14 พ.ย. 2020 เวลา 04:58 • บ้าน & สวน
วันนี้นึกมุก..การเลือกชั้นสำหรับการซื้อบ้านทำไมจึงควรเลือกชั้นที่ 15 ถึง ชั้นที่ 24 ได้ล่ะ...
---ก่อนอื่นเรามาดูเงื่อนไขบางประการที่มีผลต่อการเลือกชั้น---
1
แสงสว่าง....
เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่ง
ที่ส่งผลต่อความสะอาดและสะดวกสบายภายในบ้าน ท้ายที่สุดใครล่ะไม่ต้องการสภาพแวดล้อมในบ้านที่สดใส​ สว่าง​และสะอาด?
เรามาดูสภาพแสงบนชั้นต่างๆว่าเป็นอย่างไร? โดยดูภาพด้านล่าง...
ยกตัวอย่าง...พื้นที่พักอาศัย 24 ชั้นความสูงของอาคาร 72 เมตรและระยะห่าง 46.4 เมตร
จะเห็นได้ว่าบ้านชั้นล่างถูกอาคารด้านหน้าปิดกั้นจนมิดและยิ่งแสงสว่างมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น (สำหรับอาคารที่ไม่มีที่กำบังด้านหน้า จะมีการพูดถึงการจัดแสงแยกกัน)
แน่นอนว่าแสงสว่างของบ้านเกี่ยวข้องกับปัจจัยต่างๆ เช่นความสูงของอาคาร,ระยะห่างของอาคารและละติจูดในมุมที่สามารถวัดแสงสว่างของบ้านได้ตามรูปต่อไปนี้
โดยทั่วไปแล้วพื้นที่อยู่บนๆที่ได้รับแสง จะได้รับผลกระทบจากแสงตะวันตลอดทั้งปี
เสียงรบกวน....
สำหรับบ้านแสนสุขใคร ๆ ก็อยากมีสภาพแวดล้อมภายในบ้านที่เงียบสงบ
ดังนั้นจึงควรพิจารณาเรื่องเสียงดังในการเลือกพื้นที่ด้วย ระดับเสียงของชั้นต่างๆสัมพันธ์กับช่วงการรับเสียงดัง โดยแสดงในรูปด้านล่าง
เสียงดังจะแพร่กระจายขึ้นไปข้างบน
สำหรับอาคารที่พักอาศัยสูง เสียงจะดังสูงขึ้นในช่วง 30 เมตรถึง 70 เมตร
บ้านชั้นล่างจะถูกปิดกั้นโดยพืชสีเขียวในชุมชน ซึ่งได้รับผลกระทบจากเสียงรบกวนน้อยกว่า
ในขณะที่ชั้นกลางจะไม่มีการปิดกั้นและได้รับผลกระทบโดยตรงจากคลื่นเสียงจึงส่งผลให้ได้รับเสียงดัง
1
อย่างไรก็ตาม..หากอยู่ชั้นหนึ่งเสียงของผู้คนที่เข้าและออกจะดังกว่า...
แล้วถ้า..? มีเด็กอยู่ในบ้านของเพื่อนบ้านชั้นบน ส่งเสียงดังเกินไปทุกวันหรือเปล่าล่ะ..
ไม่มีทางหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ได้555
เว้นแต่คุณจะเลือกชั้นบนสุดที่ไม่มีเพื่อนบ้านอยู่ในชั้นบน ...
คุณภาพอากาศ...
หลายคนบอกว่าพื้นที่ชั้น 9 ถึงชั้น 11 เป็น "ชั้นดูดซับฝุ่น" และมีฝุ่นที่ขนาดค่อนข้างใหญ่ แต่ก็ไม่ใช่...ผู้เชี่ยวชาญหลายๆท่านปฏิเสธคำกล่าวนี้
สำหรับ PM2.5 ความเข้มข้นมักจะสูงที่สุดในชั้น 1-3 ถึงชั้น 5
จากนั้นจะเริ่มลดลงและกระจายอย่างสม่ำเสมอดังนั้นหากคุณต้องการอากาศที่ดีให้พยายามเลือกชั้นบน
วิสัยทัศน์....
ปัจจุบันอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งจะดึงดูดลูกค้าภายใต้ชื่อห้องหรูๆ
ภูมิทัศน์ในความเป็นจริงเมื่อมีอาคารด้านหน้าอาคาร..คุณไม่สามารถมองเห็นวิวทะเลสาบ วิวแม่น้ำ หรือแม้กระทั่งวิวของตัวเมือง ...
แน่นอนเมื่อด้านหน้าของชั้นที่คุณอยู่ไม่มีสิ่งกีดขวาง
คุณก็ยังคงเห็นหยดน้ำฝนก็ยังดี อิๆๆ
ดังนั้นหลายคนจึงเลือกชั้นสูง...
จากมุมมองในเรื่องของการรับชม โดยทั่วไปจะมีทิวทัศน์อีกแบบหนึ่งที่เรียกว่า "Garden View" ในบ้านที่อยู่อาศัยในเมือง
ซึ่งจริงๆแล้วภูมิทัศน์สีเขียวภายในชุมชนโดยทั่วไปถ้าพื้นสูงหรือต่ำเกินไปจะไม่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ภายในชุมชนอยู่ดี.
การเดินทาง....
ในกรณีที่ลิฟต์ขัดข้อง...ชั้นล่างจะสะดวกที่สุด
หลังจากนั้น...คุณลองปีนบันไดเล่นๆดู จะพบว่าเป็นเรื่องโค-ตร ยากจริงๆ ...... และลิฟต์ลำหรับชั้นหนึ่งไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าธรรมเนียมของเคหะสถานเพราะไม่มีการเข้าถึง 555
ห้าประเด็นข้างต้นดังกล่าวเป็นประเด็นที่ต้องพิจารณาเมื่อเลือกพื้นที่ และวิธีการเลือกชั้น
นอกจากปัจจัยและวิธีการเลือกพื้นที่ ผ่านไปแล้ว...สำหรับส่วนต่อไปคืออะไร???
---มีคำตอบสากลตามความต้องการของคุณๆนะขอรับ!---
ขั้นแรก...ให้พิจารณาสถานการณ์ของสมาชิกในครอบครัว
โดยเฉพาะครอบครัวที่มีผู้สูงอายุ...แนะนำให้เลือกชั้นล่าง ๆ หากลิฟต์ขัดข้องจะไม่ส่งผลกระทบต่อการเดินทาง และข้อเข่าได้
---แล้วสามารถเลือกชั้นหนึ่งและชั้นบนสุดได้หรือไม่?---
ไม่ต้องเขียนมากเรามาดูข้อดี-ข้อเสียของชั้น 1 กันดีกว่านะครับ
ข้อดี:
①ราคาถูก ราคาเบา ๆ แถมยังมีสวนเล็ก ๆ หรือชั้นใต้ดินให้เป็นของขวัญอีกด้วย
②เดินทางง่าย. ชั้นหนึ่งไม่ต้องพึ่งพาลิฟต์
③แรงดันน้ำสูง จะมีน้ำให้บริการตลอดเวลา เว้นแต่จะโดนตัดน้ำเพราะไม่จ่ายตังค์
④ร่มรื่นและเย็นสบายในช่วงฤดูร้อน
ข้อเสีย:
①เปียก. ความเปียกที่ชั้นหนึ่งเป็นปัญหาที่พบบ่อย แต่ตอนนี้มีพื้นที่เหนือศีรษะที่ชั้นหนึ่งและสามารถลดความชื้นได้ดีขึ้นมาก
②แสงไม่ดี ชั้นแรกถูกปิดกั้นโดยอาคารด้านหน้าและต้นไม้ ทำให้รับแสงแดดไม่ดี
③มียุงมาก คันวุ้ย ไข้เลือดออกก็ถามหา ...
④เสียงดัง มีคนมาขึ้นลิฟต์ชั้น 1 และส่งเสียงค่อนข้างดัง
--เรามาพูดถึงชั้นบนสุด---
ข้อดี:
①แสงสว่างที่ดี กระทั่งไม่มีที่หลบแดด555 ...
②เงียบ ไม่มีผู้อยู่อาศัยชั้นบนมากนักและจะไม่มีเสียงรบกวน
③วิสัยทัศน์ที่ดี สามารถมองเห็นวิวได้ที่ชั้นบนสุด
④ระบายอากาศได้ดี ที่กำบังลมน้อย ลมแรงและการระบายอากาศดี
⑤ราคาเบาๆ อาจมีระเบียงห้องใต้หลังคา. แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกชั้นบนสุดที่มีระเบียงห้องใต้หลังคา .
ข้อเสีย:
①มีอันตรายจากการรั่วไหลของน้ำ
②การเก็บรักษาความร้อนและเย็นไม่ดี อากาศหนาวในฤดูหนาวและร้อนในฤดูร้อน
③ไม่สะดวกในการเดินทาง ต้องขึ้นอยู่กับลิฟต์ หรือคุณอยากลองเดินออกกำลังกาย
แน่นอนว่าถ้าคุณต้องการลานและระเบียงชั้นหนึ่งและชั้นบนสุดก็ดีที่สุดเช่นกัน
--- มาที่...เพดานเหนือศีรษะ---
เนื่องจากความอับชื้นของชั้น 1 นักพัฒนาหลายรายจึงเปลี่ยนชั้นหนึ่งให้กลายเป็นชั้นสองโดยตรง
ซึ่งช่วยหลีกเลี่ยงปัญหาความอับชื้นได้ แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากไม่มีผู้อยู่อาศัยชั้นล่าง ลมเย็นจะพัดผ่านภายในไปตามพื้นที่ซึ่งจะทำให้อุณหภูมิภายในลดลงประสิทธิภาพของฉนวนของบ้านจึงไม่ได้รับผลกระทบมากนัก
นอกจากนี้ชั้นเหนือศีรษะด้านล่างยังเป็นสถานที่สังสรรค์ที่ยอดเยี่ยมและเป็นที่จอดรถ
ที่นี่คุณจะได้พบกับทีมเต้นแอร์โรบิคมากมาย..หากคุณต้องการสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบผมขอแนะนำว่าคุณไม่ควรเลือกชั้นที่ 1
--ขอบ Cladding---
อาคารบางหลังมีรูปทรงบนด้านหน้าชั้นที่มีรูปทรงนี้คือ ขอบบัว (Cladding)
ระบบเปลือกอาคารที่เลือกใช้เป็นระบบ Curtain wall นี้เป็นชนิด Stick system เป็นผนังเป็นเปลือกภายนอกห่อหุ้มโครงสร้างหรือตัวอาคารไว้ หรือเรียกว่า Cladding หรือ Curtain wall system ผนังระบบนี้จะห้อยแขวน หรือยึดติดอยู่กับโครงสร้างอาคาร เพื่อถ่ายน้ำหนักของผนังลงสู่โครงสร้างอาคาร(ขอบคานหรือขอบพื้น) ในแต่ละชั้น ตัวของผนังจะไม่รับน้ำหนักของโครงสร้างอื่นใด นอกจากน้ำหนักของตัวเองเท่านั้น
ทำให้ออกแบบรูปด้านต่างๆได้อย่างอิสระเต็มที่ เพราะซ่อน เสา คาน หรือโครงสร้างอาคารไว้ข้างหลังผนัง หากมองไม่เห็นจะสร้างเป็นเส้นตั้ง เส้นนอน หรือลวดลายบนผนังหรือเปลือกนอกของอาคารให้มีสัดส่วนได้ง่าย
ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของผนังระบบนี้คือ ส่วนใหญ่จะออกแบบให้ทำงานยึดติดตั้งจากภายในอาคาร ไม่ต้องอาศัยนั่งร้านภายนอกเพียงใช้ปั้นจั่นยกขึ้นไปปรับให้เข้าที่ ข้อเสียระบบนี้คือจุดอ่อนที่รอยต่อ
เนื่องจากรูปร่างของ Cladding จะมีแท่นเล็กๆ อยู่..ตรงนี้ซึ่งง่ายต่อการสะสมของน้ำหากชั้นกันน้ำของผนังด้านนอกไม่เข้าที่จะทำให้เกิดน้ำรั่วได้ง่ายๆ
นอกจากนี้หน้าต่างรอบ Cladding ของบ้านบางหลังจะมีขนาดเล็กกว่าหน้าต่างปกติและแสงที่จะได้รับก็จะน้อยลงตามไปด้วย
ดังนั้นทุกคนควรเลือกบ้านในระดับใกล้ๆ Cladding อย่างระมัดระวัง
สำหรับบ้านไม่ว่าชั้นใดก็มีข้อดีและข้อเสียตามปกติอยู่แล้ว
ไม่มีแผนผังชั้นใดที่สมบูรณ์แบบ...มีเพียงบ้านที่เหมาะสมที่สุดเท่านั้นนะขอรับ
โฆษณา