27 มิ.ย. 2020 เวลา 03:30
หุ้นห่านทองคำในเยอรมัน กับผลตอบแทน -98% ตั้งแต่ต้นปี// ปังมากค่ะแม่....ปังปินาศ!😅
บริษัท Wirecard เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในเยอรมัน ทำธุรกิจพวกบัตรและระบบเงินอิเล็กทรอนิกส์
Wirecard มีการเติบโตที่รวดเร็วมาก และเป็นที่ชื่นชอบในหมู่นักลงทุนมากๆ มากขนาดที่ปีที่แล้วมูลค่าตลาดมีมูลค่าสูงกว่า ธนาคารที่ใหญ่เป็นอันดับ1และ2 ของเยอรมันอย่าง Deutsche Bank และ Commerzbank
ธีมในการขายของของนาง ก็คือ Cashless society ซึ่งดูมีความเป็น Tech มีความเป็น Silicon valley เป็นที่น่าภูมิใจกับประเทศชาติยิ่งนัก
ประเด็นก็คือ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นางโตแบบก้าวกระโดด โดยการเข้าไปซื้อกิจการต่างๆในประเทศเอเชีย(มาอีหรอบนี้อีกละ🙄) ไม่ว่าจะเป็นสิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ อินเดีย เวียดนาม และลาวเป็นต้น
ไม่พอ บริษัทที่นางไปซื้อก็คือพังๆ สะบักสะบอมเตรียมลงหลุมเต็มที่ และที่สำคัญเวลาซื้อมาก็มาพร้อมกับ สินทรัพย์ที่จับต้องไม่ได้มหาศาล หรือที่รู้จักกันในนาม Goodwill อารมณ์ว่าตรูจ่ายเงินมาละ แต่ตรูไม่รู้ซื้อไรมา เลยตั้งชือให้ว่า Goodwill ละกัน
การเข้าไปซื้อตลาดเอเชีย ส่งผลให้Wirecard อ้างว่า บริษัทตัวเองปังมาก การเติบโตแบบก้าวกระโดดในทุกๆปี เรียกได้ว่าเติบโตแบบไม่มีอะไรกั้น🍊🍊🍊
เติบโตแบบไม่มีอะไรกั้น
การเติบโตแบบไม่มีอะไรกั้น มาพร้อมกับความมีพิรุธของการดำเนินกิจการในประเทศต่างๆ และความไม่โปร่งใสของการเข้าซื้อกิจการ รวมไปถึงความไม่คงเส้นคงวาของงบการเงิน ทำให้ Wirecard มีกระแสข่าว ด้านไม่ดีออกมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ปี2008 จนถึงปี2016 แต่นางก็รอดมาได้ ด้วยการอ้างว่า ผู้ตรวจสอบบัญชีเช็คให้เรียบร้อยแล้ว ไม่มีอะไรที่ผิดหรือมีพิรุธ (ให้ทายใครเป็นผู้ตรวจสอบบัญชีเอ่ยยยยยย......EYคร่า)
แต่เรื่องก็ดูเหมือนจะมาคุอีกรอบ ในปี2018 โดยมีพนักงานของ Wirecard แอบเอาเอกสารลับมาเผยแพร่ เพราะเชื่อว่า Wirecard ทำผิดกฎหมาย (ศัพท์ทางการเรียกพนักงานแบบนี้ว่า Whistleblower)
1
เอกสาร แสดงถึงรายการทางการเงินที่ผิดปกติ เช่นว่า มีการทำสัญญาระหว่างบริษัทลูกของWirecard ในประเทศอินโด กับบริษัท Supplier เจ้านึงในอินเดีย แต่พอไปสอบถามผู้บริหารสูงสุดของ Supplier กลับบอกว่าไม่รู้จัก Wirecard ซะงั้น //อิหยังว่ะ
นอกจากนี้ เอกสารยังแสดงให้เห็นถึงรายการเงินเข้าออกของบริษัทลูกๆของ Wirecard ในประเทศต่างๆ โอนเข้าออกไปมา เช่นบริษัทลูกในประเทศ ฮ่องกงได้เงินมาจาก Wirecard แม่ แล้วเอาเงินนั้นไปจ่ายให้อีกบริษัทนึงที่ถูกอุปโลกว่าเป็นลูกค้า แล้วอีบริษัทนั้นก็เอาเงินไปจ่ายให้บริษัทลูกของ Wirecard ในประเทศอินเดียต่อ ซึ่งบริษัทลูกในอินเดียบันทึกว่าเงินก้อนนี้คือรายได้//เอ้า!
แต่พอข่าวออก คนซวยศพแรกคือคนออกข่าว เพราะ กลต.ของเยอรมันดันมาสอบสวนคนออกข่าวซะงั้น ข้อหาปั่นหุ้น หรือสร้างราคา(ในขานี้ก็คือการทุบราคาหุ้น) สักพักก็ออกคำสั่งห้ามทำการ Short selling หุ้น Wirecard โดยอ้างว่า Wirecard มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ....เอิ่ม🙄🙄🙄ฆ่ะ!(การออกกฎห้ามShort หุ้นรายตัวแบบนี้เป็นการเกิดขึ้นครั้งแรกในประวัติศาสตร์เยอรมัน)
2
ในขณะเดียวกันอีกฝากฝั่งทวีป ในสิงคโปร์ ตำรวจลุยออฟฟิตของ Wirecard เพื่อตรวจสอบ หาหลักฐานต่างๆ จากข่าวที่มีออกมาแฉ แต่ก็ไม่ได้น้ำหรือเนื้ออะไรไปมาก
1
ในส่วนของนักข่าวที่ยังโดน กลต.เยอรมันสืบสวนอยู่นั้น พวกนางๆก็ยังกัดไม่ปล่อย ยังเดินหน้าสืบต่อ โดย รายได้ของ Wirecard กว่าครึ่งนึงมาจาก Partner ต่างๆนานาประเทศ
โดย Wirecard เวลาเค้าไปทำธุรกิจที่ประเทศอื่นๆ เค้าจะไม่มีใบอนุญาตในการทำธุรกิจ เค้าจึงไปร่วมมือกับบริษัทที่มีใบอนุญาตอยู่แล้วในประเทศนั้นๆ ในที่นี้เราขอเรียกว่า Partner
โดย Wirecard อ้างว่า นางก็ดำเนินการเป็นระบบชำระเงินให้บริษัท Partner พวกนี้ที่มีใบอนุญาตในการเป็นตัวกลางชำระเงินในประเทศนั้นๆ แล้วพวกPartner พวกนี้ก็จ่ายเป็นค่าธรรมเนียมกลับมาให้ Wirecard
แต่พอไปตามหา Partner เจ้านึงในฟิลิปปินส์ ปรากฎว่า เป็นบ้านของคุณลุงแก่ๆ ซึ่งนางก็งงว่าทำไมมีคนเอาที่อยู่นางไปใช้ได้ไง
พอข่าวออก Wirecard ก็ดาหน้าฟ้องแหลกทั้งสำนักข่าว และทางการของสิงคโปร์//นางสู้ตาย🔥🔥🔥
ในเดือนถัดมา ลูกเทพดลใจให้ SoftBank บริษัทเทคโนโลยีชื่อดังของญี่ปุ่น เข้าลงทุนใน Wirecard โดยอัดเงินไปเกือบ พันล้านยูโร และก็เหมือนจังหวะซิตคอม เพราะในวันเดียวกันสำนักข่าวออกมาให้รายละเอียดความปลอมเพิ่มเติม ความไม่เนียนของ Partner ของ Wirecard ซึ่งพอไปเจาะลึกไปก็พบว่าเจ้าของบริษัท Partner ก็เป็นผู้บริหารใน Wirecard
Wirecard ออกมาร้องกรี้สว่าสำนักข่าวมั่ว แล้วตบหน้าสำนักข่าวด้วยการที่ ผู้ตรวจสอบบัญชี Big 4 ชื่อดัง "EY" ออกมายืนยันงบการเงินว่า "โอเคนะคะ"//น้ำเสียงแคทลียา อิงลิช
สำนักข่าวลากไส้สวนกลับ กล่าวหาว่า Partner ของ Wirecard ในดูไบ ที่ชื่อ Al Alam ปลอม! ไม่เนียนไปเรียนมาใหม่
โดยเกือบครึ่งของลูกค้า Al Alam ไม่เคยได้ยินชื่อ Al Alam//ได้หรอแม่😒
ลูกค้าส่วนที่เหลือ ไม่เจ๊งไปแล้วก็หาข้อมูลไม่เจอ หรือหาไม่ได้
ท่ามกลางไส้ที่โดนลากออกมาขนาดนี้ Wirecard ต้องการกู้สถานการณ์ จึงแต่งตั้งอีกหนึ่งในผู้ตรวจสอบบัญชี Big 4 อีกเจ้านึง "KPMG" มาเป็นผู้ตรวจสอบบัญชีพิเศษ หวังว่าจะช่วยมายืนยันว่าตัวเองทำถูกต้อง
ผ่านไปประมาณ 6เดือน KPMG เผยแพร่เอกสาร ใจความสำคัญว่า ไม่สามารถยืนยันความถูกต้องของรายได้ของWirecard จาก Partners ต่างๆ ได้ ส่งผลให้หุ้นWirecard ตกแรงทันที
แต่ CEO นาย Markus Braun ก็หน้าหนาออกมานอนยันว่า "ไม่มีอะไรอย่าคิดมาก เนี่ยเพิ่งวางสายจาก EY เมื่อเช้า EY บอกมาละว่า เด่วเซ็นยันงบให้ได้เลย ไม่ติดอะไรแล้ว แต่ที่บอกว่าจะเปิดเผยงบในเดือนเมษานี้ ขอเลื่อนก่อนนะ โควิดมา เลื่อนไปเดือนมิถุแทน"
ผ่านมาเดือนมิถุนี้ EY ได้รับคำตอบจากธนาคารในประเทศที่ฟิลิปปินส์ ที่ Wirecard เคยแจ้งว่ามีเงินวางอยู่ 2พันล้านยูโร ไม่มีอยู่จริง และเอกสารยืนยันบัญชีนั้น เป็นเอกสาร "ปลอม"
Wirecard ตอนแรกบอกเงินหาย แต่สักพักต้องออกมายอมรับว่าเงินตรงนั้น จริงๆไม่น่ามีอยู่จริง และไม่เคยมีอยู่จริง รวมถึงความเป็นไปได้ที่จะมีการตกแต่งบัญชีมาหลายปีแล้ว
ซึ่งพอมาลองดูๆแล้วเนี่ย เงินที่หายไปเกือบ 2พันล้านยูโร รวมๆแล้วก็คือกำไรจากการดำเนินงานกว่า10ปีที่ผ่านมา.....//นี่หล่อนโกงมาเป็น10ปีแล้วหรอ🤬
วันถัดมา CEO โดนจับเข้าห้องกรง
วันถัดมา Wirecard แจ้งเจ้าหนี้ ว่าไม่มีเงินจ่ายละ
และราคาหุ้นปังปินาศ -98% YTD ปิดตำนานหุ้นเมพ ที่เป็นที่รักกับทุกคนไม่ว่าจะเป็น กลต.เยอรมันที่ออกมาปกป้องสุดฤทธิ์ หรือนักลงทุนน้อยใหญ่ที่เทเงินลงทุนแบบไม่ยั้ง และไม่สนใจข่าวที่เค้าออกมาแฉกันเลย
เคสนี้ เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในเคสประวัติศาสตร์มากๆ เพราะถือว่าจำนวนเงินสูงที่สุดในความปลอมที่เคยเกิดขึ้นในเยอรมัน
ไม่พอ ยังตบหน้าทุกคนกลางสี่แยก ทั้งนักลงทุน(Softbank) นักวิเคราะห์หุ้น(หลายเจ้าเลย) ผู้จัดการกองทุน(ก็หลายเจ้าเช่นกัน) ผู้ตรวจสอบบัญชี(EY) และ กลต.เยอรมัน
ล่าสุด EY ออกมาสาปแช่ง Wirecard พร้อมยังชมแบบชูนิ้วกลางว่าเป็นการโกงที่เนียน, เป๊ะ, แยบยล มากๆ //งง EY อ่ะ เนียนไงว่ะ เค้าก็ออกมาแฉกันตลอดทาง🙄
1
เชื่อว่าวิบากกรรม EY ยังไม่น่าจะหมด คงจะต้องโดนตั้งคำถามในการตรวจสอบ และกระบวนการทำงานเป็นแน่ หลายคนถึงกับเอาไปเปรียบกับ Anderson อดีต Big 5 (ที่ตอนนี้เหลือแค่ Big 4) บริษัทผู้ตรวจสอบบัญชีชื่อดังที่พังไปพร้อมกับ Enron ในเมกา
ความปังปินาศแบบโลกต้องจารึก ทำให้หลายฝ่ายในยุโรป พูดถึงการตั้ง กลต.กลางของยุโรป เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเลือกที่รักมักที่ชังของ กลต.แต่ละประเทศ ที่มักจะมีบริษัทลูกรักของตัวเอง เพราะเอาเข้าจริงๆ ก็เถียงไม่ได้ว่า ถ้ากลต.เยอรมัน สืบสวนฝั่ง Wirecard ตั้งแต่ตอนนั้น พี่ๆน้องๆหลายก็คงไม่ต้องโดนหลอกให้หน้าแหกแบบนี้🧐🧐🧐
หันย้อนกลับมาดูในไทย มีบริษัทไหน Too good to be true บ้างไหมน้าาาาาา🤭🤭🤭🤭
ช่วงนี้ EY ก็งานเข้าหน่อยนะ ก่อนหน้าก็เพิ่งโดนเคสหุ้น NMC (เคยเขียนในบทความก่อนๆค่ะ) แล้วก็ Luckin Coffee....ปีชงใช่ไหมแม่!
โฆษณา