ผมจะมาบอกกล่าวการเพาะต้นกล้า มะม่วงหิมพานต์ กันให้ฟังนะครับวิธีที่ผมกล่าวมาคือการนำเม็ดมาเพาะในถุงดำ เเล้วเลี้ยงดูจนเเน่ใจว่า ตันมะม่วงหิมพานต์เเข็งเเรงดีเเล้วค่อยนำไปลงหลุมที่เตรียมไว้ปลูกต่อไป ขั้นตอนเเรกเลย 1.เตรียมดินที่มีส่วนผมผสมของมูลสัตว์หรือปุ๋ยคอกไว้ตามจำนวนเม็ดที่ต้องการจะเพาะใส่ในถุงดำไว้เลย 2.นำเม็ดที่คัดเเล้วเอามาเเช่น้ำไว้ประมาณ3วัน. 3.พอครบสามวันเอาเม็ดที่เเช่น้ำขึ้นมาห่อผ้าไว้ เเละรดน้ำเช้าเย็นทุกวัน ช่วงนี้เม็ดจะมีเชื้อราขึ้นไม่ต้องตกใจนะครับเป็นกระบวนการก่อนที่เม็ดจะงอก สังเกตทุกวันเวลาที่รดน้ำว่าเม็ดที่เราห่อผ้าไว้ มีรากงอกออกมาจากเม็ดเเล้วหรือยัง 4.ถ้าเม็ดมีรากงอกออกมาเเล้วให้เอาลงเพาะในถุงดำที่เตรียมไว้ โดยใช้นิ้วมือกดดินให้เป็นหลุมเล็กๆประมาณ1ข้อมือ เเล้วเอาเม็ดใส่ลงไป เเค่นี้ก็เรียบร้อยเเล้ว .5 หลังจากนั้นก็รดน้ำทุกวันเลี้ยงจนเเน่ใจว่า ต้นกล้าเเข็งเเรงดีเเล้วค่อยเอาลงปลูกครับ.เเต่ช่วงที่ออกยอดอ่อนใหม่ๆระวังพวกหอยทากหรือเเมลงมากัดยอดด้วยนะครับ เพราะว่าช่วงนั้นยอดจะสวยน่ากินกับน้ำพริกมากเลย วิธีการเพาะต้นกล้าเองมีข้อดีคือต้นทุนต่ำครับถึงจะปลูกเยอะเป็นร้อยสองร้อยต้น ผมว่าต้นทุนยังไงก็ไม่เกินต้นล่ะ10บาทหรอกครับ ที่สำคัญเรารู้ด้วยว่าต้นพันธ์ที่เราเพาะมันเกิดจากเม็ดเเบบไหน ตามปกติเเล้วเราจะคัดเม็ดพันธุ์ที่ใหญเเละสมบูรณ์มาเพาะเป็นต้นกล้าอยู่เเล้ว เเต่ถ้าไปชื้อต้นกล้าที่เค้าเพาะไว้ขายเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเม็ดที่เอามาเพาะเป็นเเบบไหนสมบูรณ์หรือปล่าว เท่าที่เห็นก็จะอยู่ที่ราคา20-40บาทก็มี การเพาะต้นกล้าเเล้วค่อยนำไปปลูกเราไม่ต้องเสียเม็ดเหมือนกับการปลูกเเบบฝังดิน ที่เคยเห็นการปลูกเเบบฝังดินจะใช้เม็ดประมาณ3เม็ดลงปลูกเลย เเล้วค่อยมาลุ้นเอาว่าจะขึ้นมากี่ต้น ถ้าขึ้นมาพร้อมกันสามต้นคงเเย่งอาหารกันน่าดู หรือไม่ขึ้นเลยเราก็จะเสียเวลามาปลูกซ่อมอีก การเลือกชื้อเม็ดมาเพาะก็ต้องระวังด้วยนะครับถ้าเป็นไปได้ไม่ควรใช้เม็ดที่เก็บไว้ข้ามปีมาเพาะ เพราะว่าเปอร์เซ็นต์การงอกจะต่ำกว่าเม็ดที่ออกปีต่อปีครับ เม็ดพันธุ์มาหลากหลายราคาก่อนจะชื้อก็สอบถามให้เเน่ใจก่อนนะครับว่าราคาเท่าไหร่ เพราะว่าผมเคยเห็นที่เค้าออกมาขายกันเป็นเม็ดพันธุ์ของเวียดนามจะตกอยู่ที่เม็ดล่ะประมาณ4-5บาท ส่วนของไทยเราจะขายเม็ดพันธุ์กันอยู่ที่ราคา200-300บาทต่อกิโล(เป็นเม็ดที่เค้าคัดเเล้วนะครับเหมาะสำหรับไปเพาะต้นกล้า) เม็ดพันธุ์สำหรับนำไปเพาะต้นกล้าที่ดีใน1กิโลกรัม ไม่ควรเกิน150เม็ดครับ เเต่ที่ส่วนผมจะคัดอยู่ที่ประมาณ110เม็ดถึง130เม็ดต่อกิโล อาจจะมากหรือน้อยกว่านี้นิดหน่อยครับขึ้นอยู่กับขนาดของเม็ดด้วย พันธุ์ที่นิยมปลูกกันมากในไทยก็มีพันธุ์ของศรีสะเกษ60กับศรีสะเกษ601 เเละก็ศิริชัยครับ เเต่ที่สวนผมปลูกพันธุ์ของทางภาคใต้ ไม่เเน่ใจว่าของเกาะพยามระนองหรือปล่าว เนื่องจากคนที่ริเริ่มปลูกคนเเรกๆเค้าเอามาจากภาคใต้ แต่ปัจจุบันเสียชีวิตไปหลายสิบปีเเล้วครับ มะม่วงหิมพานต์นับว่าเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ที่ให้ราคาได้ดีมากตัวหนึ่ง มากกว่าราคาข้าวด้วยซ้ำถ้าเทียบราคาเเละปริมาณในการขาย ข้าว1ตันขายได้อย่างมากก็20000หมื่น นี้ให้ราคาเเพงสุดๆเลย แต่มะม่วงหิมพานต์1ตันขายได้ขั้นต่ำ35000 นี้คิดเเค่ราคา35บาทต่อกิโลนะครับ เเต่อาจจะมากหรือน้อยกว่านี้ตามความต้องการของตลาด บางปีโดดไปที่กิโลกรัม60ถึง65บาทก็มี นี้ยังไม่รวมถึงราคาที่แปรรูปเเล้วนะครับที่กี่โลละ4ถึง5ร้อยบาทต่อกิโลขึ้นอยู่กับเกรดของเม็ดมะม่วงด้วย ที่บอกราคามานี้ไม่ได้หมายความว่าให้เลิกทำไร่ทำนาเเล้วมาปลูกมะม่วงหิมพานต์กันนะครับ เพียงเเต่ผมยกตัวอย่างให้เห็นภาพเท่านั้นเอง การปลูกมะม่วงหิมพานต์ไม่ต้องไปทำสัญญาชื้อขายจากใครทั้งนั้นครับ ใครให้ราคาดีกว่าก็ขายให้คนนั้นไป ราคาไม่ดีก็เก็บไว้ได้เป็นปีไม่เน่าเสียด้วย รอขายจนกว่าจะได้ราคาที่พอใจ คนสนใจสอบถามได้ครับยินดีให้ครับปรึกษาผมไม่เก่งแต่ยินดีแบ่งปันข้อมูลครับ