21 มี.ค. 2020 เวลา 03:00
MovieTalk ภูมิใจเสนอนิยายบู๊ภูธร
“บางบอกดิก” ตอนที่ 3
โดย มูฟวี่ เมืองกรุง
ความเดิมตอนที่แล้ว
เสก ก้าวเล็ก เดินทางมายังบ้านบางบอกดิก และถูกคนของพ่อเลี้ยงก้อมจะรุมทำร้าย แต่กลายเป็นเสกที่ทำร้ายพวกนั้น ก่อนที่เสกจะถูกยิง ผู้ใหญ่ข้าวก็เข้ามาห้ามไว้ได้ทัน และชวนเสกไปพักค้างคืนที่บ้านของตนเอง
ทางด้านพ่อเลี้ยงก้อม สงสัยว่าเสกอาจเป็นคนของทางการส่งมา จึงให้แว่นเลี้ยงยายเป็นคนไปสืบข่าว เนื่องจากแว่นเป็นเพื่อนกับปิ้กและปาล์ม ลูกสาวผู้ใหญ่ข้าว
เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป ขอเชิญติดตามอ่าน “บางบอกดิก” ได้ ณ บัดนี้.....
1
บางบอกดิก ตอนที่ 3
ค่ำแล้ว ร้านรวงแถวตลาดต่างก็ปิดประตู เช่นเดียวกับร้านเสริมสวย “เพ็ญ-ภา”
ค่ำนี้ก็ปิดร้าน
เพ็ญ สาวคนพี่อยู่ในครัวกำลังง่วนกับการทำอาหารเย็น วันนี้มีหัวไช้โป้วผัดไข่, กะเพราหมูกรอบ และ ต้มจืดวุ้นเส้น
ภา สาวคนน้องจัดแจงปิดประตูร้านเรียบร้อย จัดโต๊ะ คดข้าวใส่จาน รอคอย
ภาตักข้าวใส่จานสามใบ ในขณะที่เพ็ญเดินเอากับข้าวทั้งสามอย่างมาวางบนโต๊ะ
ทั้งสองสบตาและยิ้มให้กัน
“พี่เพ็ญ กับข้าวหอมน่าทานมากเลย” ภาเอ่ยชม พลางลากเก้าอี้มานั่ง
“ก็ง่าย ๆ นะ ทำแค่สามอย่าง” เพ็ญตอบอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับนั่งลงตรงข้ามภา
เสียงเดินตึง ๆ จากชั้นบน ชายบึกบึนคนหนึ่งเปลือยท่อนบน อวดแผงอกล้ำบึ้ก ท่อนล่างสวมกางเกงแพรตัวหนึ่ง กำลังเดินลงบันไดมา ดูก็รู้ว่าเพิ่งอาบน้ำมาเสร็จหมาด ๆ
เจ้าตัวเดินมาที่โต๊ะพร้อมกับลากเก้าอี้ที่หัวโต๊ะออก แล้วทรุดนั่งลง พลางหันไปสบตากับสองสาวด้วยสีหน้าแย้มยิ้ม
แมน เมืองชล
“กลิ่นกับข้าวน้องเพ็ญหอมฟุ้งไปถึงข้างบนเลย พี่แมนเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ได้กลิ่นโชย แทบจะลงมาทั้ง ๆ ที่ ไม่นุ่งผ้าเลย”
“บ้า...คนผีทะเล” เพ็ญตีแขนอันล่ำบึ้กของแมนด้วยความเขินอาย
แมนหัวเราะชอบใจ พลางยื่นหน้าเข้าไปกระซิบข้าง ๆ หูเพ็ญ
“คืนนี้พี่แมนจะให้เพ็ญกอด กอด ให้หนำใจเลยนะ...”
เพ็ญเขินจนหน้าแดง “พี่แมนนี่เซี๊ยวที่สุด....พูดจาไม่อายน้องภาเลยรึไง”
แมนหันไปมองภาเห็นภาเพิ่งวางแก้วใส ก่อนจะตักน้ำแข็งใส่ รินน้ำสีอำพันยี่ห้อแม่โขงลงไป พร้อมกับเทโซดาตาม เธอใช้ที่ตักน้ำแข็งคนให้เข้ากันก่อนจะส่งให้แมน
แมนรับมาแล้วซดดื่มอึกใหญ่ แล้วหันไปทำตาหวานใส่ภา
“แหม...น้องภานี่รู้ใจพี่แมนเหลือเกิน จะหาใครชงเหล้ารสอร่อยได้เท่าน้องภาเป็นไม่มีแล้ว”
ภา
ภาหันมาค้อนขวับใส่แมนวงหนึ่ง “แม่เคยสอนว่า ผู้ชายปากหวานเชื่อถือไม่ได้”
“โถ....พี่แมนไม่ได้เป็นคนปากหวานนะจ้ะ ภาลองขยับมาทางซ้ายอีกนิดสิจ้ะ...”
ภาทำสีหน้างุนงง แต่ก็ขยับไปทางซ้ายตามคำขอของแมน พลางถาม
“ให้ภาขยับทำไมเหรอพี่แมน?”
“เราจะได้ใจตรงกันไงจ้ะ” แมนหัวเราะชอบใจ
1
ภาหัวเราะคิกคักก้มหน้า แก้มเป็นสีแดงด้วยความเขินอาย
เพ็ญเห็นแล้วก็ชอบใจ แต่ก็ตัดบท
“เราทานข้าวกันเถอะเดี่ยวมันจะเย็นเสียก่อน”
เพ็ญ
ขณะที่กำลังจะทานข้าว เสียงกริ่งหน้าร้านก็ดังขึ้น
“เอ๊ะ...ป่านนี้แล้ว ใครยังจะมาอีกนะ?” เพ็ญสงสัย
“เดี๋ยวพี่แมนออกไปดูเอง เพ็ญกับภาอยู่ตรงนี้ล่ะ”
แมนทำหน้าสงสัย แต่ก็ระแวดระวัง คนอย่างแมน นักเลงเก่าจากเมืองชลก็ถือว่ามีคู่แค้นอยู่ไม่น้อย อยู่ในวงการนี้ก็ต้องระมัดระวังเป็นเพิเศษ
แมนเดินไปที่ตู้เย็นซิงเกอร์ เอื้อมมือขึ้นไปหยิบปืนลูกโม่ที่วางไว้บนตู้เย็น พลางขึ้นไก แล้วเดินย่องไปหลบด้านข้างประตู
พลางถามขึ้น
“นั่นใครวะ?”
มีเสียงห้าว ๆ กึ่ง ๆ เมาตอบกลับมาจากด้านนอกประตูเหล็ก
“พ่อมึงมั้ง ไอ้แมน...”
แมนเก็บปืนเหน็บไว้ด้านหลัง พลางรูดประตูเหล็กออก แล้วเปิดประตูไม้ ผู้ชายท่าทางกึ่มเหล้า ยืนอยู่ด้านนอก ด้านข้างมีเด็กสาววัยไม่เกินยี่สิบยืนซบอยู่ ส่วนมือของชายคนนั้นโอบที่เอวเด็กสาวไว้
“ไอ้ห่าเต้...เกือบโดนเป่าแล้วเอ็ง” แมนเอ่ยทัก
เต้ เบียร์วุ้น
“แหม...เอ็งคิดจะยิงข้าก่อนเลยเหรอ ไอ้แมน”
“เอ็งมาหาข้ามีอะไร?” แมนย้อนถาม
“พ่อเลี้ยงก้อมให้มาตามเอ็งน่ะ...”
“เดี๋ยวนี้เลยเหรอ?” แมนตกใจ ทำท่าไม่ค่อยพอใจด้วย
“ไม่หรอก...พรุ่งนี้เช้าเอ็งไปที่บ้านพ่อเลี้ยงก็ยังทัน” เต้ตอบพลางหันมาไปหอมแก้มเด็กสาวหนึ่งฟอดใหญ่
“โล่งอก” แมนเป่าปาก
เต้ เบียร์วุ้นมองหน้าแมนเหมือนรู้ใจ พลางยิ้มอย่างมีเลศนัย
“เอ็งโล่งอก หรือเอ็งจะหนักอกกันแน่ ข้าว่าอย่างหลังนะ ช่างน่าอิจฉาเหลือเกิน ใครเขาบอกเมียสองต้องห้าม แต่ข้าว่ากับเอ็งนะไอ้แมน มันใช้ไม่ได้ มันต้องเป็นเมียสองต้องหามมากกว่า”
ทั้งเต้และแมนต่างก็หัวเราะกันลั่น
เต้พูดต่อ “ว่าแต่ว่า เอ็งอย่าหักโหมล่ะคืนนี้ เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปทำงานให้พ่อเลี้ยงไม่ไหว มันจะเสียงาน”
แมนหรี่ตามาที่เต้ ก่อนจะเบนไปยังเด็กสาวที่เต้โอบเอวไม่ปล่อยมือ
“ไอ้ที่จะหักโหมข้าว่าเอ็งนะ ของข้าเขาจัดเวรกันไว้แล้ว” แมนยิ้มอย่างมีความสุข
1
“จันทร์ พุธ ศุกร์ เป็นน้องเพ็ญ ส่วนอังคาร พฤหัส เสาร์ เป็นน้องภา วันอาทิตย์ข้าได้พัก”
เต้ ทำท่าจะยกเท้าถีบ “หมั่นไส้เอ็งจริง ๆ ข้าไปดีกว่า แล้วพรุ่งนี้เจอกัน แปดโมงเช้านะเอ็ง”
“โอเค” แมนพยักหน้าตอบก่อนจะเดินกลับเข้าไปในร้าน พลางหันมาเล่นเต้เล่นบทหอมแก้มเด็กสาวไปตลอดทางจนหายไปในความมืดของถนน
แมนเอาปืนวางไว้บนหลังตู้เย็น พลางเปิดตู้เย็น แล้วหยิบกระทิงแดงออกมากระดกรวดเดียวสองขวด พลางคิดในใจ
“พ่อเลี้ยงจะให้ทำอะไรกันนะ?”
แมนสลัดความคิดเพราะสายตาหวานฉ่ำของสองสาวพี่น้องเพ็ญภามองมาทางตน
“รีบกิน รีบทำการบ้านดีกว่า พรุ่งนี้ต้องไปแต่เช้า”
แมนยิ้มพลางคิดในใจก่อนจะสาวเท้าไปที่โต๊ะกินข้าวที่สองสาวนั่งรออยู่
เช้าวันรุ่งขึ้น
ในห้องกินข้าวของคฤหาสถน์พ่อเลี้ยงก้อม ทุกคนนั่งรายรอบอยู่ ด้านซ้านเป็นเต้ เบียร์วุ้น ส่วนด้านขวาเป็น แมน เมืองชล ที่เหลือทั้ง พิภพหัวโล้น, ศักดิ์หยักศก, เบิ้ม แกงบวช, เหลี่ยม กฤษณะ, ยักษ์ ปักเลน, จิ้งเหลน เห่าดง และลูกสมุนต่างก็นั่งรายล้อมอยู่
รวมดาวร้ายแห่งบางบอกดิก
ส่วนพ่อเลี้ยงก้อมยืนอยู่หัวโต๊ะ พลางสูบบุหรี่อัดควันเข้าปอดแล้วพ่นออกมาก่อนจะหันมาที่แมน
“ไอ้แมน ข้ามีงานสำคัญให้เอ็งทำ” พ่อเลี้ยงไม่รอให้แมนตอบก็สั่งต่อ
“เอ็งจำไอ้สอนได้ไหม?”
“ไอ้สอน?...ไอ้สอน ดอยกาแฟน่ะเหรอครับนาย”
“ใช่...ข้าจะให้เอ็งไปกล่อมให้มันขายไร่กาแฟบนดอยทั้งหมดของมันให้ข้า”
“เราเคยไปเจรจากับมันแล้ว มันไม่ยอมขายนะครับพ่อเลี้ยง” แมนบอก
“ก็เพราะมันไม่ขาย ข้าถึงจะให้เอ็งไปกล่อมมันไง...ข้าต้องการไร่กาแฟของมันทั้งหมด”
“นายจะเอากาแฟไปทำอะไรครับ?” เต้ถามขึ้นแบบมึน ๆ
“ดินตรงนั้นมันดี เหมาะกับการปลูกกัญชา และฝิ่น” พ่อเลี้ยงตอบ
“ข้าตั้งใจจะใช้ไร่กาแฟของไอ้สอนบังหน้า แล้วปลูกกัญชากับฝิ่นเพิ่ม จะได้ส่งขายทางชายแดนให้พวกลาว กับพม่ามันด้วย”
พ่อเลี้ยงก้อมอัดบุหรี่อีกรอบ
“ไอ้แมน เอ็งเอาคนของเราไปกล่อมไอ้สอน เอาแค่หอมปากหอมคอให้มันกลัวจนต้องรีบขายให้ข้า แต่อย่าให้ถึงตายนะ”
พ่อเลี้ยงก้อม
“ครับพ่อเลี้ยง”
แมนรับคำ แล้วลุกขึ้น
“ไอ้ศักดิ์, ไอ้เบิ้ม, ไอ้เหลี่ยม เอ็งไปกับข้า”
แมนเดินออกไปพร้อมกับลูกสมุนอีกสิบคน
“ไอ้เต้ เอ็งไปที่วัดบอกดิกนะ” พ่อเลี้ยงหันมาสั่งเต้
“ให้ผมไปวัดทำไมครับพ่อเลี้ยง ผมไม่ชอบไปวัด มันร้อน”
“ไอ้ห่านี่...หัดเข้าวัดเข้าวาบ้าง ไม่ใช่เข้าซ่องเจ๊โชโกะตลอด”
พ่อเลี้ยงก้อมส่ายศรีษะ
“เอ็งไปหาไอ้มัคทายกอิ่ม”
“ไอ้มหาอิ่ม คนสนิทของหลวงลุงทับน่ะเหรอครับ?”
“ใช่ เดือนหน้าวัดบอกดิกจะมีงานใหญ่ฝังลูกนิมิต ข้าจะเป็นเจ้าภาพแสดงบารมีของข้า แต่กลัวมีคนตัดหน้า”
“อ้าว...ระดับพ่อเลี้ยงก้อม ใครมันจะกล้ามาทาบรัศมีครับ”
“เอ็งลืมไอ้นายหัวเฉื่อยไปแล้วเหรอ มันพยายามข้ามมาแย่งถิ่นของพวกเราตลอดเวลา”
“นายหัวเฉื่อย" เต้ทวนคำ "นายเหมืองบ้านสระหลอดนะเหรอครับ? ไอ้นี่มันคอยแซะฐานอำนาจพ่อเลี้ยงตลอดเลย”
“ไอ้ลูกหมานี่ สักวันข้าจะให้มันได้แดกกระสุน ถ้ายังไม่หยุดวัดรอยเท้าข้า นี่ถ้าไม่เห็นแก่ที่ค้าไม้เถื่อนร่วมกัน ข้าคงให้เอ็งหรือไอ้แมนไปเก็บมันแล้ว”
พ่อเลี้ยงก้อมดูมีท่าทีหงุดหงิดเมื่อเอ่ยถึงนายหัวเฉื่อย จนต้องหยิบกาแฟร้อนขึ้นมาซด ก่อนจะบ้วนทิ้ง
“ไอ้ห่า...ร้อน ลวกปากหมดเลย”
“อ้าว...กาแฟร้อนนี่ครับนาย” เต้ตอบแบบพาซื่อ
“กวนตีนแล้วเอ็ง...เอาเป็นว่า งานฝังลูกนิมิตคราวนี้ ชื่อพ่อเลี้ยงก้อมจะต้องอยู่ในฐานะประธานจัดงาน”
“ครับนาย” เต้รับคำ ลุกจากเก้าอี้ พลางล้วงมือไปดึงกางเกงในที่เข้าวินในก้นออก พิภพ, ยักษ์ และจิ้งเหลน เดินตามออกไปตระเตรียมจะขึ้นรถ
“ได้ยินว่าจะไปวัดเหรอคะพ่อ” เสียงใสแบ๊วดังขึ้น เป็นพิมนั่นเอง
พิม ลูกสาวพ่อเลี้ยงก้อม
“จ้ะ...พิมจะทำไมเหรอ” พ่อเลี้ยงทำท่าหงอลงไปทันที
“พิมจะไปวัดด้วยค่ะ อยากไปนั่งวาดรูปที่ศาลาริมคลองวัดบอกดิก”
“ได้จ้ะ...”
พ่อเลี้ยงก้อมดูหงอไปถนัดใจเมื่ออยู่ต่อหน้าลูกสาวสุดที่รัก พลางหันมาสั่ง
“ไอ้ภพเดี๋ยวเอ็งมาขับวอลโว่พาคุณหนูไปวัดบอกดิก และไปหาหลวงตาทับเป็นเพื่อนคุณหนูพิมนะ”
พิภพลูบหัวล้านก่อนจะพยักหน้า “ได้ครับนาย
พิภพเดินไปเปิดประตูด้านหลังรถวอลโว่ให้พิมขึ้นไปนั่ง ก่อนจะรีบวิ่งขึ้นไปนั่งที่คนขับ และสตาร์ทรถขับตามรถจิ๊บที่คนของเต้ เบียร์วุ้นขับนำหน้าออกไปก่อนแล้ว โดยมีสายตาของพ่อเลี้ยงก้อมยืนส่งอยู่ไกล ๆ
วัดบอกดิก
พิมเดินอยู่ในวัด พลางฮัมเพลงเบา ๆ ระหว่างเดินอยู่ในวัดบอกดิกที่บรรยากาศสงบ และร่มรื่น ตลอดแนวทางเดินปลูกไว้ด้วยต้นลีลาวดี เธอปล่อยให้พิภพไปสมทบกับพวกของเต้ เพื่อที่จะได้ไม่มารบกวนเธอ
พิมสะพายกระเป๋าผ้าใบใหญ่ ข้างในเป็นสมุดวาดเขียน สีไม้, สีเมจิก ดินสอ และอุปกรณ์วาดรูป
พิมชำเลืองมองรอบ ๆ อดคิดในใจ ที่วัดมีมุมที่น่ามานั่งวาดรูปมาก ๆ เลย ทั้งสงบ และร่มเย็น ดีต่อสมาธิของเธอ
พิมกำลังเดินผ่านต้นลั่นทมที่อยู่ติดศาลาริมคลองบอกดิก เธอมักมานั่งที่นี่มองออกไปที่คลอง แล้วก็ใช้เวลาหมดไปกับการวาดรูปชีวิตชาวบ้านริมคลอง
เธอสังเกตเห็นว่าที่ศาลาริมคลองตรงที่เธอเคยนั่งมีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่
ชายหนุ่มนั่งตรงที่เธอชอบนั่งวาดรูป มองออกไปที่คลอง ดีดกีตาร์โปร่งพร้อมกับร้องเพลงละมุนละมัย
เวอร์ชั่น นางเอก พิมมาดา ลูกสาวพ่อเลี้ยงก้อมร้อง
เสียงกีตาร์คล้ายมีมนต์สะกดให้พิมค่อย ๆ เดินเงียบ ๆ มาทรุดนั่งที่เก้าอี้อีกฝั่งที่ชายหนุ่มคนนั้นกำลังเล่นกีตาร์
ชายหนุ่มดีดกีตาร์จนจบ ก่อนจะหันกลับมาพบกับเด็กสาวหน้าตาสวยคม ใช้ดวงตากลมโตจ้องมองเขาอยู่
ชายหนุ่มผงกศรีษะอย่างสุภาพ พลางเอ่ยขึ้นอย่างนุ่มนวล
“สวัสดีครับ...ผมชื่อบีครับ บี บางรัก ครับ” ชายหนุ่มแนะนำตัว
บี บางรัก
พิมคล้ายเพิ่งรู้สึกตัวจากภวังค์
“สวัสดีค่ะ พิมค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก”
สายตาของบีและพิมสบกันชั่วครู่ ก่อนจะต่างก็หลุบสายตาด้วยความเขินอาย
สีชมพูเปล่งปลั่งขึ้นบนแก้มของพิม เช่นเดียวกับท่าทีเขินอายอย่างสุภาพของบี
พิมเป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้น
“พิมไม่เคยเห็นคุณมาก่อน คุณไม่ใช่คนบ้านบางบอกดิกใช่ไหมคะ?”
“ครับ” บีตอบรับ “ผมไม่ใช่คนที่นี่ครับ ผมกับน้องสาวมาเยี่ยมหลวงลุงทับครับ”
“คุณบีรู้จักหลวงลุงทับด้วยเหรอคะ?” พิมเอียงคอถาม ท่าทางน่ารัก
“ครับ...หลวงลุงเป็นพี่ชายของพ่อผมครับ พอดีผมกับน้องสาวได้งานที่บ้านบางสระหลอดครับ”
“คุณบีทำงานอะไรเหรอ?”
“ผมกับน้องสาวเป็นนักร้องนักดนตรีครับ เราได้งานในไนต์คลับของนายหัวเฉื่อย....”
ยังไม่ทันกล่าวอะไรต่อ ก็มีเสียงร้องขอความช่วยเหลือของผู้หญิงดังแว่วมาแต่ไกล
“ช่วยด้วย...ช่วยด้วย”
บีคุ้นกับน้ำเสียงมาก ชายหนุ่มรีบวางกีตาร์ลงแล้ววิ่งพรวดออกไปตามทิศทางเสียง ท่ามกลางความงุนงงของพิม
ฝีเท้าของบีเร็วมาก เพียงพริบตาเดียวเขาวิ่งมาถึงต้นทางของเสียง
ภาพที่บีเห็นคือ อันธพาลหัวล้านและพวกรุมล้อมหญิงสาวอีกคนไว้ตรงกลาง บีจดจำได้ดีว่าที่อยู่ตรงกลางคือน้องสาวของตนเอง
พิภพเดินเข้าไปประชิดหญิงสาวพลางแลบลิ้นเลียริมฝีปากสลับลูบหัวล้าน
“ไปกับพี่ไหมน้อง พี่จะทำให้น้องรู้จักสวรรค์เลยนะจ้ะ”
พิภพ หัวล้าน
“เฮ้ย...หยุดนะ” บีตะคอกใส่ พลางแทรกกลางเข้าไปยืนบังอยู่ด้านหน้าของหญิงสาว
“อะไรของเอ็งวะ ไอ้หน้าจืด” พิภพงุนงง
“พวกแกหยุดลวนลามน้องสาวฉันเลย” บีกล่าวห้าม
“ถ้าจะลวนลามแล้วจะทำไม” จิ้งเหลน เห่าดงที่ยืนข้าง ๆ พิภพเยาะเย้ยขึ้น
บีไม่พูดอะไรต่อ ยกเท้าถีบเต็มแรงไปที่จิ้งเหลนจนร่างผอมแห้งนั้นปลิวกระเด็นไปไกลหลายวา
พิภพจึงปรี่เข้าไปพร้อมกับเงื้อหมัดขวาเตรียมจะต่อย
บีเบี่ยงตัวออกด้านข้างก่อนจะต่อยหมัดฮุคขวาเต็มแรงเข้าที่ชายโครงของพิภพจนทรุดลงไปกองกับพื้น
ลูกสมุนอีกสองคนปรี่เข้ากระหนาบซ้ายขวาของบี
บีใช้เท้าซ้ายยันคนหนึ่งออกไป และเหวี่ยงหมัดซ้ายขวาเข้าใส่อีกคนจนล้มตัวลง
ชายหนุ่มพลิกตัวกลับต่อยใส่ลูกสมุนที่ถูกยันออกไปตอนแรกจนกองกับพื้นอีกคนหนึ่ง
ยักษ์ ปักเลน ที่ยืนโง่งมอยู่คล้ายเพิ่งรู้สึกตัว ย่างสามขุมเข้าหาบี ในขณะที่ชายหนุ่มตั้งการ์ดเตรียมต่อสู้
“หยุดนะ”
เสียงใสแต่เต็มไปด้วยอำนาจดังขึ้น มันเป็นเสียงของพิมนั่นเอง
คำสั่งของพิมคล้ายประกาศิตที่ทำให้ยักษ์ต้องหยุด เช่นเดียวกับพิภพที่สภาพตอนนี้ถูกจิ้งเหลนประคองบ่าอยู่
“ทำไมถึงได้ชอบหาเรื่องชาวบ้านนะ กลับไปชั้นจะฟ้องพ่อให้ตัดเงินเดือนพวกแก”
พิมทำหน้าไม่พอใจ ในขณะที่พวกพิภพก้มหน้านิ่ง
“ไปไหนก็ไปเลยอย่ามาอยู่ตรงนี้”
พิภพรับคำก่อนจะพาพวกของตนเดินหายไปตามทางเดินวัด
พิมหันมาพร้อมกับสีหน้าท่าทีรู้สึกผิด
“พิมขอโทษด้วยนะคะที่คนของพ่อพิมทำไม่เหมาะสมกับคุณบีและ...”
พิมหยุดชะงักไม่ได้พูดต่อ เพราะที่เธอเห็นคือ แขนข้างซ้ายของบีมีแขนของหญิงสาวคล้องไว้ด้วยท่าทีสนิทสนม พิมเริ่มมีสีหน้ามึนตึงทันที
บีคล้ายดูออกจึงเอ่ยขึ้น
“คุณพิมครับ นี่คือ นกโน่ น้องสาวผมเองครับ บางทีก็เรียกนก บางทีก็เรียกโน่ครับ”
บีรีบแนะนำ
“นก นี่คุณพิม”
นกโน่
“สวัสดีฮะ” นกคลายมือออกพลางหันมายิ้มแย้มมักทายพิม
"จะเรียกว่านก หรือ โน่ ก็ได้นะฮะ"
หญิงสาวทั้งสองเอ่ยทักกัน และก็คล้ายถูกอัธยาศัยตั้งแต่พบทันที
“อ้าว...อยู่ที่นี่กันเองเหรอ...”
ชายวัยกลางคนเดินเข้ามา ท่าทางดูเป็นมิตร
บีกับนกรีบยกมือไหว้
“ลุงอิ่ม” นกเอ่ยทัก
มหาอิ่มบุญ มัคทายกของวัดบอกดิกนั่นเอง
มหาอิ่ม มัคทายกวัดบอกดิก
“ไปที่โบสถ์เถอะ หลวงลุงลงโบสถ์แล้ว จะได้ให้ศีลให้พรนะ”
มหาอิ่มเอ่ยขึ้ก่อนจะเดินนำหน้า โดยมีนกเดินตาม และรั้งท้ายไว้ด้วยบีกับพิม ที่แทบจะไม่ได้พูดอะไรนอกจากผลัดกับสบตาหลบตากันไปตลอดทางไปโบสถ์
โปรดติดตามตอนต่อไป
หลังกล้อง “บางบอกดิก” ตอนที่ 3
เปิดตัวแล้วสำหรับตัวละครใหม่ ๆ ในนิยายตอนนี้
แมน เมืองชล ที่ได้ “พี่อินดี้แมน” มารับบทเป็นสุดยอดนักเลงมือปืนจากเมืองชล
สองสาวพี่น้องร้านเสริมสวย “เพ็ญ-ภา” ตกเป็นของ “พี่เพ็ญจังกอดกอด” กับ “คุณภา ภาเลอา” มารับบท ผมเห็นสามคนนี้เขาชอบเม้นท์หยอก ๆ กันไปมาตลอด เลยจับสามคนมาอยู่ด้วยกันเลย ที่น่าจะชอบสุดน่าจะเป็นพี่แมนของเรา
1
พิม ลูกสาวผู้ใหญ่ก้อม ก็เปิดหน้ากันเสียที ต้องขอบคุณน้องกู๊ดที่แนะนำว่า นักแสดงคนไหนควรจะสวมบทเป็นพิม ก็พิม มาช่านั่นล่ะ สมัยสาว ๆ คือร่างอวตารของ “น้องพิม ดีเจพี่ดา” สายมุ้งมิ้งของพวกเรา
ผมเลยคิดว่าถ้าจะหานักแสดงที่คู่กับมาช่าได้ก็ต้องหล่อดูดี วิลลี่ แม็คอินทอช สมัยหนุ่ม ๆ เลยเป็นร่างอวตารของพี่บี บางรัก เคมีน่าจะเข้ากันดีกับพิม (มาช่า) แถมพี่บีเป็นตัวพ่อเรื่องเพลง ผมเลยให้เป็นนักร้องต่างถิ่น มีฉากเกลากีตาร์โปร่งร้องเพลง เลยขอนำเพลง “น่ารัก” ของพี่ชัยรัตน์ เทียบเทียม ในเรื่อง วัยอลวน มาใส่ในนิยาย ให้เข้ากับบรรยากาศ เพราะหนังไทยยุคนั้นต้องมีร้องเพลงด้วย ผมว่าป่านนี้เจ้าตัวคงช็อคไปแล้วที่มีบทเป็นพระเอกกับเขาด้วย ไม่มีได้ไง ใคร ๆ ก็บอกพี่บีดูอบอุ่น ผมต้องเอามาใส่สิครับ
และก็บทน้องสาวของบี บางรัก ที่เจ้าตัวคงไม่คาดคิดว่าจะออกเร็วกว่าที่คิด เพราะบ่นว่าเมื่อไรตัวเองจะออก น้องสาวของบีชื่อ “นกโน่” ก็ชัดเจนว่าต้องเป็น “นก ไดโนสคูล” คือตัวละครนี้ ผมเลยเลือกรูปวิว วรรณรท สมัยที่แสดงละครคู่กับบี้ แล้วใส่วิกผมสั้น มีพูด “ฮะ” เพราะนกเองก็ชอบพูด “ฮะ” อยู่บ่อย ๆ
อ้าว เกือบลืม “มหาอิ่ม” มัคทายกวัดบอกดิก โผล่มาแว่บหนึ่งก่อนนิยายจบ ก็คงรู้ว่าคือ “พี่อิ่มบุญ” ของเรา เหมาะสุด เพราะพี่แกเคยไปหา”หลวงลุงทัฟฟี่” ซึ่งผมก็นำท่านมารับบทเป็น “หลวงลุงทับ” แห่งวัดบอกดิก ที่ทุกคนเคารพศรัทธา (ตูจะบาปไหมเนี่ย เอาพระเอาเจ้ามาอยู่ในนิยาย) แต่ยังไม่ปรากฏตัวนะ
ถูกเอ่ยชื่อมาแล้วสำหรับ “นายหัวเฉื่อย” นายเหมืองแห่งบ้านสระหลอด ก็ไม่ใช่ใคร พี่เฉื่อย ของเรานี่เอง เพจแกชื่อ “Sloth Holmes” ผมเลยแปลงเป็น “” เลย เป็นทั้งคู่แข่งและคู่ค้าของพ่อเลี้ยงก้อม พี่เฉื่อยร่ำร้องอยากมีบทเป็นสระน้ำบ้าง สายลมบ้างจะได้ลูบไล้สาว ๆ ผมเห็นว่าระดับพี่เฉื่อยมีบารมีมากพอ ต้องให้เป็นตัวร้ายอีกหนึ่งคน เดี๋ยวคงเปิดตัวเร็ว ๆ นี้
ที่ถูกเอ่ยชื่อ แต่ยังไม่เห็นหน้า สอน ดอยกาแฟ เจ้าของไร่กาแฟบนดอย ก็ได้ “พี่สอนตัวเอง” พี่ชายที่โพสต์กาแฟตอนบ่ายทุกวันให้เราอ่าน ต้องรับบทนี้เหมาะสมที่สุด
คนสุดท้ายคือ พี่โชะโกะ แห่งเพจ Happiness D.I.Y by Schoko พี่เขาระบุมาเลยของบทแรง ๆ ร้าย ๆ ที่ไม่มีใครกล้าแสดง ผมคุยกันแล้ว พี่เขาโอเคที่จะเล่นเป็นเจ๊โชโกะ เจ้าของซ...เอ่อ...โรงน้ำชาโชโกะจัง เดี๋ยวคงได้เห็นพี่เขาวาดลวดลาย
หลังจากเขียนไป 3 ตอน ผมก็มั่นใจแล้วว่านิยายเรื่อง “บางบอกดิก” น่าจะจบยากและยาวแน่ ๆ เพราะตัวละครเริ่มเยอะขึ้น ๆ แล้ว มีนักเขียนอีกหลายคนยังไม่ได้ปรากฎตัวในหนัง คนอ่านหลายคนก็รอลุ้นว่าเขาหรือเธอจะออกมาในบทบาทใด
ผมต้องขออนุญาตปรับแต่งตามความเหมาะสมนะครับ บางท่านอาจจะเป็นได้แค่บทรับเชิญก็อย่าเคืองกัน เพราะผมมีเส้นเรื่องหลัก และตัวละครหลักไว้อยู่แล้ว แต่ก็ปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม โดยอ้างอิงจากหนังไทยในยุค 40 ปีก่อนเป็นต้นทางของนิยาย จึงพยายามทำให้มีครบรส บู๊ รัก ตลก ชีวิต คละเคล้ากัน
ผมหวังอย่างยิ่งว่า ผู้อ่านทุกท่านจะชอบ สนุก และติดตามตอนต่อ ๆ ไปจนกระทั่งถึงตอนอวสานนะครับ ถือเสียว่าเปลี่ยนบรรยากาศจากสถานการณ์เครียด ๆ ของ โควิด และ เศรษฐกิจแย่ในช่วงนี้ ถ้านิยายเรื่องนี้ทำให้ทุกท่านสนุก คลายเครียดได้ ผมก็ถือว่าเป็นรางวัลสำหรับงานเขียนแล้วครับ
ขอบคุณครับ
มูฟวี่ เมืองกรุง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา