ปริศนา 40 ปีของโลกฟุตบอล นักเตะเก่งที่สุดในโลก กลับถอนตัวก่อนฟุตบอลโลก เกิดขึ้นเพราะอะไร วิเคราะห์บอลจริงจังมาเล่าให้ฟัง
หนึ่งในเรื่องปริศนาที่สุดตลอดกาลของฟุตบอลโลก คือ ทำไมโยฮัน ครัฟฟ์ ปฏิเสธไม่ไปเล่นบอลโลกในปี 1978
มันเป็นเรื่องน่าประหลาด เพราะในรอบคัดเลือกโซนยุโรป ครัฟฟ์ ก็ลงสนามตลอด พาฮอลแลนด์ได้โควต้าไปเล่นในรอบสุดท้ายได้สำเร็จ
แต่พอทัวร์นาเมนต์จะมาถึง เขาก็ประกาศว่า จะไม่ไปแข่งมันดื้อๆ
คำถามคือ มันเกิดอะไรขึ้น
สำหรับนักฟุตบอลอาชีพ มันมีอะไรที่สำคัญยิ่งกว่าการไปฟุตบอลโลกอีกหรอ?
เปเล่ อำลาทีมชาติในปี 1971 ขณะที่ดีเอโก้ มาราโดน่า เริ่มดังและเป็นตัวหลักอาร์เจนติน่า ในปี 1979
ช่วงรอยต่อในยุค 1971-1979 หลังจากเปเล่ และก่อนมาราโดน่า นักเตะที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเบอร์ 1 ของโลก ณ เวลานั้น คือ โยฮัน ครัฟฟ์
ครัฟฟ์ ได้บัลลงดอร์ 3 สมัย (1971,1973,1974) ช่วยอาแจ๊กซ์ได้แชมป์ยูโรเปี้ยนคัพ 3 สมัย พอย้ายไปบาร์เซโลน่า ก็ได้แชมป์ลาลีกาอีก 1 สมัย
ผลงานระดับสโมสร ไม่มีใครทาบเขาได้
ขณะที่กับทีมชาติก็สุดยอด ในฟุตบอลโลก 1974 พาฮอลแลนด์เป็นรองแชมป์โลก ด้วยการแพ้เจ้าภาพเยอรมันตะวันตก 1-2
หลายคนบอกว่า แม้ฮอลแลนด์จะเป็นรองแชมป์ แต่พวกเขาคือทีมที่ดีที่สุดในทัวร์นาเมนต์
แม้ฮอลแลนด์จะได้รองแชมป์ แต่ตราบใดที่ยังมีโยฮัน ครัฟฟ์อยู่ แฟนบอลก็เชื่อมั่นว่า สามารถไปถึงแชมป์โลกได้ ในอีก 4 ปีข้างหน้า
ในบอลโลกรอบคัดเลือกปี 1978 ครัฟฟ์ลงแข่งขันตามปกติ และช่วยฮอลแลนด์เข้ารอบไปแบบสบายๆ ด้วยสถิติไร้พ่าย
แต่พอทัวร์นาเมนต์จริงกำลังจะเริ่มไม่นานนัก ครัฟฟ์ กลับประกาศว่าจะ "ถอนตัว" ไม่ไปเล่นฟุตบอลโลก พร้อมท้้งขออำลาทีมชาติด้วยเลย
เขาไม่มีอาการบาดเจ็บอะไรทั้งสิ้น ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์มาก ขณะที่ฟอร์มการเล่นก็ยังเจ๋ง เป็นตัวหลักของบาร์เซโลน่า ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะถอนตัว
สุดท้ายบอลโลกเริ่ม ฮอลแลนด์ ก็ต้องบินไปเตะที่อาร์เจนติน่าแบบงงๆ เพราะกัปตันทีมของพวกเขาไม่ได้มาด้วยซะอย่างงั้น
แฟนฮอลแลนด์ก็งง แฟนบอลชาติอื่นๆก็มึน ไม่รู้ว่ามันเพราะอะไรกันแน่
หากเปรียบกับในยุคปัจจุบัน ก็เหมือน โรนัลโด้ กับเมสซี่ อยู่ๆถอนตัวจากบอลโลกดื้อๆ ทั้งๆที่มีลุ้นแชมป์โลก
มันเกิดขึ้นได้อย่างไรกันแน่
มีการคาดเดากันหลายทิศทางมาก ข้อแรกคือ ครัฟฟ์มีความขัดแย้งกับสมาคมฟุตบอลฮอลแลนด์ เกี่ยวกับเรื่องของสปอนเซอร์ และ เงินอัดฉีด
ส่วนข้อสองคือ ณ เวลานั้น อาร์เจนติน่าถูกปกครองด้วย เผด็จการทหาร นายพลฮอร์เก้ ฟิเดล่า มันเลยมีคนเชื่อมโยงว่า ครัฟฟ์อาจมีความคิดทางการเมือง ที่เกลียดเผด็จการทหาร เขาจึงไม่ยอมเดินทางไปอาร์เจนติน่าด้วย
แต่ทุกคนก็ได้แต่เดากันเท่านั้น
เกมฟุตบอลโลก ก็ดำเนินไป ฮอลแลนด์ที่ไม่มีครัฟฟ์ ฝ่าฟันได้ถึงนัดชิงชนะเลิศอีกครั้ง แต่ก็มาแพ้ เจ้าบ้านอาร์เจนติน่า 3-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ได้แค่รองแชมป์เป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน
หลายคนบอกว่า ถ้ามีครัฟฟ์อยู่นะ ฮอลแลนด์อาจไปถึงแชมป์โลกได้แล้ว ...
มาร์ติน ไวเฟิล นักข่าวชาวดัตช์ ยอมรับว่า "ถ้าเขาเล่นด้วย เราคงชนะฟุตบอลโลก เพราะเขาทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น ไม่ใช่แค่ผมนะ แต่คนทั่วไปก็ผิดหวังมากจริงๆ ที่เขาไม่ยอมไป"
ครัฟฟ์ โดนโจมตีอย่างหนักจากแฟนฮอลแลนด์ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร มันรับไม่ได้ ที่ถอนตัวจากรายการสำคัญที่สุดในโลกแบบนี้
แต่ครัฟฟ์ ก็ไม่ได้โต้ตอบอะไร เขาอยู่นิ่งๆ และใช้ชีวิตของตัวเองไป
ผ่านไปปีแล้วปีเล่า เรื่องนี้ก็ยังคงเป็นปริศนาอยู่ ไม่มีใครรู้เหตุผลที่แท้จริง
แต่เมื่อมันผ่านไป 30 ปี ในที่สุดครัฟฟ์ ก็ยอมเปิดเผยความจริงให้โลกรู้
ยุค 70-80 ปัญหาอาชญากรรมที่รุนแรงของฝั่งยุโรป คือการเรียกค่าไถ่เซเลบริตี้ จับกุมตัวไปดื้อๆ และเรียกค่าไถ่เพื่อหวังเงินก้อนโต
ปี 1975 ปีเตอร์ โลเรนซ์ นายกเทศมนตรีเมืองเบอร์ลิน ถูกจับตัวเรียกค่าไถ่
ปี 1978 อัลโด้ โมโร่ นายกรัฐมนตรีอิตาลี โดนจับเรียกค่าไถ่ และโดนจับกุมตัวไป 55 วัน ก่อนจะโดนปล่อยเป็นอิสระ
ซึ่งไม่ใช่แค่นักการเมืองเท่านั้น แต่เซเล็บในวงการกีฬาอย่างนักฟุตบอลก็โดนเช่นกัน
ในปี 2008 ครัฟฟ์ ให้สัมภาษณ์กับคาตาลุนย่า เรดิโอ สถาทีวิทยุในเมืองบาร์เซโลน่า ว่าเหตุผลที่แท้จริงที่ไปบอลโลกไม่ได้ เพราะ เขาและครอบครัว เคยโดนคนร้ายจับตัวเรียกค่าไถ่ ก่อนบอลโลกจะเริ่มแค่ไม่กี่เดือน
เขา กับภรรยา แดนนี่ คอสเตอร์ และลูกๆทั้ง 3 คน โดนคนร้ายถือปืนบุกเข้ามาที่อพาร์ตเมนต์ในเมืองบาร์เซโลน่า
คนร้ายสั่งให้ ครัฟฟ์ กับแดนนี่ นอนลงบนพื้น และใช้เชือกมัดข้อมือเอาไว้ ก่อนจะเอาปืนจ่อไปที่หัวของครัฟฟ์ บอกให้อยู่นิ่งๆ จากนั้นก็บุกขึ้นไปหาลูกๆ
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่คนร้ายจะบุกไปถึงห้องของลูกๆ แดนนี่ ตั้งสติแล้วตะเกียกตะกายวิ่งไปที่ประตู และกรีดร้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน
คนร้ายที่มาคนเดียวตกใจ พยายามหลบหนี พร้อมทำปืนหล่นเอาไว้
แต่สุดท้าย คนร้ายก็ไปไหนไม่ได้ไกล โดนเพื่อนบ้านล้อมเอาไว้ และโดนจับตัวส่งให้ตำรวจ ก่อนจะติดคุกอยู่ 2 ปี
แม้ว่าจะรอดมาได้ แต่มันก็เป็นปมแผลในใจของครัฟฟ์กับครอบครัว เป็นความหวาดกลัวที่จะใช้ชีวิตอยู่ในเมืองบาร์เซโลน่า
เพราะมันอาจจะเกิดเรื่องแบบนี้ได้อีกทุกเมื่อ
เขาไม่รู้เลยว่า คนร้ายที่โดนจับอาจจะมีพรรคพวก มาเอาคืนครัฟฟ์ในวันใดวันหนึ่ง หรือระหว่างที่ลูกๆเดินไปโรงเรียน อาจมีคนร้ายกลุ่มอื่นมาจับตัวไปเรียกค่าไถ่ก็เป็นได้
"หลังจากเหตุการณ์นั้น เวลาเด็กๆจะไปโรงเรียน ต้องมีตำรวจไปด้วยเสมอ และเราก็ยังให้ตำรวจมานอนในบ้านเราเลย เป็นเวลา 3-4 เดือน"
"ตอนผมจะไปแข่งฟุตบอล ก็ต้องมีบอดี้การ์ดส่วนตัว ซึ่งสิ่งเหล่านี้ มันเปลี่ยนมุมมองชีวิตของผมไปเลย"
"ผมไม่สามารถเล่นฟุตบอลโลกในสภาพนี้ได้หรอก"
ฟุตบอลโลก 1978 จัดที่อาร์เจนติน่า ซึ่งเป็นรัฐทหาร ความอันตรายก็ไม่ธรรมดา เขาจะหอบภรรยา และลูกไปที่อาร์เจนติน่าเป็นเดือนก็คงไมได้
ครัฟฟ์ ก็ต้องอยู่ซ้อมกับแคมป์ทีมชาติ จะปลีกตัวไปหาภรรยา และลูก ทุกๆวัน เขาก็ทำไม่ได้แน่ๆ ดังนั้น ภรรยา และลูกๆ ก็ต้องอยู่ที่บ้านในเมืองบาร์เซโลน่า
แต่ถ้าปล่อยให้ ภรรยา และลูกๆ ใช้ชีวิตกันตามลำพังตลอด 1 เดือน ทั้งๆที่เพิ่งผ่านเรื่องเลวร้ายอย่างนั้นมา
เขาจะเป็นสามี ประสาอะไร เป็นพ่อประสาอะไร ที่ปล่อยครอบครัวของตัวเอง ให้เผชิญหน้ากับเรื่องนี้ลำพัง
แล้วเขาจะไปเล่นฟุตบอลโลกอย่างสบายใจได้อย่างไร ถ้ายังมีความกังวลใจอยู่ด้านหลัง
ดังนั้น ครัฟฟ์ จึงตัดสินใจไม่ไปเล่นฟุตบอลโลก เพื่ออยู่กับครอบครัว
ในช่วงที่แข่งฟุตบอลโลกนี่เอง ครัฟฟ์ จัดการเรื่องย้ายทีมเงียบๆ เขาอำลาบาร์เซโลน่า ไปสู่เมืองที่ปลอดภัยมากกว่า คือลอสแองเจลิส ในสหรัฐอเมริกา
ส่วนกับทีมชาติฮอลแลนด์ เขาก็ตามให้กำลังใจอยู่ห่างๆ แม้จะรู้ดีว่า ถ้าตัวเองไปด้วย คงช่วยให้ทีมเล่นดีกว่านี้ได้
"เพราะในบางช่วงชีวิต มันจะมีบางอย่างที่สำคัญยิ่งกว่า" นี่คือเหตุผลสรุปของครัฟฟ์
สำหรับนักฟุตบอลทุกคน คงไม่มีความฝันไหนจะยิ่งใหญ่กว่าการได้ไปเล่นฟุตบอลโลก
แต่สุดท้ายแล้ว มันก็มีสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นอยู่ดี
จริงอยู่ คนทุกคนล้วนมีความฝันที่อยากจะทำ อยากจะเป็น อยากจะไปให้ถึง
แต่ ณ จุดหนึ่ง เมื่อเราเติบโตขึ้น มันอาจมีสิ่งที่สำคัญกว่าความฝันของตัวเอง
เพื่อลูก เพื่อพ่อแม่ เพื่อคนรัก เพื่อครอบครัว
แม้ความสุขเราจะหายไปบางอย่าง
เราก็จะยินดีเสียสละมัน โดยไม่ลังเลเลย
โฆษณา