[Quality EN ] Life Is Beautiful : ยิ้มไว้โลกนี้ไม่มีสิ้นหวัง “สงครามโลกครั้งที่ 2-นาซี-อิตาลี” สู่ “สงครามโรค-โควิด 19-อิตาลี”

สำรวจ
ลงทุน
คำถาม

มีบัญชีอยู่แล้ว?หรือ

Quality EN

•

20 เม.ย. 2020 เวลา 14:05 • บันเทิง

Life Is Beautiful : ยิ้มไว้โลกนี้ไม่มีสิ้นหวัง

“สงครามโลกครั้งที่ 2-นาซี-อิตาลี” สู่ “สงครามโรค-โควิด 19-อิตาลี”

ยิ้มไว้โลกนี้ไม่มีสิ้นหวัง ชีวิตยังคงสวยงาม

หากพูดถึง “สงครามโรค-โควิด 19-อิตาลี” เราจะนึกถึงศูนย์กลางการแพร่กระจายขนาดใหญ่นอกประเทศจีของไวรัส ที่มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก และแผ่ขยายออกไปเป็นวงกว้างลุกลามไปทั่วยุโรป

และหากพูดถึง “สงครามโลกครั้งที่ 2-นาซี-อิตาลี” คอหนังในยุด 90 จะนึกถึง “Life Is Beautiful : ยิ้มไว้โลกนี้ไม่มีสิ้นหวัง” หนังอิตาเลี่ยน ปี 1997 ที่พูดถึงการมองโลกในมุมสวยงาม กับช่วงเวลาสุดแสนเศร้าอันโหดร้ายของชีวิต

วิกฤตการณ์ของคนทั้งโลกในครั้งนี้ มีบางคนมองว่ามันคือสงครามโลกครั้งที่ 3 การจะรับมือกับสถานการณ์ภายใต้ความกดดันที่ประเดประดังโถมใส่ชีวิต โดยที่ไม่รู้ว่าจะจบลงเมื่อใด มันไม่ใช่เรื่อง่าย

การนำสารจากหนังเรื่องนี้ที่ตัวละครหลักมีแนวคิด การมองโลกในเชิงบวกกับสถานการณ์ติดลบมาปรับใช้ เพื่อสร้างกำลังขับเคลื่อนชีวิตให้ไปข้างหน้า โดยคิดเสมอว่า “ยิ้มไว้โลกนี้ไม่มีสิ้นหวัง” ชีวิตยังคงสวยงาม

มันอาจไม่ง่ายนักสำหรับบางคน ที่จะเสาะหาแง่มุมในเชิงบวกใด มาบอกกับตัวเอง เพื่อเติมพลังชีวิต ทั้งที่ยังไม่รู้เลยว่าอาหารมื้อต่อไปจะเอามาจากไหน

หากแต่เทียบกับ “กุยโด” (โรแบร์โต เบนิญี่) ตัวละครหลักของหนังเรื่องนี้ ที่ชีวิตพลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือ โชคชะตาเหมือนเล่นตลกกับชีวิต

จากชายหนุ่มชาวยิวคิดบวก รวยอารมณ์ขัน มองโลกในแง่ดี ผู้มีความฝันจะเปิดร้านหนังสือของตัวเอง ใช้ชีวิตร่วมกับภรรยา “ดอร่า (นิโคเล็ตต้า บลานซี่) พร้อมลูกชาย “โจชัว” (จิออร์จิโอ แคนทารินี่) อย่างมีความสุข

กลายเป็นนักโทษในค่ายกักกัน ที่ได้แต่ทำงานเป็นกรรมกรแบกหาม โดยไม่รู้ว่าความตายจะคืบคลานเข้ามาเมื่อใด จากความโหดร้ายของสงครามภายใต้การนำของฮิตเลอร์ ผู้ต้องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวให้หมดสิ้น

ด้วยความเป็นคนคิดบวก เป็นคนสนุกสนาน มองโลกในแง่ดี กุยโดมองวิกฤตครั้งนี้เป็นเหมือนเกมชีวิต โดยบอกกับลูกชายว่า เราถูกจับมาในค่ายกักกันนี้เพื่อมาเล่นเกมชิงรถถัง ใครเป็นผู้อยู่รอดและสามารถทำคะแนนได้สูงสุด จะได้รถถังเป็นรางวัลกลับไป

ตลอดระยะเวลาที่ใช้ชีวิตในค่ายกักกัน โจชัวไม่ได้รับรู้เรื่องราวอันแสนโหดร้ายนี้เลยแม้แต่น้อย เพียงเพราะเชื่อตามคำบอก คำสอน ของผู้เป็นพ่อว่า ชีวิตเรากำลังอยู่ในเกม มีเป้าหมายคือผู้ชนะ

ด้วยความชาญฉลาด ปฏิภาณไหวพริบดีและมองทุกอย่างเป็นบวก กุยโดสามารถแปรเปลี่ยนกฎระเบียบการใช้ชีวิตอันเคร่งครัดในค่ายกักกัน กลายเป็นกฎระเบียบของเกมได้อย่างน่าทึ่ง โจชัวรู้สึกตื่นเต้น ตารุกวาว สนุกกับสิ่งที่พ่ออธิบาย ไม่รู้เลยว่าพ่อกำลังหลอกเขาอยู่ ฉากนี้ถือเป็นฉากที่หลายคนประทับใจ

ท้ายที่สุดโจชัว คือผู้ชนะในเกม เป็นผู้อยู่รอดและทำคะแนนได้สูงสุด ได้รถถังเป็นรางวัล โดยเด็กคนนี้ไม่รู้เลยว่าชีวิตได้ผ่านพ้นโศกนาฏกรรมอันโหดร้ายครั้งหนึ่งของมนุษยชาติที่เคยเกิดขึ้นบนโลกใบนี่้

ภาพจำความโหดร้ายของนาซีที่กระทำต่อชาวยิว ไม่มีในภาพชีวิตของโจชัวเลย มีแต่ความสนุกสนาน ตื่นเต้นเร้าใจ การหลบซ่อนจากศัตรู ในเกมที่พ่อสร้างขึ้น

"Life Is Beautiful (La vita è bella) ยิ้มไว้โลกนี้ไม่มีสิ้นหวัง" โรแบร์โต เบนิญี่ ทำหน้าที่ทั้งแสดง กำกับ และร่วมเขียนบทภาพยนตร์

หนังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ 7 สาขา รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, รางวัลผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, รางวัลภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม, รางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม, รางวัลดนตรีประกอบยอดเยี่ยม , รางวัลบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม, รางวัลตัดต่อยอดเยี่ยม

และได้รับรางวัล 3 สาขา คือ รางวัลภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม, รางวัลดนตรีประกอบยอดเยี่ยม และรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมโดย โรแบร์โต เบนิญี่

เขื่อว่าคนอิตาเลี่ยน ที่เผชิญวิกฤตโควิดในครั้งนี้ จำนวนไม่น้อยที่นึกถึงหนังเรื่องนี้ และพยามยามนำแนวคิดจากหนังมาปรับใช้ในช่วงเวลาที่ยากลำบากครั้งหนึ่งในชีวิต โดยเชื่อมั่นว่า Life Is Beautiful ชีวิตยังคงสวยงามเสมอ

หากลองมาคิดเล่นๆสนุกๆว่า สิ่งที่ทุกคนประสบในขณะนี้มันคือ เกมโควิด 19

โดยมีตัวร้ายที่เป็นศัตรู ชื่อ ไวรัส โควิด 19

มีบ้านเป็นฐานที่มั่น หรือเป็นบังเกอร์ไว้หลบภัย ไม่ยอมให้ศัตรูเข้ากล้ำกราย

มีหน้ากากอนามัย หน้ากากผ้า เป็นไอเทมชิ้นหนึ่งของเกม ต้องออกไปเสาะหามาป้องกันตัว

มีแอลกอฮอล์เป็นอาวุธที่ใช้ฆ่าไวรัส ต้องออกไปซื้อหา

มีไข่ไก่ เป็นอาหาร เป็นเสบียง ต้องออกไปซื้อหาเช่นกัน

และมีระยะห่างทางสังคม หรือ โซเชี่ยล ดิสแทนซิ่ง เป็นกลยุทธ์หรือเป็นแผนยุทธการในการส่งนักรบออกจากบ้าน ไปหา อาหาร อาวุธ ไอเทมเครื่องป้องกันตัว เพื่อนำกลับมาฐานที่มั่น

มีหมอ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ เป็นนักรบในแดนหน้า มี สบค. เป็นศูนย์บัญชาการการรบ

คิดได้แบบนี้ มันคงพอจะทำให้เรายิ้มได้ เครียดน้อยลง มีความสุขขึ้นบ้าง เหมือนกุยโด และหากบ้านใดมีเด็กเล็กที่ไม่พร้อมจะรับรู้เรื่องราวของโควิด อาจจะบอกสิ่งที่เผชิญอยู่มันคือเกม

เราไม่รู้ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้มันจะจบลงเมื่อใด และจะเลวร้ายลงไปอีกหรือไม่ คิดแผนรองรับ เพื่อตอบคำถามสำหรับเจ้าตัวน้อยในบ้านไว้บ้างก็ดี

บางทีช่วงเวลาอันเลวร้ายทึ่สุดจากวิกฤตครั้งนี้หากผ่านพ้นไป เด็กเล็กคิดว่ามันเป็นเกม ไม่ได้มีภาพจำร้ายๆติดไปกับชีวิต แบบโจชัว ในหนัง

วิธีคิดแบบนี้มันเหมือนการหลอกตัวเอง ไม่ยอมรับความจริง

แต่บางครั้งความจริงมันก็โหดร้ายเกินกว่าจะยอมรับ หลอกตัวเองบ้างก็ได้ เพื่อให้มีกำลังขับเคลื่อน เพื่อชีวิตจะได้ไปต่อ

ในสถานะการณ์ลบ ให้คิดบวก เพื่อสร้างแรงขับเคลื่อน

ในสถานะการณ์บวก ให้คิดลบ เพื่อป้องกัน ไม่ประหมาด

"Nothing is more necessary than the unnecessary"

ประโยคที่ลุงของกุยโด บอกกับกุยโดตอนต้นเรื่อง

..-----------------..

จินตกาล กาง-แปรง

20 / 04 / 2020

ฝากกด "ติดตาม" และ แชร์ต่อ เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนด้วยนะ ขอบคุณครับ