31 พ.ค. 2018 เวลา 11:40 • ธุรกิจ
เส้นทางของโซอิจิโร ผู้ก่อตั้งบริษัท HONDA / โดย ลงทุนแมน
“ความสำเร็จที่คุณเห็น 1% มันประกอบไปด้วยความล้มเหลว 99%”
– โซอิจิโร ฮอนดะ ผู้ก่อตั้งบริษัทฮอนด้า
ลงทุนแมนเชื่อว่าในตอนนี้ไม่มีใครที่จะไม่รู้จักบริษัทฮอนด้า
บริษัทผลิตเครื่องยนต์ขนาดเล็กที่ได้รับการยอมรับไปทั่วโลก
แต่จะมีสักกี่คนที่รู้จัก โซอิจิโร ฮอนดะ ชายผู้ให้กำเนิดบริษัทแห่งนี้
โซอิจิโร เกิดในวันที่ 17 พฤศจิกายน ค.ศ.1906 ในอำเภออิวาตะแถบชานเมืองประเทศญี่ปุ่นเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลฮอนดะ
พ่อของเขาเป็นเจ้าของร้านรับซ่อมจักรยาน และแม่เป็นช่างทอผ้า
เส้นทางความฝันของโซอิจิโรซัง เริ่มขึ้นเมื่อรถยนต์คันหนึ่งขับผ่านเข้าไปในหมู่บ้านของเขาเป็นครั้งแรกเมื่อตอนที่เขาอายุ 8 ขวบ
“หลังจากรถคันนั้นวิ่งผ่านไป ผมก็วิ่งตามรถคันนั้นไปจนหมดแรง”
เป็นคำพูดที่โซอิจิโรซังกล่าวถึงเหตุการณ์ในภายหลัง
1
และนั่นก็คงเป็นเหตุผลให้โซอิจิโรซังไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะลาออกจากโรงเรียนตอนอายุ 15 ปี เพื่อไปสมัครเป็นช่างฝึกหัดที่อู่ Art shokai หลังจากที่ได้เห็นโฆษณาในนิตยสาร Bicycle World (Ringyo no sekai)
หลังจากผ่านไป 6 ปี โซอิจิโรซังในวัย 21 ปีกลายเป็นช่างที่ได้รับความไว้วางใจของ Art shokai กลับไปเปิดสาขาที่บ้านเกิด
โซอิจิโรซัง อาจไม่ใช่คนเดียวที่ได้รับความไว้วางใจนี้ แต่สาขาของโซอิจิโรซังก็เป็นสาขาที่ได้รับอิสระในการทำงานมากที่สุด ซึ่งทำให้โซอิจิโรไม่ได้ทำแค่การซ่อมรถเท่านั้น แต่ยังสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ อีกด้วย จนได้รับการยกย่องว่าเป็น เอดิสันแห่งฮามามัสสุ (บ้านเกิดของโซอิจิโร)
และหนึ่งในสิ่งที่โซอิจิโรต้องการจะผลิตขึ้นก็คือ แหวนลูกสูบ (piston ring)
เขาใช้เงินเก็บเกือบทั้งหมดลงทุนไปกับการวิจัย และผลิต จนถึงขนาดที่ว่าเอาเครื่องประดับของภรรยาไปจำนำเลยทีเดียว แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ
ที่ผ่านมาโซอิจิโรซังคิดว่าการเรียนวิทยาศาสตร์เป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์มาตลอด เขาเชื่อว่าลองทำไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็สำเร็จเอง
“ถ้าทฤษฎีทำให้เกิดสิ่งใหม่ๆ ตอนนี้พวกอาจารย์คงเป็นนักประดิษฐ์กันหมดแล้ว”
คือคำพูดที่โซอิจิโรซังพูดเอาไว้
แต่หลังจากล้มเหลวอยู่นานโซอิจิโรซังก็ยอมรับว่าความคิดแบบนี้มันผิด แล้วยอมไปลงเรียนที่โรงเรียนเทคนิคในบ้านเกิด (Technological School of Hamamatsu)
1
ในปี 1936 โซอิจิโรซังได้เข้าร่วมการแข่งรถ และประสบอุบัติเหตุชนเข้ากับรถที่เบรกกะทันหันคันหนึ่งตรงเส้นชัยจนเป็นเหตุให้เขาต้องนอนโรงพยาบาลเป็นเวลากว่า 3 เดือน
หลังจากนั้นเขาได้รับข่าวร้ายเกี่ยวกับแหวนลูกสูบที่ส่งไปทดสอบที่บริษัทโตโยต้า
จาก 30,000 วง มีแค่ 3 วงเท่านั้นที่ผ่านการทดสอบคุณภาพ (QC) ของโตโยต้า และยิ่งไปกว่านั้นโซอิจิโรซังยังโดนไล่ออกจากโรงเรียนด้วยเพราะเขาไม่เข้าสอบ เนื่องจากเขาต้องการความรู้ ไม่ใช่ใบจบ
แต่ความล้มเหลวเพียงแค่นี้ไม่ได้ทำให้โซอิจิโรซังสะทกสะท้านแต่อย่างใด เพราะหลังจากฟื้นตัวเขาก็ลงแข่งอีกรายการในปีเดียวกันนี้เอง ก่อนที่จะปรับปรุงแหวนลูกสูบของตัวเองจนสามารถเซ็นสัญญากับโตโยต้าได้ในอีกสองปีต่อมา และก่อตั้งบริษัท Tokay Seiko ขึ้น
หลังจากนั้นรัฐบาลญี่ปุ่นพาประเทศเข้าสู่สงครามโลกซึ่งทำให้โรงงานของโซอิจิโรซังโดนระเบิดถึงสองครั้ง และประสบปัญหาขาดแคลนเหล็กอย่างหนัก
หลายคนคิดว่านี่เป็นจุดจบของเขา
แต่ไม่ใช่
การระเบิดครั้งแรกไม่ได้ทำให้โซอิจิโรยอมแพ้แต่อย่างใด มันแค่ทำให้เขาต้องเสียเวลาสร้างโรงงานขึ้นมาใหม่เท่านั้น
ส่วนปัญหาขาดแคลนเหล็กโซอิจิโรซังก็แก้ไขด้วยการเก็บถังน้ำมันเปล่าที่กองทัพอเมริกาทิ้งไว้มาเป็นวัตถุดิบในการผลิตซึ่งเขาเรียกมันว่า “ของขวัญจากทรูแมน” (ประธานาธิบดีสหรัฐฯในขณะนั้น)
ในปี 1945 โรงงานของโซอิจิโรซังโดนระเบิดอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาไม่สร้างมันขึ้นมาใหม่แล้ว เนื่องจากเขามองว่าประเทศญี่ปุ่นกำลังย่ำแย่ จึงขายธุรกิจให้กับโตโยต้าไปในราคา 4 แสน 5 หมื่นเยน
หลังจากขายโรงงานไปโซอิจิโรซังก็ใช้เงิน 1 หมื่นเยนไปกับการทำที่หมักเหล้าหลังบ้าน และใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเมาเป็นเวลา 1 ปีเต็ม
ภายหลังสงครามจบลงญี่ปุ่นประสบปัญหาขาดแคลนน้ำมันอย่างหนัก ผู้คนส่วนใหญ่ต้องสัญจรด้วยการเดิน หรือปั่นจักรยาน ด้วยความรักที่มีต่อภรรยา จึงทำให้โซอิจิโรซังประดิษฐ์เครื่องยนต์ขนาดเล็กมาติดกับจักรยานให้แก่ภรรยา
ซึ่งนั่นเรียกกันว่า มอเตอร์ไซค์ นั่นเอง..
หลังจากที่เพื่อนบ้านเห็นสิ่งประดิษฐ์ของโซอิจิโรจึงเกิดความอยากได้ และมาขอให้โซอิจิโรซังทำให้
แต่โซอิจิโรซังไม่สามารถทำให้ได้ทุกคนเนื่องจากขาดแคลนวัตถุดิบ ธุรกิจที่ยังไม่ได้เริ่มของโซอิจิโรซังดูท่าจะไปไม่รอดอีกครั้ง
แต่โซอิจิโรซังยังคงไม่ยอมแพ้ เขาเขียนจดหมายหาร้านจักรยานกว่า 15,000 แห่งทั่วประเทศ โดยเนื้อหาเป็นการปลุกใจขอให้ช่วยเขาเพื่อความเข้มแข็งของประเทศ จดหมายกว่า 5,000 ฉบับได้รับการตอบรับ และนี่เองจึงเป็นจุดเริ่มต้นของ Honda Motors ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1947
ในปี 1949 ฮอนด้ากลายเป็นบริษัทมอเตอร์ไซค์ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นแซงหน้าบริษัทในญี่ปุ่น 50 แห่ง และทั่วโลก 200 แห่ง จากการส่งออก Super Cub ซึ่งเป็นมอเตอร์ไซค์ 4 จังหวะ รุ่นแรกของฮอนด้า โดยมีรุ่นพี่เป็น The dream มอเตอร์ไซค์ 2 จังหวะ รุ่นแรก ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของฮอนด้า
ในช่วงยุค 1970 หลังจากที่ประสบความสำเร็จอย่างมหาศาลในอุตสาหกรรมจักรยานยนต์ โซอิจิโรซังคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เขาจะทำตามความฝันในวัยเด็กเสียทีคือ “การผลิตรถยนต์ของตัวเอง”
ก่อนที่ยุค 1980 จะกลายเป็นยุคทองของโซอิจิโรซัง ในช่วงต้นยุคฮอนด้ากลายเป็นบริษัทรถยักษ์ใหญ่อันดับ 3 ของญี่ปุ่น ช่วงกลางของยุคฮอนด้าสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดจักรยานยนต์ได้กว่า 60% ทะยานขึ้นเป็นบริษัทผลิตรถยนต์อันดับ 3 ของโลกในช่วงปลายของยุค
ปัจจุบันฮอนด้า มอเตอร์มีพนักงานมากกว่า 1 แสนคนทั่วโลก และยังคงเป็นหนึ่งในบริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของโลกโดยมีมูลค่าบริษัทใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก และเป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่น เป็นรองเพียงโตโยต้า บริษัทที่โซอิจิโรต้องทำแหวนลูกสูบส่งให้ตอนเริ่มแรก
ส่วนในไทย คนที่จะซื้อรถญี่ปุ่นคุณภาพดี ก็น่าจะนึกถึง ฮอนด้า และ โตโยต้า ก่อนเป็นอันดับแรก
เรื่องนี้ทำให้เราคิดได้ว่า
2
ฮอนด้ามีทุกวันนี้เพราะความมุ่งมั่นทุ่มเท ความพยายามอย่างต่อเนื่อง และไม่ยอมแพ้ของชายที่ชื่อว่า โซอิจิโร ฮอนดะ
ถ้าใคร ท้อแท้ หรือกำลังเจอความล้มเหลวอยู่ ได้อ่านเรื่องนี้แล้วคงจะมีกำลังใจมากขึ้น
1
โซอิจิโร ฮอนดะ ไม่ได้สำเร็จตั้งแต่แรก
โรงงานไฟไหม้ไปสองครั้ง ใช้เวลากับการดื่มเหล้าไปหนึ่งปีเต็ม
สุดท้ายถ้าเรามีความฝัน ลองทำแบบนั้นแบบนี้ไปเรื่อยๆ มันก็จะสำเร็จเอง
ความล้มเหลวมันเป็นเรื่องธรรมดา
คนที่สำเร็จแล้วคิดเป็น 1% แต่จริงๆ แล้วเขาผ่านการล้มเหลวมาแล้ว 99%
ถ้ายังลุกไม่ไหวก็ไม่เป็นไรเพราะคนเราสามารถพักได้
โซอิจิโรซัง เองก็มีเวลาที่ต้องการจะพักเหมือนกัน ขอแค่สุดท้ายแล้วคุณกลับมาสู้ต่อก็เพียงพอแล้ว
“หลายคนฝันถึงความสำเร็จ สำหรับผมความสำเร็จได้มาจากความล้มเหลว และไตร่ตรองอย่างซ้ำๆ” - โซอิจิโร ฮอนดะ
เหนื่อยก็พัก อ่านบทความระหว่างพักก็ได้
ติดตามบทความลงทุนแมน ได้ที่
-แอปลงทุนแมน blockdit.com
-อินสตาแกรม instagram.com/longtunman
-ทวิตเตอร์ twitter.com/longtunman
-หนังสือลงทุนแมน 3.0 ที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ
โฆษณา