วิเคราะห์ OppDay
#EA #Q318
EA เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่มีแผนการลงทุนในอนาคต ขนาดใหญ่มากๆ ถ้าสำเร็จ จะผลิกโฉมรายได้ของบริษัทไปเลย
คำถามที่อยากรู้คือ แล้วทำได้รึเปล่า?
สรุปจุดเด่น
- บริษัทรายได้ + กำไรเพิ่มขึ้นมาก จากพลังงานลมโครงการ 1
- บริษัทกำลังจะ COD พลังงานลมโครงการ 2 ขนาด 260mw
- บริษัทจะมี pipeline 2019 ถึง 664MW
- บริษัทเริ่มขยายตัวเองเข้าธุรกิจแบตเตอรี่และรถไฟฟ้า EV
จุดตั้งข้อสังเกตุ
- บริษัทต้องกู้เงิน 20,000 ล้านบาทมาทำ project ซึ่งยังไม่รู้ว่าต้นทุนการเงินเท่าไร
- ความไม่แน่นอนของธุรกิจแบตเตอรี่และรถ EV ที่ต้องลงทุนราว 4-5,000 ล้านบาท
- เทคโนโลยีรถไฟฟ้ายังเปลี่ยนเร็วอยู่
- Market Cap ปัจจุบันสูงที่สุดในกลุ่มพลังงานทดแทน แต่ใบอนุญาต adder ลดมูลค่าลงเรื่อยๆ
- บริษัทจะบริหารกระแสเงินสดได้เพียงพอหรือไม่ จากการลงทุนจำนวนมาก ---> ขึ้นอยู่กับการได้แหล่งเงินกู้ระยะยาว
ปัจจุบันEA มี 2 กลุ่มธุรกิจ คือรายได้จาก
1. พลังงานแสงอาทิตย์ และ
2. Bio Diesel
แต่ตั้งแต่ปี 2018เป็นต้นไป EA จะมีกลุ่มธุรกิจ
3. พลังงานลม และ
4. ธุรกิจรถไฟฟ้า + แบตเตอรี่เพิ่มเข้ามาในสายรายได้ของธุรกิจ
EA คาดว่าในปี 2019 เขาจะมีโรงไฟฟ้าสร้างไฟได้ทั้งหมด 664 MW มาจากแสงอาทิตย์ 276MW จากลม 386 MW
ซึ่ง EA ต้องลงทุนสูงถึง 26,000 ล้านบาทภายในระยะเวลา 2 ปีนี้ (เป็นเงินกู้ราว 20,000ลบ)
หลายคนสงสัยและมองว่าโครงการพวกนี้มันจะคุ้มหรือ? มันเป็นแค่การสร้างข่าวเพื่อหลอกปั่นหุ้นรึเปล่า?
เรื่องของ #พลังงานแสงอาทิตย์ เราคงไม่ต้องพูดถึงมาก เพราะ EA เขาเป็นเจ้าพ่อทางนี้อยู่แล้ว
ปัจจุบัน EA มีการผลิตไฟจาก solar 276mw ซึงเกือบทั้งหมดเป็น adder 6.5บาท หมดอายุทีละ 90MW ในปี '23 '25 '26 (เผื่อใครอยากทำ DCF นะ)
ส่วน #พลังงานลม ที่เพิ่มขึ้นมามี 2 จุด
1. โครงการหาดกังหัน ผลิตไฟได้ 126 MW ตอนนี้ Operate ครบ 1 ปีแล้ว ทำรายได้ให้กับ EA มากกว่าที่ทางบริษัทคิด
2. โครงการ #หนุมาน ผลิตไฟได้ 260 MW โครงการนี้อยู่ในจุดที่คาดว่าจะมีลมแรงกว่าที่หาดกังหัน (Cutwind speed 5.8m/s)
ซึ่งตัวที่อาจจะฉุดอหรือจะสร้างอนาคตให้ EA คือเจ้าหนุมานนี้ละ เพราะต้องลงทุนกับมันตั้ง 20,000 ล้านบาท
#สรุปว่า ถ้าดูจากการที่โครงการพลังงานลมโครงการแรกสามารถสร้างรายได้ให้กับ EA สำเร็จ แปลว่าอย่างน้อย EA ก็มีคนทำเป็น และโครงการสองก็ไม่น่าจะล่ม
แต่สิ่งที่ต้องระวังคือ ถ้าดู Gross Margin เพียวๆ ธุรกิจพลังงานสร้าง Margin ได้ถึง 71.55%
แต่ถ้าดูแยกลงไป Solar margin 80% แต่ลมแค่ราว 60% เท่านั้น
ทำให้การลงทุนในลม ถึงแม้จะทำให้บริษัทมีรายได้และกำไรมากขึ้น แต่การสร้าง financial model จำเป็นต้องดึง margin ของบริษัทลงในอนาคตนะครับ ไม่งั้นเราอาจมองกำไรสูงกว่าความเป็นจริงได้
ในส่วนของ #แบตเตอรี่และรถไฟฟ้า
EA ลงทุนในบริษัท อมิตา (ทาทา ยัง 😅) เพื่อสร้างโรงแบตเตอรี่ ปัจจุบันลงทุนแล้วสำหรับ 1GWh และมีเป้าจะขยายไปถึง 50GWh ในปี 2021 เป้าหมายของการผลิตเพื่อกลุ่มลูกค้า
- รถไฟฟ้า
- อุตสาหกรรมไฟฟ้า
- บ้านเรือน
เป้าหมายหลักคือการสร้างจุดชาร์จรถ EV จำนวน 1,000 จุดทั่วกรุงเทพ และแต่ละจุดต้องไปห่างกันเกิน 5km ปัจจุบันมีแล้วหลายจุดเช่นตามห้างดังๆเป็นต้น
ซึ่งจุดชาร์จ 1 จุดใช้เงินลงทุนราว 2.5-3 ล้านบาท (ในเรื่องนี้ EA ไม่ได้บอกว่าจะสร้างเองหรือให้ประชาชนมาร่วมทำ)
ในส่วนของ #รถEV ที่ผมเป็นกังวนที่สุดว่าอาจจะ laggard งบการเงินได้
- EA ยืนยันว่าจะสร้างรถไฟฟ้าเอง ผ่านระบบ OEM
- รถประหยัดไฟมาก ถ้ามาตรฐาน TESLA วิ่ง 1Km ราวๆ 1บาทเท่านั้น
- Charge circle ราวๆ 3,000 รอบ (8ปีเปลี่ยนแบตฯ)
- คู่แข่ง ทุกค่ายในโลก
- ราคาขาย ตัว city car ราวๆ 6-8 แสน และ sport car ราวๆล้านต้นๆ
- ลงทุนรถ lot แรก 4-500 ล้านบาท คาดว่าจุดคุ้มทุนอยู่ที่ 3-4 ปี
BioDiesel ผมไม่พูดถึงเลยนะครับ เพราะสัดส่วนมันน้อยมาก เมื่อเทียบกับ 3 part ใหญ่
ลงทุนอะไรวะ
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
