Blockdit Logo (Mobile)
เพลงนั้น
•
24 ก.พ. 2020 เวลา 11:30 • บันเทิง
"A Whiter Shade of Pale" นิยามคำว่าอมตะจาก Procol Harum
ช่วงบ่ายแก่ ๆ ของวันหนึ่ง เมื่อประมาณ 3 ปีก่อน ผมได้ยินเสียงเพลงที่คุ้นเคยนี้ แว่วมาจากทีวีช่อง Mono ซึ่งกำลังฉายหนังไซไฟเรื่อง "Oblivion" อยู่ หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการดำรงอยู่ของเผ่าพันธ์มนุษย์ในอนาคต หลังจากการทำลายล้างครั้งใหญ่ที่เกิดจากน้ำมือของศัตรูนอกพิภพ ที่นำแสดงโดยพระเอกตลอดกาล Tom Cruise
เพลงนี้ปรากฏอยู่ในฉากที่พระเอกพานางเอกมาที่บ้านกลางป่าริมทะเลสาบ เป็นเพลงที่เปิดจากแผ่นเสียงโปรดของพระเอกที่สะสมไว้ เสียงดนตรีของเพลงนี้ ให้ความรู้สึกที่เข้ากันได้เป็นอย่างดีกับภาพบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติ มีสีเขียวของต้นไม้ปกคลุม ทั้ง ๆ ที่เนื้อหาแท้จริงของเพลงนั้น ก็ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันกับธรรมชาติ แถมเมื่อพยายามฟังกันจริง ๆ แล้ว ก็ยังชวนให้งงงวยกันอยู่จนถึงทุกวันนี้
A Whiter Shade of Pale" เพลงร็อคระดับคลาสสิกจากปลายยุค 60s ของ Procol Harum วงดนตรีชื่อแปลกจากเกาะอังกฤษ ที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามในเวลานั้น คือเพลงที่ผมกำลังเล่าถึง
เพลงนี้เป็นเพลงเปิดตัวของวง อยู่ในอัลบั้มชื่อเดียวกับชื่อวงที่ออกมาในปี 1967 และในปีเดียวกันนั้น เพลงนี้ได้ขึ้นถึงอันดับหนึ่งบนชาร์ตของหลายๆประเทศ รวมทั้งที่อังกฤษบ้านเกิดของวงด้วย ส่วนที่อเมริกาก็ไม่เบา ขึ้นไปถึงอันดับที่ 5 บนชาร์ท Billboard โดยที่แทบจะไม่ต้องทำการโปรโมทแต่อย่างใด และด้วยยอดขายกว่า 10 ล้านแผ่น ก็ได้ทำให้เพลงนี้ กลายเป็นหนึ่งในแผ่นซิงเกิ้ลที่ขายดีที่สุดในประวัติศาสตร์ไปแล้ว
เล่ากันว่าทำนองของเพลงนี้ได้มาจาก "Air on a G String" ผลงานของ Bach หนึ่งในสุดยอดคีตกวีแห่งวงการดนตรีคลาสสิกโลก เมื่อผสมผสานเข้ากับดนตรีร็อคแอนด์โรลในแบบของยุค 60s เข้าไปแล้ว จึงเกิดเป็นบทเพลงที่มีโครงสร้างผิดแผกแตกต่างจากเพลงทั่วไปในยุคสมัยเดียวกัน
ในยุค 60s เป็นช่วงเวลาแห่งการแสวงหา มีการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมมากมายเกิดขึ้นในสังคมโลก ในวงการดนตรีก็เช่นเดียวกัน บรรดาศิลปินเพลงมากมาย ต่างง่วนอยู่กับการทดลอง เพื่อสรรค์สร้างแนวทางดนตรีใหม่ ๆ มาใช้กับงานเพลงของตัวเองอย่างมุ่งมั่น จนถึงกับมีการกล่าวขานกันว่า นี่คือรุ่งอรุณของดนตรีในแนวโปรเกรสซีฟร็อคกันเลยทีเดียว
ขอบคุณภาพ "วง Procol Harum ในปี 1967" จาก: KRLA Beat/Beat Publications, Inc. | Commons.wikimedia.org [ Public Domain ]
มีการตีความคำร้องในเพลงนี้กันอย่างกว้างขวาง เพื่อทำความเข้าใจว่า จริง ๆ แล้วมันหมายถึงเรื่องอะไร และถึงแม้ Keith Reid คนแต่งคำร้องในเพลงนี้ จะได้พยายามออกมาอธิบายไปแล้ว แต่คำตอบนั้นก็ยังคงไม่ได้ให้ความกระจ่างกับสาธารณชนเพิ่มขึ้นสักเท่าไร
ยังคงเชื่อกันว่า มันเป็นเรื่องราวความสัมพันธ์ของคนสองคน ความทรงจำ การพรากจาก และความเศร้า
ที่แน่ ๆ ก็คือ คุณ Reid ได้ยินคำว่า "A Whiter Shade of Pale" นี้มาจากบทสนทนาระหว่างชายหญิงคู่หนึ่งในงานปาร์ตี้ ที่เกิดขึ้นในยุค 60s
ในทางดนตรีแล้ว "A Whiter Shade of Pale" เป็นเพลงร็อคที่มีจังหวะเนิบช้า เสน่ห์สำคัญมาจากเสียงอุ่น ๆ ของออร์แกนยี่ห้อแฮมมอนด์ หนึ่งในเครื่องดนตรีประเภทคีย์บอร์ดยอดนิยมของยุคสมัย ที่บรรเลงท่วงทำนองอันงดงามในแบบที่เราได้ยินได้ฟังกันในบทเพลงคลาสสิกดี ๆ
Gary Brooker นักร้องนำของวง ถ่ายทอดคำร้องในแบบที่ไม่ธรรมดาของเพลงนี้ ซึ่งเขาเองมีส่วนร่วมในการเขียนมันขึ้นมา ด้วยน้ำเสียงเปี่ยมอารมณ์ในแบบร็อคแอนด์โรลปลายยุค 60s เมื่อผสมผสานกับเสียงดนตรีตามที่พรรณาไปข้างต้น จึงกลายเป็นเอกลักษณ์สำคัญให้กับบทเพลง จนประทับอยู่ในใจผู้คนมากมายเรื่อยมา
ขอบคุณภาพจาก: DJANDYW.COM AKA NOBODY | flickr ภายใต้ CC BY-SA 2.0
ในปี 1977 เพลงนี้เคยได้รับรางวัล "เพลงป็อปที่ดีที่สุดของอังกฤษในช่วงปี 1952-1977" ร่วมกับเพลง "Bohemian Rhapsody" ของวง Queen จากเวที Brit Award ของอังกฤษ และต่อมาในปี 1998 เพลงนี้ก็ได้ถูกเชิญเข้าสู่ "Grammy Hall of Fame" ของอเมริกา
ในปี 2004 Rolling Stone หนึ่งในนิตยสารทางดนตรีที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกนี้ ได้จัดให้เพลงนี้อยู่ในอันดับที่ 57 จาก 500 อันดับเพลงยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล
และในปี 2009 ยังมีการบันทึกไว้ว่า เพลงนี้เป็นเพลงที่ถูกเปิดในที่สาธารณะในอังกฤษมากที่สุดในช่วงเวลา 75 ปีที่ผ่านมาอีกด้วย
มาจนถึงวันนี้ แม้ว่าความหมายของเพลงนี้จะยังคงเป็นปริศนาอยู่ แต่ความนิยมชมชอบที่มีกับเพลงนี้ของผู้คนที่มีชีวิตอยู่ต่างยุคต่างเวลากัน ก็ได้ผลักดันให้เพลงนี้เข้าสู่นิยามของคำว่า "อมตะ" ไปแล้วในที่สุด
อ้างอิง:
โฆษณา