2 พ.ย. 2018 เวลา 02:36
กูมี… บอกไปสิ เราก็มีของดีแบบญี่ปุ่น (Based on True Story)
มีรุ่นน้องที่เรียนญี่ปุ่นของผมคนหนึ่งคุยกับผมเรื่องเพลง “ประเทศกูมี”
น้องเขาก็พูดเมามันส์มาก
*ญี่ปุ่นไม่มี ระบบที่คอรัปชั่นแล้วตรวจสอบไม่ได้ แต่ประเทศกูมี
*ญี่ปุ่นไม่ค่อยยืมของ ยืมนาฬิกา จนเพื่อนที่ให้ยืมหายตัวไป … แต่ประเทศกูมี
*ญี่ปุ่นมี… บลาๆ ๆ แต่ประเทศเรามีนะจะบอกให้
น้องเขาพูดเยอะ จนผมคิดว่าควรเปลี่ยนเรื่อง “วันนี้อากาศดีไหม… เมืองไทยจะเข้าหน้าหนาวแล้วเน้อ”
“ก็เรามีแต่อะไรก็ไม่รู้ อะไรที่ไม่อยู่ในกฎในเกณฑ์ ประเทศกูมีหมด!”
ผมเลยอยากเล่าเรื่องๆ หนึ่งให้ฟัง เรื่องของชายคนหนึ่ง… เขา “มี” บางอย่างในประเทศกูมี
ขออนุญาติไม่เอ่ยชื่อผู้ชายคนนี้ เดี๋ยวจะหาว่าไปอวย แต่ขอใช้ชื่อสมมุติว่า “คุณสุ” ก็แล้วกัน
เรื่องนี้เกิดขึ้นมานานมากอยู่ ตั้งแต่เมืองหลวงของประเทศกูมี ยังไม่มีรถไฟฟ้าใช้ สามารถใช้คำพูดได้เลยว่า “กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว”
คุณสุเริ่มชีวิตการทำงานกับบริษัทญี่ปุ่นแห่งหนึ่งในประเทศกูมีนั่นแหล่ะ เนื่องจากคุณสุเป็นนักเรียนทุนญี่ปุ่น พูดญี่ปุ่นคล่อง เลยค่อนข้างสนิทกับคนญี่ปุ่นในบริษัทดี
(สมัยนั้นคนญี่ปุ่นที่มาไทยหลายๆ คนยังพูดอังกฤษแทบไมได้ เลยมีเหล่าอดีตนักเรียนทุนญี่ปุ่นนี่แหล่ะ มาคอยเป็นสะพาน)
ภารกิจของเขาคือ ต้องขอใบอนุญาตจากหน่วยงานรัฐ เปิดโรงงานขนาดใหญ่ระดับร้อยล้าน
หากคุณเป็นคนประเทศนี้จริง คุณจะรู้ว่าการขอหรือติดต่ออะไรพรรณนี้กับหน่วยงานรัฐ ค่อนข้างซับซ้อน ใช้เวลา และหลายครั้งหลายคราจำเป็นต้องใช้กำลังภายใน…
1
กำลังภายในที่ทางหน่วยงานขอ พูดง่ายๆ คือเขาขอ เงินสองล้านบาท!!
ในสมัยกว่ายี่สิบสามสิบปีที่แล้ว เงินสองล้านบาทน่าจะแปลงค่ามาถึงวันนี้น่าจะใกล้ๆ สิบล้านบาทด้วยซ้ำ
ไม่ใช่แค่คุณสุหรอก มีคนมากมายที่พบความยากลำบากมากๆ ในการอธิบายคนญี่ปุ่นในสมัยก่อนๆ ที่ยังไม่ค่อยคุ้นชินกับประเทศกูมี ว่าทำไมไปขอใบอนุญาตราชการ แล้วต้องจ่ายเงินพวกนี้คืออะไร? นี่ไม่ใช่ค่าธรรมเนียมใช่ไหม และทำไมบางทีหน่วยงานต้องขอแอร์ ขอตู้เย็นกับบริษัทญี่ปุ่นด้วย
คือเรื่องของเรื่องคือ คุณสุไม่รู้ว่าจะอธิบายคำว่า เงินใต้โต๊ะให้คนญี่ปุ่นเข้าใจ ไม่ใช่แค่เข้าใจแต่ต้องยอมรับ ความเป็นประเทศกูมี
เมื่อบอร์ดคุยกัน คุยจนเข้าใจว่านี่เป็นใบเบิกทางอันเดียวที่เราจะได้ใบอนุญาตตั้งโรงงานที่ประเทศกูมี ดังนั้นเหล่าผู้บริหารญี่ปุ่นก็ยอมเบิกเงินสองล้าน เงินสดๆ เอามาให้คุณสุ ไปจ่ายใต้โต๊ะ!!
คุณสุที่ตอนนั้นอายุยังไม่ถึงสามสิบเลยด้วยซ้ำ รับพลังกำลังภายในตัวนี้ หอบเงินไปที่ผู้ถือตรายางอนุมัติ
เช้าวันพุธที่คุณสุกำลังจะเอาเงินสองล้านไปให้ใครบางคน
“เดี๋ยวก่อน… ถ้าเราทำแบบนี้ล่ะ?”
ในห้องแอร์ที่เย็นเฉียบ คุณสุจ้องตาชายที่อยู่ข้างหน้า…
“ผมคุยกับทางญี่ปุ่นให้แล้ว เขาอนุมัติมาหนึ่งล้านบาท…”
คุณสุเล่าให้ผมฟังว่านี่เป็นนาทีที่นานที่สุดในชีวิตของเขาก็ว่าได้ เด็กวัยยี่สิบกว่าๆ กำลังลองของ โกหกคำโต ท้าทายระบบของประเทศกูมี
2
ในหัวของคุณสุ เซลล์ประสาทในสมองทุกตัว เชื่อมกันเพื่อหาความคิดเพียงหนึ่งเดียว ว่าหากเขารับไปล้านเดียว แล้วไม่ได้ใบอนุญาต ญี่ปุ่นฆ่าเขาแน่
หรือถ้าในเคสที่เลวร้ายสุดๆ ชายที่อยู่ตรงหน้ารับหนึ่งล้านไปแล้วไม่ทำ แถมมาบอกว่าขอเพิ่มเป็นสามล้าน กูตายแน่!!
“ตกลง ล้านนึง”
เสียงจากปากชายคนนั้นวิ่งเข้าหูคุณสุ และเป็นนาทีที่เขาไม่เคยลืมในชีวิต
หลังจากนั้นไม่นาน คุณสุสามารถเอาใบอนุญาตตั้งโรงงานให้บริษัทสำเร็จ นี่คือผลงานโบว์แดง
แต่ที่มากกว่านั้น “แล้วเงินอีกล้านนึงล่ะ?”
ถึงแม้คุณสุจะเรียนอยู่ญี่ปุ่นมานานมาก แต่เขาก็รู้ดีเงินใต้โต๊ะไม่มีใบเสร็จ สองล้านนี้คืออากาศธาตุ ชายคนนั้นไม่มาบอกใครหรอกว่าเขารับเงินแค่ล้านเดียว นั่นหมายความว่า
“ผมคิดแว่บหนึ่งนะว่าล้านนึงนี่ ถ้าผมเอาก็ไม่มีใครรู้ ไม่มีตลอดกาล และงานตั้งโรงงานก็สำเร็จ จะถือว่านี่เป็นโบนัสที่ผมทำสำเร็จก็ว่าได้”
แต่นั่นเป็นแค่แว่บเดียว คุณสุคืนเงินที่เหลือให้ญี่ปุ่นทันที
“ผมคิดว่า… มันน่าต่อรองกับเขาดูก่อน…. เพราะเงินล้านนึงก็ใช่ว่าจะเยอะไม่พอ”
คนญี่ปุ่นตกใจและอึ้งกับความซื่อสัตย์ของคุณสุมาก….
ในประเทศกูมี… ประเทศที่กฎหมายอยู่ใต้เงินตรา แต่อย่างน้อยเขาก็เห็นว่าคนในประเทศกูมี ไม่ได้คิดอย่างนั้นทุกคน
1
ญี่ปุ่นสอนเรื่องที่ประเทศของเรามองเผินๆ ว่าประหลาดและอาจจะดูโง่ด้วยซ้ำ
“สอนให้เราอย่าไปทำให้คนอื่นเดือดร้อน ถึงแม้ตัวเองต้องลำบากก็ตาม”
“สอนให้เราคิดถึงตัวเองเป็นคนสุดท้าย ส่วมรวมต้องมาก่อนเสมอ”
“สอนให้ไม่เอาเปรียบใคร ถึงแม้ในช่วงตอนที่เลวร้ายที่สุด และบางทีถึงต้องยอมให้โดนเอาเปรียบ”
คุณสุลาออกจากบริษัทนั้นๆ ในเวลาต่อมา แต่ด้วยวีรกรรมในครั้งนั้น ญี่ปุ่นก็ตบโบนัสให้คุณสุมากมาย จนพ่อแม่ของคุณสุเอ่ยว่า
“คนญี่ปุ่นก็แปลก เขามีแต่ทาแป้งที่หน้ากัน นี่มาทาแป้งที่ก้น เพราะคนที่จะลาออกไปแล้ว แน่นอนบริษัทจะไม่ได้ผลประโยชน์จากเราอีกแล้วแท้ๆ แต่ก็ยังอุตส่าห์ทำดีด้วยอีก”
ปัจจุบันคุณสุดำรงตำแหน่งเป็นประธานกรรมการบริหารของบริษัทแห่งหนี่งใหญ่โตจนอยู่ในตลาดหุ้นแห่งประเทศกูมี แต่ยังผูกพันธ์กับญี่ปุ่นอย่างแนบชิด
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
อย่าใช้ข้ออ้าง “ประเทศกูมันมี มันทำแบบนี้”
มันไม่สำคัญเลยว่าประเทศกูมีอะไร… มันสำคัญที่แค่ว่า “คุณ” อยากจะมีอะไร
(เครดิตภาพจากบริษัทที่คุณสุเป็นประธานกรรมการ)
เรื่องโดย : วิน เวธิต https://www.marumura.com/p25466/
ติดตามเรื่องราวญี่ปุ่นที่น่าสนใจอื่นๆ ได้ที่ www.marumura.com
โฆษณา