10 ธ.ค. 2018 เวลา 06:06 • ประวัติศาสตร์
หยก อัญมณีล้ำค่าของจีน
หยกจัดเป็นอัญมณีมีค่าของจีนและเป็นหนึ่งในงานฝีมือที่ได้รับการพัฒนาขึ้นจนถึงขั้นสุดยอดมาตั้งแต่ครั้งโบราณ
ความเชื่อในเรื่องหยกนั้น มีมานาน เพราะเป็นอัญมณีที่มีตำนานเชื่อถือและผูกพันกับชีวิตชาวขีนมายาวนาน ตั้งแต่อดีตกาลหลายพันปีแล้ว
ชาวจีนได้นำ หยก มาใช้เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน ตั้งแต่เกิดจนกระทั่งตายไป โดยมีความเชื่อตั้งแต่โบราณ เชื่อว่าหยกมีทั้งความงามและอำนาจวิเศษ เป็นสัญลักษณ์ที่ก่อให้เกิดความเป็นสิริมงคล ความเจริญรุ่งเรือง ความมีโชคลาภแก่ผู้ที่ได้ครอบครอง และทำให้อายุยืนยาวอีกด้วย คนโบราณเคยใช้หยกในการประกอบพิธีทางศาสนา ก่อนนำมาใช้เป็นเครื่องประดับ
เครื่องหยกที่เก่าแก่ที่สุดนั้นขุดพบในชุมชนยุคหินใหม่เมื่อ 7,000 ปีก่อน นอกจากนี้ในราชวงศ์จีนสมัยก่อน พระเจ้าจักนพรรดินิยม ใช้หยกเป็นตราส่วนพระองค์ แหวน และคฑา เมื่อเสียชีวิตจะนำหยกลงฝังด้วยกันกับศพ เพราะมีความเชื่อว่าหยกสามารถรักษาสภาพศพ ไม่ให้เน่าเปื่อยได้
ด้วยความเชื่อที่ว่าจะช่วยปกป้องให้ปลอดภัยและนำสิ่งดีๆ มาสู่ชีวิต โดยนิยมให้ลูกหลานของตนเอง พบหยกติดตัวตลอดเวลา ถ้าเป็นเด็กผู้หญิง จะสวมกำไลหยก ปิ่นหยก และจี้หยก แต่ถ้าเป็นเด็กผู้ชายจะให้พกเครื่องใช้ที่ทำด้วยหยก เรามักจะเห็นคนจีนสูงอายุ ใส่กำไลหยกแล้วไม่ถอดกันเลย โดยมีความเชื่อว่าถ้าหยกสีขุ่นมีความหมองมัว แสดงว่าสุขภาพไม่ดี ถ้าแตกหรือร้าวจะบอกเหตุร้ายที่จะเกิดขึ้น
สีของหยกก็มีหลากหลาย เขียว ชาว ดำ น้ำตาล และแดง ชาวจีนถือว่าหยกสีเขียวมรกตเป็นหยกที่มีค่ามากที่สุด
สีของหยก
และสุดท้าย "หยก" ก็ยังคงเป็นที่นิยมมาจนถึงปัจจุบัน ทุกวันนี้ชาวจีนส่วนใหญ่ยังคงใช้หยกเป็นเครื่องประดับอยู่ แม้ว่าเวลาจะล่วงเลยมาอย่างยาวนาน แต่ความเชื่อความศรัทธาในคุณค่าของอัญมณีชิ้นหนึ่งสามารถถ่ายถอดมาสู่ผู้คน รุ่นหลังได้โดยไม่เปลี่ยนแปลงอย่างไม่น่าเชื่อ เรียกได้ว่า "หยก" คืออัญมณีคู่ชีวิตของชาวจีนจริงๆ เลยก็ว่าได้
โฆษณา