22 พ.ย. 2018 เวลา 14:13 • ประวัติศาสตร์
”เขาสอบตกวิชาคณิตศาสตร์ ภาษาเยอรมัน ภาษาฝรั่งเศษ เชาวเลข วิชาอื่นๆ คะแนนพอผ่าน แต่วิชาวาดรูปและพละศึกษา คะแนนดีเยี่ยม"
อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ (Adolf Hitler) ค.ศ. 1889-1945
หากจะกล่าวถึงนักเรียนที่เรียนได้ย่ำแย่ แต่กลับกลายเป็น
บุคคลที่มีชื่อเสียงในอนาคตแล้ว ย่อมต้องรวมถึงฮิตเลอร์ด้วยแน่นอน
เขาเกิดที่เมือง บราวเนา อัม อินน์ เมื่อวันที่ 20 เมษายน ค.ศ.1889
อนาคตได้กำหนดให้เด็กชายผู้นี้กลายเป็นนายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐเยอรมนี
และท่านผู้นำแห่งจักรวรรดิเยอรมันที่สาม ที่โรงเรียนประชาบาลแห่งฟิชเชิลฮัม ใกล้เมืองลัมบาคในออสเตรีย
เขาเป็นนักเรียนตัวน้อยที่กระตือรือร้น และนำความภาคภูมิใจมาสู่บิดาของเขา
ซึ่งคิดว่าจะส่งลูกเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยให้ได้สักคนหนึ่ง
เพื่อที่ต่อไปจะได้เข้ารับราชการดังเช่นตัวเขาเอง
ครอบครัวของเขาต้องย้ายที่อยู่บ่อยและฮิตเลอร์ก็ต้องย้ายโรงเรียนตามไปด้วยเช่นกัน
แต่เขาก็เรียนได้ดีเยี่ยมในทุกโรงเรียน ในเวลาว่างเขายังได้เข้าเรียน
การร้องเพลงประสานเสียง
ซึ่งเขาก็สามารถเรียนได้ดีอีกเช่นกัน จนกระทั่งเมื่อเขาอายุได้ประมาณ 11 ปี
เขาได้เข้าเรียนโรงเรียนมัธยมที่เมืองลินซ์ และที่นี้เองที่เขาเริ่มเรียนตกต่ำลง
ในใบประกาศนียบัตรมัธยมต้นของเขา มีข้อความระบุว่า
เขาขยันเรียนแบบไม่สม่ำเสมอและยังสอบตกในวิชาคณิตศาสตร์และธรรมชาติวิทยา
ซึ่งเป็นเหตุให้เขาไม่สามารถเลื่อนชั้นได้ ฮิตเลอร์เองยังได้กล่าวถึงช่วงเวลานั่นในหนังสือ
เรื่อง “การต่อสู้ของข้าพเจ้า” ที่เขาเขียนขึ้นว่า
“ข้าพเจ้าจะเรียนเฉพาะสิ่งที่ข้าพเจ้าชอบเท่านั้น อะไรที่ข้าพเจ้ารู้สึกว่าไม่น่าสนใจหรือไร้ความหมาย ข้าพเจ้าก็จะไม่ใยดีโดยสิ้นเชิง”
สาเหตุที่เขาประสบความล้มเหลวในโรงเรียนโดยสิ้นเชิงนั้น
เขาได้ระบุไว้ในหนังสือของเขาด้วยว่า เกิดจากเจตนาที่เขาตั้งใจจะประท้วงบิดาของเขา
“เป็นครั้งแรกที่ข้าพเจ้าถูกกดดันอย่างหนักจนต้องไปอยู่ฝ่ายตรงข้าม ยิ่งบิดาของข้าพเจ้ามุ่งมั่นที่จะบีบบังคับให้ข้าพเจ้าทำอย่างที่ต้องการมากเท่าไร ข้าพเจ้าก็ยิ่งรู้สึกต่อต้านสิ่งที่บิดาคาดหวังไว้มากขึ้นเท่านั้น ข้าพเจ้าไม่อยากเป็นข้าราชการเลยแม้แต่น้อย เขาพยายามทุกวิถีทางที่จะวาดภาพให้ข้าพเจ้าเห็นว่าข้าราชการนั้นวิเศษอย่างไร แต่ผลกลับตรงกันข้าม ข้าพเจ้ากลับรู้สึกสะอิดสะเอียนกับความคิดที่ว่า ข้าพเจ้าจะต้องกลายเป็นคนที่ไร้อิสรภาพ เอาแต่นั้งตบยุงอยู่ในสำนักงาน แทนที่จะเป็นนายของตัวเอง”
แต่สิ่งที่ฮิตเลอร์กล่าวมานั้น เป็นเพียงข้ออ้างเพื่อปิดบังความล้มเหลวที่แท้จริงของตนเอง
เพราะถึงแม้ว่าจะไม่มีใครมาบงการชีวิตของเขา การเรียนของเขาก็มิได้ดีขึ้นแต่อย่างใด
บิดาของเขาถึงแก่กรรมเมื่อเขาอายุได้ 14 ปี ผู้ที่ศึกษาประวัติชีวิตของฮิตเลอร์หลายคน มองสาเหตุของความล้มเหลวในการเรียนของฮิตเลอร์ว่าเป็นเพราะเขา
มองทุกสิ่งที่เป็นระบบหรือเป็นระเบียบแบบแผนว่าเป็นการบังคับ และการครอบงำ
หากเขาจำต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งนั้น เขาจะทำทุกอย่างได้ดีวิเศษเฉพาะในเรื่องที่เขาไม่ต้องใช้สมอง
ใคร่ครวญครุ่นคิดให้มากนัก หลังจากที่บิดาถึงแก่กรรมแล้ว
เขาก็ยังต้องไปเรียนหนังสืออย่างไม่เต็มใจ วิชาที่เขาได้คะแนนต่ำมากเป็นพิเศษคือ วิชาภาษาฝรั่งเศษ
ซึ่งเป็นอุปสรรคขัดขวางการเลื่อนชั้นเรียนของเขา เขาจึงต้องทำการสอบแก้ตัวในวิชานี้ใหม่
จึงได้รับอนุญาตให้เลื่อนชั้นได้โดยเขาต้องสัญญากับทางโรงเรียนว่า
เขาจะต้องไปหาที่เรียนใหม่
ดังนั้นฮิตเลอร์ในวัยสิบห้าจึงต้องย้ายไปเรียนที่โรงเรียน
เรอาลชูเลอในเมืองชไตเยอร์
ที่ชไตเยอร์ เขาไปอาศัยอยู่กับครอบครัวข้าราชการศาล
ซึ่งภรรยา ของเจ้าของบ้านได้ดูแลเขาเป็นอย่างดีดุจเป็นบุตรของนางเอง
ฮิตเลอร์เองก็ชอบชีวิตความเป็นอยู่ในช่วงนี้ เขาบันทึกไว้ว่า
“มันช่างเป็นช่วงเวลาที่งดงามน่ารื่นรมน์เสียจริง หากว่าข้าพเจ้าจะไม่ต้องห่วงพะวงกับเรื่องเรียนอันแสนยากลำบากอย่างกับมีบ่วงมารัดคอข้าพเจ้าอยู่โดยเฉพาะอย่างยิ่งยามเมื่อถึงเทศกาลสอบ”
ผลการเรียนของเขาที่สไตเยอร์ก็ยังย่ำแย่อยู่เช่นเดิม นอกจากวิชาวาดรูปและพละศึกษา
สมุดพกของเขาแสดงผลการเรียนที่น่าวิตก
แถมยังเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้เขาต้องจดจำไปอีกแสนนาน
นั่นคือในวันปิดเทอมนั้นพวกนักเรียนได้จัดงานเลี้ยงฉลองกัน
ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ฮิตเลอร์ดื่มเหล้าอย่างหนักจนเขาไม่รู้สึกตัวเลยว่าเกิดอะไรขึ้นในขณะนั้นบ้าง
เช้าวันต่อมา หญิงรีดนมวัวคนหนึ่งพบเขานอนหลับใหลไม่ได้สติอยู่กลางถนน
จึงปลุกเขาให้ลุกขึ้น เขาเดินโซเซกลับที่พัก
ภรรยาเจ้าของบ้านที่เขาพักอยู่แทบช็อกสิ้นสติเมื่อเห็นสารรูปของเขา
เมื่อเธอถามถึงสมุดพกว่าอยู่ที่ไหน ฮิตเลอร์ก็หาไม่เจอและยังนึกไม่ออกด้วย
ว่าเอาไปลืมไว้ที่ไหน เขาจึงรีบไปโรงเรียนเพื่อไปขอคัดสำเนาสมุดพกใหม่
ปรากฏว่าสมุดพกของเขานั้นหวนกลับคืนมาอยู่ที่โรงเรียนแล้ว
หลังจากที่เขาเผลอใช้สมุดพกแทนกระดาษชำระในห้องส้วมด้วยความเมาแล้วมีคนไปพบเข้า
จึงนำมาคืนให้ที่โรงเรียน หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว
ฮิตเลอร์ถึงกับสาบานว่า “จะไม่แตะต้องของดองของเมาอีกต่อไป”
ผลการเรียนในสมุดพกเล่มนั้นปรากฏว่า
เขาสอบตกในวิชาภาษาเยอรมัน ภาษาฝรั่งเศษ คณิตศาสตร์ เชาวเลข ในวิชาอื่นๆ ”แค่พอผ่าน"
เว้นแต่วิชาวาดรูปและพละศึกษาที่เขาได้คะแนน
”น่าชมเชย “และ “ดีเยี่ยม”
ครึ่งปีหลังจากที่เขาใช้สมุดพกแทนกระดาษชำระดังที่กล่าวมา
เขาก็ต้องลาออกจากโรงเรียนเนื่องจากเขาป่วยหนักจากอาการปอดบวม
ซึ่งเป็นสาเหตุให้เขาไม่สามารถนั่งทำงานในสำนักงานที่อับทึกคับแคบได้
เขาจึงตัดสินใจจะเป็นจิตรกรหลังจากนั้น
เป็นสิ่งที่น่าสังเกตว่าฮิตเลอร์โยนความผิดทั้งหมดไปให้แก่บิดาของเขา
ที่เป็นตัวการทำให้ผลการเรียนของเขาต้องตกต่ำย่ำแย่เช่นนี้
เป็นเหตุผลที่ฟังดูทันสมัย
เนื่องจากในปัจจุบันนี้ ผุ้คนทั่วไปก็มักจะมองต้นเหตุของความล้มเหลวของเด็กว่าเป็นความผิดของบิดามารดา
ที่เลี้ยงลูกไม่ได้ดี บังคับใจ กดขี่ข่มเหง ทารุณจิตใจลูกจนเกินไป
การที่ลูกมีผลการเรียนที่ตกต่ำนั้นอาจเป็นเพราะบิดามารดาบางคนไม่ใส่ใจการเรียนของลูกเอาเสียเลย
หรือในทางตรงข้าม อาจใส่ใจหรือควบคุมลูกมากเกินไป
เพื่อจะปั้นให้ลูกเป็นอย่างที่ตนเองปราถนา แต่จะเป็นกรณีใดก็ตาม
”ความหายนะก็อาจบังเกิดกับลูกได้เท่าเทียมกัน"
แหล่งข้อมูล : หนังสือวัยเด็กวัยเรียนของคนอัจริยะ.
เรียบเรียงโดย ผศ.ดร.บรรพต กำเนินศิริ
By:markpn
โฆษณา