26 พ.ค. 2020 เวลา 10:31 • ครอบครัว & เด็ก
Ep.19 : เริ่มต้นเมื่อ 18.09.2008 (4/4)
รูปประกอบเรื่องเล่า ความทรงจำแต่ละเดือน
ตั้งแต่ปุญเกิดที่สวิตเซอร์แลนด์ จนเราย้ายบ้านมาญี่ปุ่น ถึงเดือนกันยายน ปี 2010
ปุญครบ 2 ขวบเต็ม
จบอัลบั้ม "เริ่มต้นเมื่อ 18.09.2008" ที่เคยลงในเฟซบุ๊ก .. รูปและบันทึกก่อนหน้านี้
เริ่มต้นเมื่อ 18.09.2008 (3/4)
เริ่มต้นเมื่อ 18.09.2008 (2/4)
เริ่มต้นเมื่อ 18.09.2008 (1/4)
คลิปที่แนบมา .. ณ ห้องคลอด วันที่ปุญเกิด
กุมภาพันธ์ 2010
พี่ปุญเดินเก่งมาก บางวันเดินวนรอบสวนสาธารณะได้เองโดยแม่ไม่ต้องอุ้มเลย ระยะทางเป็นกิโลฯ เห็นจะได้ วันที่ถ่ายรูปนี้ เดินวนจนเหนื่อยแก้มแดงจมูกแดงเพราะอากาศหนาวมาก
1
รูปถ่าย by แม่ป๋อม
มีนาคม 2010
หิมะไม่ตกมานานตั้งแต่ปีใหม่ แต่อยู่ ๆ กลางเดือนมีนาฯ ก็ตกเยอะมาก ขาวนุ่มเต็มพื้นไปหมด พ่อต้องเดินไปทำงานเพราะขี่จักรยานไปไม่ได้ เรามีนัดไปหาเพื่อนแม่ก็ต้องยกเลิกไป เพราะรถมีแต่หิมะ ขยับไปไหนไม่ได้เลยเหมือนกัน ได้แต่แต่งตัวออกมาถ่ายรูปเอาไว้ เพราะเห็นใครๆว่าเป็นหิมะที่ตกมาก ในเวลาที่ไม่ปกติของญี่ปุ่นเช่นกัน
รูปถ่าย by แม่ป๋อม
เมษายน 2010
ฮานะมิ ... การชมดอกซากุระครั้งแรก(และครั้งเดียว)ราบรื่นมากเพราะวันที่เหมาะกับการชมซากุระที่สวนแถวบ้าน เป็นวันเสาร์ที่อากาศดีที่สุด ไม่มีฝน และไม่หนาวเกินไป เราเตรียมของกินไปไม่มากแต่ตั้งใจว่าจะไปเก็บบรรยากาศครั้งนี้เอาไว้เป็นความทรงจำ ... แล้วก็ไม่ผิดหวัง ที่ชอบที่สุดคงเป็นเวลาที่เห็นกลีบดอกของมันร่วงลงมาพร้อม ๆ กัน เหมือนสายฝนที่ตกลงมาช้า ๆ เพียงแต่ไม่ใช่ฝนธรรมดาแบบที่เคยเห็น แต่เป็นฝนสีชมพูอ่อน กลิ่นหอม สวยบอบบาง .. ช่างมีเสน่ห์ประทับใจ
รูปถ่าย by แม่ป๋อม
พฤษภาคม 2010
กลับจากฮานะมิวันเสาร์ พอวันอาทิตย์พี่ปุญก็อาเจียน ท้องเสีย ไข้ขึ้น หมอว่าติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร ลูกไม่เคยป่วยเลยตั้งแต่เกิดจนขวบกว่า พอเป็นเข้าทีก็ทำเอาพ่อแม่ใจคอไม่ดี เราก็อยู่กันต่างเมือง สามคนพ่อแม่ลูก งานพ่อก็เยอะมาก แต่ก็ต้องลามาช่วยกันดู อยู่เป็นกำลังใจซึ่งกันและกันตลอดเวลาเห็นจะได้
ลูกเป็นอยู่เกือบอาทิตย์ อาการดีขึ้นได้ 4 วัน ก็กลับมาเป็นอีกครั้ง คราวนี้พ่อกับแม่ยิ่งขวัญเสียเข้าไปอีก เพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หมอยืนยันว่าเป็นแบบเดิม แต่เป็นเชื้อโรคตัวใหม่ ..
เราต้องสู้กับมันไปอีกเป็นอาทิตย์ จนดีขึ้น พี่ปุญได้น้ำเกลือไปสองรอบ ร้องไห้จนคอโป่ง ดิ้นหนีตลอดเวลาช่วงที่หมอพยายามเจาะเข็ม ทั้งเอาเลือดไปตรวจ ทั้งใส่สายน้ำเกลือ พ่อแม่ก็ต้องช่วยหมอจับตัวลูกไว้ เพราะต้องการช่วยหมอ แต่แน่นอนลูกไม่เข้าใจ และคงคิดว่าพ่อกับแม่อยู่คนละฝ่ายกับลูก แทนที่จะช่วยลูก กลับช่วยคนที่ทำให้ลูกเจ็บ
ตลอดเวลาที่ลูกนอนให้น้ำเกลือ จนกลับบ้าน ลูกร้องไห้จนไม่มีเสียง .. และคืนนั้นทั้งคืนลูกไม่หลับไม่นอน แถมไม่ยอมให้แม่กับพ่อถูกตัวเลย พ่อกับแม่จะเข้าใกล้ ลูกก็ร้องไห้ ขยับตัวหนีไปจนสุดมุมโซฟา และนั่งร้องไห้ที่ห้องนั่งเล่นอยู่อย่างนั้นคนเดียวจนเพลียหลับไปเอง เหมือนไม่ไวัใจพ่อกับแม่อีกต่อไปแล้ว
1
ทั้งวัน ตลอดจนคืนนั้นทั้งคืน เป็นช่วงที่แสนสาหัส บีบหัวใจอีกช่วงของชีวิตเราทั้งสามคมก็ว่าได้ ..
วันที่ถ่ายรูปนี้อาการดีขึ้นมาก แต่ยังมีไข้ อากาศอบอุ่นขึ้นเราเลยออกไปเดินเล่นกัน พี่ปุญมีความสุขตามสภาพเด็กเพิ่งหายป่วย พ่อแม่ก็เหมือนกัน.. มีความสุขที่เห็นลูกหาย ร่าเริง ยิ้มได้ ที่สำคัญให้พ่อแม่กอดเหมือนเดิม
1
รูปถ่าย by แม่ป๋อม
มิถุนายน 2010
ถัดจากแปลงข้าว ห้องชั้นสองของอาคารสีขาวหลังคาสีเทา คือบ้านใหม่ของเรา
เราต้องย้ายจากบ้านพักในมหาวิทยาลัยที่พ่อทำอยู่ออกมาเช่าห้องพักเอกชน เพราะกติกามีว่าให้คนทำงานตำแหน่งนักวิจัยอย่างพ่อ อยู่ได้อย่างมากแค่ปีเดียว เราตัดสินใจออกมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน ก่อนครบกำหมดหนึ่งปี เพราะเจอบ้านนี้ที่ถูกใจมาก ..
วิถีชีวิตของคนชนบทและความเจริญของญี่ปุ่นนี่ก็แปลก อยู่คู่กันได้อย่างไม่ขัดเขิน ...
จากระเบียงบ้านมองออกมาเป็นทุ่งนาสีเขียวสวยอย่างที่เห็น แต่ในขณะที่ด้านหน้า รั้วติดกัน เป็นร้านสะดวกซื้อ 7 /11 ไม่ใช่มีร้านเดียว ร้านก๋วยเตี๋ยว อาหารจานด่วนอื่น ๆ ก็มีเรียงรายกันอยู่จนสุดถนน ...
ถัดออกไปไม่ไกลมาก เป็นห้างสรรพสินค้าขนาดกลาง เอาไว้จับจ่ายของสดของแห้ง ตรงข้ามของร้านเหล่านี้ คือทุ่งนาผืนใหญ่ที่ถูกแบ่งซอยเป็นผืนย่อยตามแต่ใครเป็นเจ้าของ .. ไกลสุดลูกหูลูกตาก็ว่าได้
จังหวะการอยู่บ้านหลังนี้ของเราดีมาก เพราะเราได้เฝ้าดูการทำนาตั้งแต่ต้นจนเก็บเกี่ยว .. อีกครั้งที่ประทับใจกับเทคโนโลยีขนาดกระทัดรัด สำหรับทุกขั้นตอนการปลูกข้าว ช่วยทุ่นแรงให้ชาวนา .. เปรียบเทียบแล้ว ชาวนาไทยลำบากกว่าหลายเท่า ผลตอบแทนจะคุ้มเหนื่อยรึเปล่าก็ไม่รู้
รูปถ่าย by แม่ป๋อม
กรกฎาคม 2010
ความที่มหาวิทยาลัยฮิโรชิม่า ไม่ได้ตั้งอยู่ในตัวเมือง แต่อยู่ที่ไซโจ เมืองเล็ก ๆ ห่างออกมาประมาณ 50 กิโลเมตร ...
แม้บ้านที่เราเช่าเขาอยู่จะอยู่ใกล้ที่ทำงานพ่อแค่ปั่นจักยานห้านาทีถึง แต่ในขณะเดียวกันฝั่งตรงข้ามของบ้านเราก็มีทุ่งนากว้างใหญ่ให้ได้ชื่นชมธรรมชาติ
วันว่าง เราจะขี่จักรเล่นลัดเลาะไปตามทุ่งนา เที่ยวชมนาข้าว ลำธาร หรือบึงบัวละแวกนั้น พ่อจะพกกล้องไปด้วย พี่ปุญเห็นพ่อถ่ายรูปก็อยากจะถ่ายบ้าง พ่อเลยทำกล้องให้ลูกตัวนึง ลูกชอบมาก เวลาเลียนแบบท่าทางของผู้ใหญ่ขณะลงมือถ่ายรูปทีไร แม่ก็ขำลูกทุกที...
ป.ล. คลิปที่ถ่ายไว้ ณ เวลาเดียวกันนี้พอดี
รูปถ่าย by แม่ป๋อม
สิงหาคม 2010
รูปนี้ถ่ายที่สนามเด็กเล่นที่เราไปใช้บริการบ่อย ๆ ถึงจะอยู่ห่างจากพี่พักของเราไปไกลพอสมควร แต่แม่ก็ชอบที่จะพาปุญไป เพราะอยู่ไม่ห่างจากบ้านของเพื่อนสนิทของแม่และปุญเท่าไหร
นัดเจอกันที่นี่เด็ก ๆ ได้เล่นกัน ผู้ใหญ่ก็ได้คุยกันเป็นที่สนุกสนาน ... ยิ่งเวลาอากาศดี แดดไม่จัดมาก หรือไม่หนาวมาก เราจะจับปุญนั่งจักรยานแล้วปั่นรับลมรับแดดอ่อน ๆ แทนการขับรถ ... เป็นอีกที่ที่มีความทรงจำดี ๆ อยู่มากมาย
รูปถ่าย by แม่ป๋อม
18 กันยายน 2010
วันเกิดครบสองขวบของพี่ปุญ เราสามคนพ่อแม่ลูกออกจากบ้านกันสาย ๆ มีริเอโกะซัง เพื่อนสนิทของแม่ และมายุจังเพื่อนสนิทของพี่ปุญ พาเราไปเที่ยวในตัวเมืองฮิโรชิม่า เป็นการเที่ยวในตัวเมืองครั้งแรกของเรา กลับมาถึงบ้านก็เกือบค่ำแล้ว ระหว่างแม่เตรียมข้าวเย็นพ่อก็ปั่นจักรยานไปซิ้อเค้ก ร้านเดิม รสเดิมเหมือนกับที่เราซื้อมาฉลองวันเกิดตอนพี่ปุญครบหนึ่งขวบเลยทีเดียว ... ฉลองกันเงียบ ๆ สามคนพ่อแม่ลูก แต่ก็มีความสุขดีตามแบบของเรา
รูปถ่าย by แม่ป๋อม
จบรูปประกอบเรื่องเล่าของอัลบั้มนี้เท่านี้
🌼 ขอบคุณที่ติดตาม
💕 ขอให้ทุกวันเป็นวันดี ๆ ของทุกคนค่ะ
โฆษณา