9 ธ.ค. 2018 เวลา 15:41 • ความคิดเห็น
เรื่องของเงินเดือน กับเด็กจบใหม่ ที่ได้ชื่อว่าเป็นเด็ก Gen Y
เรื่องนี้ไม่ถือว่าเป็นตรรกะวิบัติ แต่ถือว่าเป็นแนวความคิดที่ค่อนข้างผิดเพี้ยน ซึ่ง HR และเจ้าของบริษัท ไม่ว่ารายเล็กหรือรายใหญ่ ต่างย่อมได้เจอกันอยู่บ่อย ๆ
สำหรับคนที่อยู่ในช่วง Gen X หรือประมาณ 35 ปีขึ้นไปก็คงจะทราบกันดีว่า เงินเดือนสตาร์ทเริ่มต้น อยู่ในหลักพันเท่านั้น กว่าจะได้แต่หลักหมื่น หรือเทียบเท่าเงินเดือนที่ได้รับอยู่ตอนนี้ ก็คงจะต้องผ่านอะไรมามากน้อย บางคนถึงขนาดต้องแลกด้วยอะไรหลาย ๆ อย่าง
เด็กจบใหม่ แบบไม่มีประสบการณ์ใด ๆ สมัยนี้ ขอเงินเดือนเริ่มต้น สตาร์ทตามนโยบายของรัฐ (เรียกว่าฐานเงินเดือนข้าราชการก็ได้) อยู่ที่ 15,000 บาท ไปจนถึง 20,000 บาทขึ้นไป ถามว่าเจ้าของบริษัทจ่ายให้ได้หรือไม่ ถ้าให้พูดกันตรง ๆ ก็เชื่อว่าจ่ายได้ แต่คงไม่คุ้มที่จะจ่าย หลายครั้งจึงมีการใช้เหตุผลในการปฏิเสธว่า "ประสบการณ์ไม่พอกับตำแหน่งที่ต้องการ"
ผลที่เกิดขึ้น คือการโวยวายว่า "ไม่ให้ทดลองทำงาน แล้วจะมีประสบการณ์ได้อย่างไร" ปัญหานี้จึงทำให้เกิดทัศนคติในทางลบด้วยกันทั้งสองฝ่าย ยังไม่นับรวมกับปัญหาของเจนเนอเรชั่น ที่มักจะชี้วัดกันบ่อย ๆ ว่า เด็ก Gen Y รักความสบาย ทำงานด้วย passion ไม่ค่อยมีความอดทน เปลี่ยนงานบ่อยจนกว่าจะเจองานที่ถูกใจ ให้ความสำคัญกับเรื่องความสมดุลกับชีวิต (work-life balance) เป็นอันดับหนึ่ง
ตัวชี้วัดนี้อาจจะใช้ไม่ได้กับ Gen Y ทั้งหมด แต่ในฐานะที่เป็นเด็ก Gen Y คนหนึ่ง ก็ขอยอมรับว่าจริง ทุกวันนี้ทำงานกับบริษัทสตาร์ทอัพที่เงินเดือนสูงกว่ามาตรฐาน ไม่ต้องตอกบัตรเข้างาน เวลาเข้างานไม่เหมือนคนอื่น อยากไปเล่นฟิตเนสก็ได้ หรือจะ work from home ก็ได้ เพื่อนร่วมงานก็รุ่น ๆ เดียวกัน แต่เมื่อต้องเจอความเปลี่ยนแปลงกับความกดดันจาก boss ที่ต้องการเปลี่ยนองค์กรให้ดีขึ้น หลายคนเลือกที่จะด่าลงโซเชียล และหลายคนเริ่มคิดที่จะลาออก ทั้งที่มองอีกมุมหนึ่ง มันก็เป็นความท้าทาย และเงินเดือนขนาดนั้นสำหรับเด็กจบใหม่ไม่มีประสบการณ์ ไม่ใช่จะหากันได้ง่าย ๆ
ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาทั้งหมด จึงไม่แปลก ที่มนุษย์ Gen Y หลายคน จะเลือกไปทำกิจการด้วยตัวเอง แทนที่จะเป็นลูกจ้าง ซึ่งก็มีทั้งรุ่งเรืองและรุ่งริ่งไปตาม ๆ กัน ขณะที่หลายคนเลือกจะออกไปทำงานฟรีแลนซ์ก็เยอะ
วิธีแก้ในเรื่องนี้ คือควรจะมีการให้ความรู้ความเข้าใจในเรื่องของชีวิตการทำงาน กับเด็กที่กำลังจะจบมากกว่านี้ ควรมีการอธิบายเรื่องของฐานเงินเดือนแต่ละอาชีพให้ชัดเจน ในฝั่งของ HR ก็ควรมีการปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย อะไรที่พูดตรง ๆ ได้ก็ควรพูด เช่นเรื่องของการเรียกเงินเดือนนี่แหละ พูดกันไปตรง ๆ ว่าให้ไม่ได้เพราะอะไร หรือจะให้ได้ต่อเมื่ออะไรก็ว่ากันไป แบบนี้วินทั้งสองฝ่าย เพราะบริษัทก็อาจจะได้คนทำงาน คนทำงานก็จะได้รู้ข้อบกพร่องของตัวเอง และอาจจะได้รับโอกาสในการหาประสบการณ์ และได้รู้ว่าการทำงานที่คุ้มกับค่าตอบแทนมันเป็นอย่างไร
แต่ก่อนที่จะมาถึงจุดนี้ ควรสอนกันตั้งแต่เขียนเรซูเม่ และสัมภาษณ์จะดีที่สุด ไม่ใช่ส่งอีเมลมาแค่ "อยากสมัครงาน มีตำแหน่งว่างมั้ย เงินเดือนเท่าไร สวัสดิการมีอะไรบ้าง" พร้อมกับรูปชูสองนิ้วอยู่บนเตียง หรือรูปถ่ายบนบิ๊กไบค์แนบมากับคำถาม
เพราะต่อให้ขอเงินเดือนตามโครงสร้างบริษัท ก็คงไม่มีใครกล้ารับเข้าทำงานอยู่ดี ...
โฆษณา