่เข้าแข่งขัน ในหลายๆการแข่ง
📌จนวันนึงเขาเกิดข้อสงสัย
และเกิดคำถามว่า.......ทำอย่างไร?
ถึงจะกระโดดได้สูงกว่าเดิม
ทั้งที่ก็พยายามทำมาแล้วตั้งเป็นพันครั้ง
เทปการแข่งขันของนักกีฬากระโดดสูง ถูกเล่นซ้ำไปซ้ำมาเป็นร้อยๆรอบ
ถอยหลังกลับไป " ก่อนศตวรรตที่ 19 "
เชื่อหรือไม่ว่า ท่ามาตราฐานที่ใช้ในการกระโดดสูงที่นักกีฬาทุกคนใช้ในการแข่งขัน คือ....
"การกระโดดแบบคว่ำหน้า"
และเป็นอย่างนั้นมา...กว่าร้อยปี มาจนถึงช่วงเวลาที่Dick คิดอะไรแผลงๆขึ้น
Dick Fosbury เริ่มฝึกซ้อมด้วยท่ากระโดดที่แตกต่างออกไปหลายๆท่า
✅ จนมาวันหนึ่ง....
เขาก็ค้นพบว่า การที่เขาไม่ต้องไปกังวลกับไม้คาน ตรงหน้า โดยการหันหลังไม่มองคาน และใช้การจับจังหวะในการก้าวให้ดี ก่อนจะเอาหลังขึ้น และเอนหลังเพื่อหลบไม้คาน ไล่ไปทีละส่วนจนถึงขา เป็นอะไรที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า
ด้วยความเชื่อแบบนั้น เขาเริ่มฝึกซ้อมด้วยท่าทางแปลกๆนั้นเพียงลำพัง จนเขาเริ่มมั่นใจว่าใช้ได้
📌ในการแข่งขันระดับท้องถิ่น "Dick" ก็ใช้การกระโดดกลับหลังแปลกๆแบบนี้แหละในการแข่งขัน
เสียงหัวเราะมีทุกครั้ง ในทุกๆการแข่ง เพราะท่าทางอันประหลาดพิกลในการกระโดดของเขา
แต่ก็ด้วยท่ากระโดดเฉพาะตัวนี้เอง ที่นำพา Dick ไปสู่การเป็นนักกีฬาตัวแทนประเทศ ไปแข่งขันกีฬาโอลิมปิค... มันไม่ธรรมดาเลย
โชคดีเหลือเกินที่ว่า ในการแข่งขันโอลิมปิค ไม่ได้มีกฎข้อบังคับว่าต้องกระโดดคว่ำหน้าเท่านั้น จะท่าไหนก็ได้ ขอเพียงกระโดดอย่างไรก็ได้ให้สูงที่สุด
ในการแข่งขันโอลิมปิคที่แม็กซิโก ในปี1968
เมื่อDick เข้าสู่สนามการแข่งขัน
"เสียงหัวเราะ" ก็เริ่มขึ้นทันทีที่เขาเริ่มกระโดด....
เสียงหัวเราะดังไปทั่วสนาม แม้แต่โค้ชทีมคู่แข่ง
แต่เสียงหัวเราะ ก็ไม่ได้ทำให้ Dick เสียความมั่นใจแต่อย่างใด.....
เพราะ Dickรู้ดีว่า เขากำลังจะ" สร้างประวัติศาตร์ "
ใช่!! จะไปแคร์อะไรกับเสียงลม.....
ความสูงของคาน เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามการแข่งขันในแต่ละรอบ
เสียงหัวเราะก็ยังคงมีทุกครั้งในรอบคัดเลือก
แต่เสียงหัวเราะเริ่มหดหาย เมื่อเขาเริ่มผ่านเข้ารอบลึกๆ
📌จนในที่สุด....Dick ก็ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ
✴ ....เสียงหัวเราะ เริ่มกลายเป็นเสียงอื้ออึง...
ทุกคนในสนาม เริ่มรู้แล้วว่า Dick Fosbury ไม่ใช่ไอ้กระจอก ที่มีท่ากระโดดทุเรศ อย่างที่ทุกคนเข้าใจ
Valentin Gavrilov แชมป์เก่า
แชมป์เก่าตัวเต็ง อย่างValentin Gavrilov นักกีฬาชาวรัสเซีย มาถึงจุดที่เขาไม่สามารถกระโดดข้ามพ้นไปได้ที่ความสูง 2.20ม. และนั่นแปลว่า.....
ใครก็ตามข้ามผ่านที่ความสูงนี้ไปได้ก็คือ.....โค่นแชมป์โลก
Ed Caruthers นักกีฬาเพื่อนร่วมชาติ(ขวามือ)
Ed Caruthers นักกีฬาเพื่อนร่วมชาติชาวอเมริกัน ผู้เก่งกล้าทำได้สูงถึง 2.22ม. เป็นความสูงที่ทำลายสถิติโลกไปแล้ว
📌 และก็ถึงคิวของDick ที่จะเอาชนะ หรือ เสมอ
ขณะวิ่งออกไปในใจของDick คิดอะไร?
ความกดดัน ความเป็นหน้าใหม่ คำสบประมาท และเสียงหัวเราะ ทุกอย่างมันถาโถมเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง...
แต่....มันก็ไม่สามารถหยุดเขาไว้ได้แล้วในวินาทีนั้น
ท่ามกลางสายตากว่า 160,000คู่ ของผู้ชมกว่า80,000คนในสนาม ที่เคยหัวเราะเยาะเขา
✅ และแล้ว.....
ที่ความสูง 2.24เมตร
เสียงเฮ!!! ดังลั่น เสียงปรบมือ ทั้งสนามพร้อมกับการลุกขึ้นยืนของผู้คนที่ตามเชียร์เขา มันช่างเป็นอะไรที่เหมือนยกภูเขาออกจากอกDick เลยทีเดียว
✴ ..Dick Fosbury ชนะในการแข่งขันคว้าเหรียญทองไปในการแข่งโอลิมปิคในปี 1968
โดยความสูงที่เขาทำได้คือ 2.24เมตร สร้างสถิติใหม่ของการกระโดดสูงโลก
เกินความคาดหมายอย่างยิ่งของคนเกือบแสนทั่วทั้งสนาม
และภาพที่เห็นด้วยกล้อง.......
หลายคนยังเชื่ออีกว่า Dick กระโดดได้สูงกว่านั้นอีกมาก แต่เป้าหมายในคราวนี้ของDick คือ....
"เหรียญทอง " เพื่อชื่อเสียงให้กับประเทศเท่านั้น และ ถ้าจำนวนครั้งในการกระโดดมีมากกว่านี้เขาก็คงทำได้สูงมากกว่านี้
ท่ากระโดด ของDick กลายเป็นที่ถกเถียงกันอยู่นาน ภายหลังการแข่งขัน
และอย่างที่รู้ๆกัน ท่ากระโดดแบบหันหลังของเขากลายมาเป็นท่าที่เชื่อว่าดีที่สุด และถูกset ให้เป็นท่ามาตราฐานในการฝึกซ้อมและแข่งขันในเวลาต่อมาจนถึงปัจจุบัน...
Dick fosbury ผู้พลิกประวัติการกระโดดสูงของมวลมนุษย์ชาติที่มีแบบแผนมาเป็นร้อยปีได้สำเร็จ
Fosbury flop
"Fosbury flop" คือชื่อเรียกของท่ากระโดดหันหลังนั้น เพื่อย้ำเตือนและมอบเกียรติให้แก่ "Dick"
📌 สิ่งต่างๆที่Dick ทำนั้น....เป็นสิ่งที่สอนผู้คนเป็นอย่างดีว่า ถ้าเราเริ่มต้นทำอะไรใหม่ๆ แน่นอนจะมีคนบอกเราเสมอว่า....
"ยาก"
"อย่าไปทำเลย"
"ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก"
"มันตลกสิ้นดี"
"เหนื่อยเปล่า"
คำสบประมาท และเสียงหัวเราะเหล่านั้น เป็นพลังบวกหรือพลังลบ ขึ้นอยู่กับวิธีคิดของตัวเราเอง
หากเรา" ไม่มั่นใจ" ในสิ่งที่เราทำอยู่ เสียงเหล่านั้นคือ" พลังลบ "
แต่ถ้าเรา" มั่นใจ และเด็ดเดี่ยวพอ " เสียงหัวเราะและคำกร่นด่านั้น จะเป็นเหมือนเชื้อเพลิงอย่างดี ที่จะผลักดันเราไปให้ถึงซึ่งจุดหมาย
✅ บางครั้ง.....ถ้าเรายอมอดทนต่อเสียงหัวเราะเยาะของโลกที่มีต่อเรา
บางที....เราอาจจะ
" เปลี่ยนแปลงโลก ไปตลอดกาล "
Dick Fosbury
ลองทำดูนะครับ😊
ขอบคุณที่อ่านบทความครับ
หากชอบฝากกดไลค์และกดแชร์ให้หน่อยนะครับ เพื่อเป็นกำลังใจให้กับผู้เขียนจ้าา
I am cappuccino
วีดิโอการแข่งขัน
โฆษณา