9 ธ.ค. 2018 เวลา 05:00 • ไลฟ์สไตล์
ตอน : #ขายอะไร
The Irresistible Offer : How to Sell Your Product or Service in 3 Seconds or less
หนังสือ Best Seller ของ Amazon.com ปี 2005 โดย Mark Joyner แปลง่าย ๆ ในแบบผมว่า .. ทำยังไงให้ #ขายให้ได้ใน 3 วิฯ
ในเล่มนี้บอกอะไรหนุก ๆ หลายอย่างเลยขอเอามาแชร์ให้ทุกท่านที่รักในเช้าวันอาทิตย์อันเฉื่อยแฉะนี้ครับ 🌤
ในความเป็นจริงแล้ว เราได้รับการเสนอที่มาในรูปแบบต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันโดยเราไม่ค่อยรู้ตัวอยู่แล้ว เช่น นายจ้างบอกพนักงานว่า ทำโปรเจกต์ออกมาสิ แล้วฉันจะขึ้นเงินเดือนให้ .. บริษัทบริหารกองทุนฯ บอกว่า เอาเงินมาให้ฉันใช้สิ แล้วฉันจะให้ดอกเบี้ย .. บริษัทมือถือบอกว่า ใช้ยอดให้ถึงเดือนละพันสิ แล้วฉันจะให้สติ๊กเกอร์ติดหน้ารถเอาไปจอดหน้าประตูห้าง .. หรือฝ่ายค้านบอกว่า เลือกผมบ้างสิ แล้วผมจะสร้างเมกกะโปรเจกต์ให้-ฮา!
และในฝั่งของผู้รับข้อเสนอ หรือว่าที่ลูกค้าก็มักจะตั้งคำถามเราในใจไว้ ๔ ข้อเสมอ ๆ
๑. ขายอะไร ?
๒. เท่าไหร่ ?
๓. ทำไมฉันต้องเชื่อแก ?
๔. แล้วชั้นจะได้อะไร ?
เอาแค่คำถามแรก .. #ขายอะไร ? นี่ก็เป็นโจทย์ที่ตีความกันเป็น Vision Mission Objective Goal Strategy ขององค์กรกันเลยทีเดียว .. และเจ้าแนวคิดของการขายอะไร? นี่ก็มีมูลค่าเป็นพันเป็นหมื่นล้านกันเลยทีเดียว 😯
ขายอะไร? .. สร้างความมั่งคั่งให้กับ iPhone, Samsung, Porsche, Louis Vuitton, Mc Donald และอีกหลาย ๆ แบรนด์ดังได้ แต่ก็ทำลายอีกหลาย ๆ แบรนด์ในโลกเพียงข้ามคืน เพราะไปขายอะไร? ที่ไปผิดคำมั่นสัญญาแรกที่ให้ไว้กับลูกค้าเช่นกัน
happyserver.com
เดิม ๆ ในมุมมองปกติคนขายของจะมองแบบ inside out คือเราอาจจะมองแค่ว่าฉันขายกาแฟ ฉันขายขนมปัง ฉันขายบิงซู ฉันขายโรตี ฉันขายไข่นกกระทา ฉันขายกระหรี่ปั๊บ...
แต่ลองมองแบบ outside in คือถ้าลูกค้ากำลังมองเข้ามา เราจะขายอะไร? และในมุมมองไหนล่ะครับที่จะทำให้ลูกค้า #ต้องซื้อเรา ในแค่วิฯ แรก ๆ ให้ได้ 🤔
ยิ่งทุกวันนี้สื่อวิ่งเข้ามาชนทุกทิศทุกทางและตลอดเวลา การทำแอดต่าง ๆ ต้องดึงว่าที่ลูกค้าให้ได้ภายใน 3 วิฯ ไม่เช่นนั้นจะโดนนิ้วโป้งเขี่ยข้ามไปอย่างรวดเร็ว .. วันนี้ชาวครีเอทีฟทำแอดกำลังแข่งขันคอนเท้นท์กันอุตลุด ก็เพื่อจะเอาชนะเจ้า #นิ้วโป้ง นี่แหละครับ
ลองเปลี่ยนมุมมองการขายอย่างง่าย ๆ แต่ #ลึกซึ้ง ดู แล้วเราน่าจะเห็นจุดขายของเรานะครับ ลองดูตัวอย่างง่าย ๆ ที่ผมลองเกา ๆ พุงออกมาดูนะครับ
• เราไม่ได้ขายไอติม .. แต่เราขายความสดชื่นและหวานเย็นที่ส่งให้ถึงหน้าบ้านพร้อมรอยยิ้ม
• เราไม่ได้ขายปาท่องโก๋ .. แต่เราขายความกรุบกรอบร้อน ๆ ที่ขับรถไปกินไปได้
• เราไม่ได้ขายขนมครก .. แต่เรากำลังขายการระลึกถึงความหลังยังเยาว์ ด้วยกลิ่นใบตองไหม้ ๆ ที่โดนความร้อนของขนมครกดาดเอา
• เราไม่ได้ขายหมูปิ้ง .. แต่เราขายความสะดวกในการเทคโปรตีนและคาร์บมื้อแรกของวันที่แสนจะหอมกรุ่นจากเตาถ่านที่ลุกขึ้นมาตั้งไฟตอนตีสี่ครึ่ง
• เราไม่ได้ขายขนมหม้อแกง .. แต่เราขายวัฒนธรรมดั้งเดิมและความหอมหวานของน้ำตาลเมืองเพ็ชร์ฯ ที่มาในรูปของของฝาก ๓ ถาดร้อย (เดิมเขียนว่า #เพ็ชร์บุรี ก่อนเปลี่ยนในปี ๒๔๖๐ มาเป็นเพชรบุรีเหมือนในปัจจุบัน และอ่านว่า เพ็ด-ชะ-บุ-รี)
เดี๋ยวรอบหน้าผมจะมาว่าในเรื่องของคำถามที่ ๒ ที่ว่า #เท่าไหร่ กันนะครับ
ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ 😍😍😍
โฆษณา