"โลกร้อนแต่ทำไม....ใจเรา(ยัง)เย็น"
ปัญหาภาวะโลกร้อนปัจจุบันตอนนี้คงไม่มีใครไม่ทราบถึงปัญหานี้แล้ว
นักวิทยาศาสตร์ต่างบอกเป็นเสียงด้วยกันว่า
ปัญหานี้เป็น “ปัญหาที่เกิดขึ้นจริง” ไม่ได้คิดกันไปเอง แถมยังเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อคนทั้งโลก แต่ทำไมเราถึงยังไม่เปลี่ยน และใช้ชีวิตปกติ เหมือนภาวะโลกร้อนนี้ยังไม่เกิด ในบทความนี้เราจะมาหาคำตอบกัน
เคยได้ยินคำนี้กันไหมครับ "ทั้งที่รู้แต่ยังทำ" ความคิดกับการกระทำของมนุษย์เป็นสิ่งที่ย้อนแย้งกันมาก ยกตัวอย่างให้เห็นภาพนะครับ คนมากมายสูบบุหรี่ ดื่มเหล้าทั้งที่รู้ว่ามันทำลายสุขภาพ ชอบกินของหวาน ของทอดทั้งที่รู้ว่ามันอ้วน ชอบซื้อของลดราคาถึงแม้จะรู้ว่าบางสิ่งก็ไม่ได้จำเป็นขนาดนั้นสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะ เราทำตามอำเภอใจ มากกว่าคิดถึงเหตุผล
นักจิตวิทยากล่าวไว้ว่า "สมองเราถูกออกแบบมาให้ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงแบบเฉียบพลัน ไม่ว่าสิ่ง ๆ นั้นจะร้ายแรงแล้วส่งผลต่อเราแค่ไหนก็ตาม สมองเราไม่ได้ถูกออกแบบมาให้พบกับความเปลี่ยนแปลงอย่างช้า ๆ ..... "
เราจะสังเกตุเห็นได้ว่า มนุษย์มักรับมือกับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้เป็นอย่างดี เเต่มีเพียงส่วนน้อยที่จะมองเห็นถึงปัญหาระยะยาวที่จะเกิดขึ้นแล้วหาทางแก้ไข
เพราะภัยบางอย่างเราสามารถเห็นได้ชัดเจน ว่าสิ่งนี้กำลังเกิดขึ้นตรงหน้าเรา แต่อีกภัยหนึ่งเป็น " ภัยเงียบ " แม้จะร้ายแรงกว่าและมีความแน่นอนว่าจะเกิดขึ้น แต่เรากลับยังไม่เห็นความสำคัญ เพราะมันยังมาไม่ถึงตัวเรา
เรียกได้ว่าเรายัง " ชิล " อยู่
สาเหตุก็เพราะในปัจจุบันภัยมักมาในรูปแบบของ ภัยเงียบ หรือ ภัยมืด ที่ค่อยๆคืบคลานเข้ามาหาเราอย่างช้า ๆ
ต่างจากในสมัยก่อนย้อนกลับไปหลายล้านปียุคที่มนุษย์เริ่มวิวัฒนาการ
สิ่งต่าง ๆ รอบตัวเรามักเป็นภัยที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็น ภัยจากสัตว์ร้าย ภัยจากการบุกรุกโจมตีของคน ชนเผ่าต่าง ๆ ไฟป่า ฯลฯ ทำให้มนุษย์ต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาเพื่อความอยู่รอด
แต่ถึงจะเป็นภัยเงียบก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่รู้ตัวเพราะธรรมชาติมักส่งเสียงเตือนเราเสมอ ยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่เราพบในขณะนี้ ยกตัวอย่างเช่น
- ภัยของการกินอาหารไม่หมด ซึ่งเป็นสาเหตุหลักในการปลดปล่อยก๊าซที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน
- ภัยธรรมชาติทั่วโลก หากเราลองมองออกไปรอบ ๆ ตัวตอนนี้จะเห็นได้ว่าโลกกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทั้งอุณหภูมิที่สูงที่สุดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ฤดูกาลที่แปรผัน ไฟป่าครั้งใหญ่ หรือหมอกควันที่มีปริมาณมากขึ้น
แต่สิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็คือ การที่มนุษย์เรายังเมินเฉยต่อปัญหาเหล่านี้ หรือเป็นเพียงเพราะสิ่งเหล่านี้ยังไม่เกิดขึ้นตรงหน้า
เรื่องนี้หากเรามองไปให้กว้างไม่ได้ใช้ได้กับแค่เรื่องของสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่สำคัญกับทุกเรื่องบนโลกใบนี้ เพราะหากลองมองดูดีๆ เราจะพบว่าปัญหาทุกอย่างส่วนใหญ่บนโลกใบนี้ เกิดจากการที่เรา "ไม่มองการณ์ไกล" นั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาครอบครัว ปัญหาสุขภาพ หรือปัญหาที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งของเราตอนนี้ก็คือ "การเงิน" หากเราวางแผนการเงิน ใส่ใจกับสิ่งที่อยู่รอบตัวอย่างช้าๆ เราก็จะพบว่าปัญหาทุกอย่างเราสามารถหาทางออกให้กับมันได้
ทุกคนอยากมีชีวิตที่ดี มีหน้าที่การงานที่ดี อยู่ในสังคมที่ดี แต่สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งของชีวิต เหมือนการที่เราอยากทำให้บ้านน่าอยู่ เราจึงปรับปรุงแค่บ้านของเรา แต่กลับลืมว่าบ้านนั้นเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนหรือประเทศ ดังนั้นเราจึงควรพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าไปควบคู่กัน เช่นเดียวกับเรื่องสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ทุกคนต้องใส่ใจ เพราะไม่ใช่หน้าที่ของคนใดคนหนึ่ง
99% ของไฟป่าล้วนเกิดจากมือเรา
บางอย่างเสียไปแล้ว ต้องใช้เวลานานกว่าจะฟื้นคืนกับมาได้เหมือนเดิม
เหมือนกับคนเราเมื่อเราเจ็บกว่าเราจะหายก็ต้องใช้เวลา สิ่งแวดล้อมก็เหมือนกันครับ เมื่อสิ่งแวดล้อมที่เสียไปก็ยากที่จะกลับคืนมา.......
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
