Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Preeda Akara
•
ติดตาม
26 พ.ย. 2018 เวลา 07:21 • บันเทิง
#ปรีดาอ่าน 02 - จิ่วถู ราชันแห่งยุทธนิยายจีน
ในบรรดานักเขียนร่วมสมัยแนวบู๊ที่ใช้ประวัติศาสตร์จีนเป็นฉากหลัง คุณปรีดาเห็นว่า "จิ่วถู" เป็นนักเขียนที่น่าจับตามองมากที่สุด
จิ่วถู
นิยายแนวบู๊ที่ว่านี้อาจแบ่งแยกย่อยได้หลายแนว ไม่ว่าจะเป็นแนวกำลังภายใน แนวสงคราม
นอกจากนี้ยังมีการไปผสมผสานกับแนวอื่น เช่นแนวแฟนตาซี หรือแนวโรแมนติก (ซึ่งยังมีแนววายแยกย่อยลงไปอีก)
นิยายของจิ่วถูนั้นไม่มีกำลังภายในเจือเลย หากเน้นที่เรื่องสงครามอย่างเดียว แต่โดยมากคนอ่านก็มักจับเรื่องสองแนวนี้มาอยู่ด้วยกัน และจะว่าไปแล้วเรื่องยุทธนิยายก็เป็นการคลี่คลายตัวของนิยายกำลังภายในจีนนั่นเอง
ผลงานที่โดดเด่นของจิ่วถูคืองานชุดไตรภาคสุยถัง ซึ่งประกอบไปด้วยเรื่อง ยุทธการล่าบัลลังก์ ขุนโจรคู่บัลลังก์ และเทพบุตรกู้บัลลังก์ เนื้อเรื่องกินเวลาช่วงสมัยราชวงศ์สุยและต้นราชวงศ์ถัง
ทั้ง 3 เรื่องนี้ร้อยเรียงกันอย่างหลวมๆ ภาคแรกกับภาคสองนั้นเล่าถึงช่วงเวลาเดียวกัน พระเอกในภาคแรกเป็นแม่ทัพในสังกัดกองทัพตระกูลหลี่ผู้จะสถาปนาราชวงศ์ถังในเวลาต่อมา (แต่ภายหลังได้แยกตัวออกไปเป็นกองกำลังอิสระ) ขณะที่พระเอกในภาคที่สองนั้นเป็นกองทัพโจรที่ภายหลังเข้าร่วมกับกองทัพตระกูลหลี่ ส่วนพระเอกในภาคสามนั้นเป็นเชื้อสายของเพื่อนพระเอกในภาคสอง
ความโดดเด่นที่สุดของจิ่วถูและงานชุดไตรภาคสุยถังนี้ก็คือการเขียนฉากสงครามได้อย่างถึงพริกถึงขิง
ถ้ากิมย้งคือที่สุดของการเขียนฉากต่อสู้ระหว่างจอมยุทธ จิ่วถูก็คือที่สุดของการเขียนฉากสงครามระหว่างกองทัพ ไม่ว่าจะเป็นกลศึกของทั้งสองฝ่าย การควบตะบึงม้า การโรมรันพันตูกวัดแกว่งอาวุธ เลือดที่สาดกระเซ็นเปื้อนร่างและชุดเกราะ ฯลฯ ภาษาของเขาทำให้คนอ่านลุ้นระทึก ฮึกเหิม และเสียวสันหลังไปกับการบรรยายของผู้เขียน
นอกจากนี้แล้วสิ่งที่จิ่วถูทำได้อย่างเหนือชั้นก็คือการเล่าถึงการเมืองในราชสำนักที่มีความซับซ้อน และไม่ใช่เรื่องที่เราจะแบ่งแยกขาว-ดำได้ง่ายๆ แบบเรื่องในงิ้วที่มีตงฉิน-กังฉินชัดเจน
เอาง่ายๆ แค่การกล่าวถึงตัวละคร "หยางกว่าง" หรือสุยหยางตี้ก็น่าสนใจแล้ว
หยางกว่างนั้นเป็นโอรสของพระเจ้าสุยเหวินตี้ปฐมจักรพรรดิของราชวงศ์สุยผู้รวบรวมปฐพีให้กลับมาเป็นหนึ่งเดียว ภายหลังการต่อสู้ของแคว้นต่างๆ ที่เรียกว่ายุคราชวงศ์เหนือใต้ที่กินเวลาเกือบ 200 ปี
ในงิ้วและเรื่องเล่าเกี่ยวกับหยางกว่างนั้นล้วนบอกว่าเขาก้าวสู่บัลลังก์ด้วยสองมือที่เปื้อนเลือดจากการสังหารบิดาและพี่ชายผู้เป็นองค์ชายรัชทายาท
เด็กๆ ในยุค '80 ที่ทันได้ดูซีรีส์ของ TVB เรื่องศึกลำน้ำเลือดก็คงคุ้นภาพตัวละครหยางกว่างที่แสดงโดยอู๋ฉี่หัว
สำหรับคอหนังจีนและนักดูงิ้วแล้ว หยางกว่างคือทรราชย์โดยสมบูรณ์ ไม่ว่าจะได้บัลลังก์อย่างมิชอบ และเป็นตัวการทำให้ราชวงศ์สุยถึงจุดจบอย่างรวดเร็ว
แต่ในเรื่องยุทธการล่าบัลลังก์นั้น จิ่วถูทำให้ผู้อ่านได้เห็นตัวละครในหน้าประวัติศาสตร์อย่างหยางกว่างในอีกแง่มุมหนึ่ง
จากมุมมองของ "หลี่ซี" พระเอกของเรื่องแล้ว ครั้งแรกที่เขาเห็นหยางกว่างหรือจักรพรรดิสุยหยางตี้นั้น พระองค์มีความองอาจกล้าหาญ ในขณะส่งกองทัพเพื่อสร้างขวัญกำลังใจในการบุกพิชิตเกาหลี
นี่เป็นภารกิจที่สุยหยางตี้หมายจะบรรลุให้ได้ในรัชสมัยของพระองค์
สำหรับหลี่ซีแล้ว เขาบอกไม่ถูกว่าสุยหยางตี้คือวีรบุรุษหรือทรราชย์ แต่เขาเห็นความเป็นมนุษย์ในตัวสุยหยางตี้
เนื่องจากเป็นพันธกิจที่ต้องการบรรลุ ดังนั้นจึงทุ่มเทสรรพกำลังและเงินทองไปมากมาย
เมื่อยังไม่บรรลุ ก็ต้องส่งกองทัพไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เมื่อยังไม่บรรลุ ฐานะทางการคลังของราชสำนักก็เสื่อมถอย ชื่อเสียงของ "วีรบุรุษปราบแดนใต้" ของหยางกว่างเมื่อสมัยก่อนครองราชย์ก็ถูกสั่นคลอน
การสั่นคลอนนี้สะเทือนไปถึงการดำรงอยู่ของราชวงศ์สุย
แม้หลี่ซีจะบอกไม่ได้ว่าสุยหยางตี้เป็นวีรบุรุษหรือทรราชย์ แต่ในการบุกเกาหลีครั้งสุดท้าย เขาเห็นเพียงชายวัยกลางคนที่อิดโรยเหน็ดเหนื่อย ไม่เหลือเค้าโครงของจักรพรรดิผู้ฮึกเหิมกระฉับกระเฉง หมายจะเห็นกองทัพสุยยาตราสู่ดินแดนเกาหลีอีกต่อไป
สำหรับการ "ฆ่าพี่ขึ้นบัลลังก์" อันเป็นปมที่ทำให้หยางกว่างถูกผู้คนประณามก่นด่านั้น จิ่วถูได้อธิบายความคิดและความรู้สึกของหยางกว่างว่า สำหรับแม่ทัพปราบแดนใต้ผู้ยิ่งใหญ่ เสี่ยงชีวิตเพื่อผนวกแผ่นดินกว่าครึ่งมาจนบิดาได้ชื่อว่าเป็นจักรพรรดิผู้รวมประเทศนั้น เขาย่อมได้ชื่อว่าเป็นวีรบุรุษสร้างวีรกรรมเกริกไกร
แต่สำหรับหยางหย่ง พี่ชายผู้เป็นองค์ชายรัชทายาท หรืออีกนัยหนึ่งก็คือว่าที่จักรพรรดิองค์ต่อไปเล่า จะมองน้องชายคนนี้อย่างไร?
ในเมื่อน้องชายคนนี้คือแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ มีกองทัพอยู่ในมือจำนวนมหาศาล แน่นอนว่าองค์รัชทายาทย่อมแคลงใจในตัวน้องชายคนนี้
จิ่วถูจึงได้สรุปความสัมพันธ์ระหว่างหยางกว่างกับหยางหย่งผู้เป็นพี่ชายว่า หากไม่ฆ่าก็รอวันโดนฆ่าในวันที่พี่ชายได้เป็นฮ่องเต้
นี่เป็นมุมมองที่ไม่เคยปรากฏในหนัง ละคร หรือว่างิ้วใดๆ ที่เกี่ยวกับตัวละครหยางกว่างหรือพระเจ้าสุยหยางตี้ผู้นี้
ในนิยายเรื่องนี้ สุยหยางตี้ใช่จะปรารถนาให้ราชวงศ์สุยพังพินาศ แต่เพราะพระองค์ก็เป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่ง ปัญหาบางอย่างแม้จะเป็นฮ่องเต้ก็ใช่จะจัดการได้ง่ายๆ ในเมื่อราชสำนักต้องเผชิญกับความฟอนเฟะอย่างใหญ่หลวง
รู้ทั้งรู้ว่าขุนนางบางคนฉ้อราษฎร์บังหลวง อีกทั้งมีหลักฐานมัดตัวชัดเจน
แต่สุยหยางตี้จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อขุนนางคนนั้นคือเสาหลักค้ำจุนบัลลังก์ของพระองค์
การกำจัดกังฉิน ย่อมเป็นการทำให้บัลลังก์ตนเองล้มครืนลง
แต่ในเมื่อเลือกที่จะไม่กำจัด ที่ล้มครืนก็กลับเป็นอาณาจักรและราชวงศ์ต้าสุย
เรื่องนี้ยากเกินกว่าที่นักรบและมนุษย์คนหนึ่งอย่างหยางกว่างจะรับมือได้จริงๆ
ในที่สุดราชวงศ์สุยจึงต้องล้มไป และเปิดทางให้กับราชวงศ์ถังบันทึกประวัติศาสตร์บทใหม่ให้กับประเทศจีน
นี่คือความยิ่งใหญ่ของจิ่วถู...
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย