19 ธ.ค. 2018 เวลา 12:25 • ประวัติศาสตร์
นักแม่นปืนแห่งยุคคาวบอย ตอนที่ 2 Billy the Kid
บิลลี่นั้นแม้เขาจะมีชื่อเสียง แต่ก็มีอายุที่สั้นมาก และช่วงอายุที่แสนสั้นของเขา ก็ได้แต่วนเวียนเข้าออกคุกเป็นว่าเล่น
ชื่อจริงๆของบิลลี่เดอะคิด ตอนเกิดก็คือ เฮนรี่ แมคคาร์ที (Henry McCarty) เกิดเมื่อปี 1859 มีอีกชื่อหนึ่งก็คือ วิลเลียม เอช บอนนี่
แมคคาร์ทีป็นเด็กกำพร้า เมื่อเขาอายุได้ 14 ปี แมคคาร์ทีได้เข้าทำงานในหอพักแห่งหนึ่งซึ่งเจ้าของหอก็ให้เขาพักแลกกับการทำงานช่วยที่นั่น
เขาถูกจับครั้งแรกเมื่ออายุ 16 ปี ในข้อหาขโมยอาหาร สิบวันต่อมาเขาก็ไปปล้นร้านซักรีดของชาวจีนอีก และก็ถูกจับ แต่ก็หนีออกมาได้ภายในสองวัน
แมคคาร์ทีหนีไปอยู่กับพ่อเลี้ยง แต่ก็อยู่ได้ไม่นานก็ถูกพ่อเลี้ยงไล่ตะเพิด แต่แมคคาร์ทีไม่ได้ออกไปมือเปล่า เขาขโมยเสื้อผ้าและปืนจากพ่อเลี้ยงด้วย
หลังจากนั้น แมคคาร์ทีได้ย้ายถิ่นฐานจากเขต นิวแม็กซิโก สู่เขตแอริโซน่า แล้วได้ทำงานในบ่อนพนันแห่งหนึ่ง
ปี 1876 แมคคาร์ทีถูกจ้างมาช่วยงานในฟาร์มปศุสัตว์ของ เฮนรี่ ฮุคเกอ Henry Hooker ที่นั่นเขาก็ได้พบกับอดีตนายทหารม้าของ U.S. ชาวสก็อต ที่เป็นอาชญากรตัวเบ้ง ชื่อว่า John R. Mackie
ดูเหมือนว่าทั้งเฮนรี่และจอห์น จะเข้ากันได้ดีมากๆ จอห์นได้สอนวิถีแห่งอาชญากรให้กับเฮนรี่ และเฮนรี่ก็เชื่อฟังคำสั่งเขา
อยู่กับคนแบบไหนก็เป็นคนแบบนั้น ทั้งสองคนนี้ได้ช่วยกันขโมยม้าในแคมป์ทหารที่อยู่ใกล้ๆ
Henry Hooker
17 สิงหาคม 1877 แมคคาร์ทีได้สัมผัสความรู้สึกของการฆ่าคนเป็นครั้งแรก เขาทะเลาะกับช่างตีเหล็กในร้านเหล้า Saloon หมู่บ้าน Bonita
ทีแรกก็แค่มีปากเสียงกันเฉยๆ ฝ่ายช่างตีเหล็กด่าแมคคาร์ทีว่า "Pimp" แปลไทยก็ ไอ้แมงดา/หน้าตัวเมีย แมคคาร์ทีก็ด่าช่างตีเหล็กกลับว่า "Son of a bitch" แปลตรงๆก็ไอ้***แม่
สถานการณ์เริ่มไม่ดีขึ้นเรื่อยๆ ปากเสียงเริ่มรุนแรง ฝ่ายช่างตีเหล็กได้เข้าไปหาตัวแมคคาร์ทีและทุ่มเขาลงกับพื้น จังหวะเหมือนกับในหนังคือ ปืนพกหล่นออกจากตัวแมคคาร์ทีจากการทุ่มลงพื้น
เห็นดังนั้น ทั้งสองฝ่ายก็รีบกระโจนเข้าหาปืนบนพื้น แต่ด้วยความไวของแมคคาร์ทีทำให้เขาได้ปืนและยิงช่างตีเหล็กลงไปนอนจมกองเลือด มีผู้เห็นเหตุการณ์เป็นพยานกล่าวว่า
"เฮนรี่เขาไม่มีทางเลือก เขาเพียงแค่ป้องกันตัวเอง" หลังการยิง เขาก็หนีหาที่ซ่อน แต่ก็ถูกตำรวจตาม แมคคาร์ทีไหวตัวทันจึงหนีออกไปก่อนถูกตามจับตัว โดยการขโมยม้า
แมคคาร์ทีควบม้าหนีจากแอริโซน่า ไปยังนิวแม็กซิโก แต่ระหว่างทางเขาถูกชนเผ่าพื้นเมือง อาปาเช่ ดักปล้นเอาม้าไป ทำให้ต้องเดินทางต่อด้วยเท้าเปล่ากว่าหลายสิบไมล์ จนเดินมาถึงหมูบ้า Pecos Valley เขาทั้งหิว ทั้งเหนื่อย ใกล้ตายเต็มที
แต่ก็ยังมีแรงเหลือพอที่จะเดินไปหาเพื่อน จอห์น โจนส์ แห่งแก๊ง Seven Rivers Warriors แม่ของจอห์นได้ช่วยดูแลรักษา ปฐมพยาบาลให้กับแมคคาร์ทีจนเขากลับมาหายดี
เขาก็ได้เข้ากลุ่มกับพวก Cattle Rustlers และบุกเข้าไปยังที่อยู่ของเผ่า อาปาเช่ ปล้นวัวปล้นควายร่วมกับแก๊ง จนได้ออกข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น นับแต่นั้นมา เขาได้เปลี่ยนชื่อและเรียกตัวเองว่า วิลเลียม เอช บอนนี่ William H. Bonney
1
วีรกรรมที่สร้างชื่อเสียงให้เขาที่สุดคงเป็น การมีส่วนร่วมกับสงคราม Lincoln County ในนิวแม็กซิโก ต่อไปนี้ขอเรียกว่าบิลลี่นะครับ
บิลลี่ได้เข้าร่วมสงครามเมืองครั้งนี้โดยอยู่ฝั่งของนายห้าง จอห์น ทอนสตัล John Tunstall แต่จอห์นก็ถูกสังหารไปและได้ตั้งแก๊งขึ้นมาใหม่ ในนามว่า The Regulators
สงครามครั้งนี้เป็นความขัดแย้งกันระหว่างมือปืนสองแก๊งระหว่าง มือปืนฝ่ายนายห้าง โดแลน Dolan และมือปืนฝั่งนายห้างจอห์น ซึ่งเนื้อหาเต็มๆมันยาวมาก ไว้จะเขียนถึงในโอกาสต่อไปนะครับ
หลังจากจบสงครามความขัดแย้งระหว่างแก๊ง เขาถูกตั้งค่าหัวถึง 500 เหรียญ ซึ่งในสมัยนั้นคือ เยอะมากๆ ทำให้ชื่อเสียงของเขายิ่งโด่งดังขึ้นไปอีก
ผู้ว่าของนิวแม็กซิโกได้ยื่นข้อเสนอให้กับบิลลี่ว่า ถ้าหากเขายอมมอบตัว ผู้ว่าจะรับประกันความปลอดภัยให้เขาเอง ซึ่งบิลลี่ก็ยอมมอบตัวนะ
แต่ในขณะไต่สวนคดีความ เขากลับถูกหักหลังโดยทนายที่ว่าความให้เขา ทำให้บิลลี่ถูกจำคุกรอประหารทันที แต่คุกก็เอาเขาไม่อยู่ บิลลี่แหกคุกออกมาได้ และหลบหนีได้ถึงสามเดือน ก่อนที่นายอำเภอ แพต แกเร็ต Patt Garret จะเจอตามตัวและย่องเข้าไปยิงเขาตอนกลางคืน
บิลลี่ เดอะ คิด เสียชีวิตในวัย 21 ปีเพียงเท่านั้น ภายหลังทางการถูกก่นด่าจากประชาชนอย่างมากเพราะการเข้าไปลอบยิงนั้นมันไม่ใช่วิสัยของ"ลูกผู้ชาย" ในสมัยนั้นเลย
เรื่องมันไม่จบเพียงเท่านี้ ด้วยความเป็นคนดังของเขาในตอนนั้น ก็มีคนมากมายแอบอ้างตัวว่าเป็นบิลลี่หลังข่าวการเสียชีวิตของตัวจริง เกิดเป็นข้อประเด็นถกเถียงกันมาอย่างยาวนานถึงการเสียชีวิตของบิลลี่
ร่างของบิลลี่ได้ถูกนำไปฝังไว้ที่ Fort Sumner รัฐนิวเม็กซิโก ด้วยความที่เป็นคนดังแห่งยุคสมัยจึงไม่แปลกที่จะมีคน “อ้างว่า” เคยพบเห็นวิญญาณของบิลลี่ลอยวนเวียนอยู่บริเวณที่ถูกยิงตาย ซึ่งไม่ห่างจากหลุมฝังศพ ตรงจุดที่บิลลี่ถูกยิงนั้นถูกปรับปรุงให้เป็นอาคารที่พักอาศัยตั้งแต่ในช่วงทศวรรษ 1900 ภายหลังก็มีเรื่องเล่าว่ามีผู้ได้ยินเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังออกมาในยามค่ำคืนและเสียงตะโกนด้วยความโกรธแค้นว่า “มันลอบยิงฉัน” จากนั้นก็จะได้ยินเสียงเหมือนคนดิ้นอย่างรุนแรงจนพื้นสั่นสะเทือนไปทั้งบ้าน แค่นั้นยังไม่พอ มีคนอ้างว่าได้พบกับร่างของบิลลี่เดินไปมาบริเวณรอบสุสาน ใส่เสื้อผ้าขนาดใหญ่จนทำให้ดูเหมือนกับเป็นเด็กใส่ชุดผู้ใหญ่ไม่มีผิด ซึ่งก็ตรงกับคำบอกเล่าของผู้ที่ฝังศพให้กับบิลลี่เป๊ะๆ ซึ่งผู้คนที่ได้พบเห็นวิญญาณของบิลลี่ก็ต่างพากันร่ำลือว่าวิญญาณของบิลลี่ยังคงอาฆาตเจ้าหน้าที่รัฐที่ลอบยิงแทนที่จะสู้กันซึ่งๆ หน้า จนเวลาล่วงเลยมาถึงทศวรรษ 1950 เสียงร่ำลือเรื่องการเห็นวิญญาณของบิลลี่ เดอะ คิดก็เงียบหายไป
เรื่องราวของเขา ถูกนำไปทำเป็นสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ภาพยนต์ สารคดี การ์ตูน เพลง กระทั่งเป็นตัวละครในอนิเมะทางฝั่งญี่ปุ่น ซึ่งก็ไปตามหามารับชมได้ครับ
หลุมศพของบิลลี่เดอะคิด
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย : ฉายาอีกชื่อที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้กันมากของบิลลี่ก็คือ ไอ้แพะ หรือ ไอ้ลูกแพะ อีกนัยหนึ่งก็คือลูกปีศาจ เพราะในศาสนาคริสต์ ซาตานมีลักษณะคล้ายกับแพะ แถม บิลลี่ยังเคยไว้เครายาวเหมือนกับแพะด้วย
ถ้าชอบเรื่องราวแบบนี้ อย่าลืมกดติดตามไว้ จะได้ไม่พลาดเรื่องใหม่ๆ กดไลค์เพื่อให้กำลังใจผู้เขียน กดแชร์ให้เพื่อนๆได้อ่าน และคอมเม้นด้านล่างคุยกันได้ครับ
ตอนต่อไปพบจะเป็นเรื่องราวของ สองพี่น้อง เจสซี และ แฟรงค์ เจมส์ โจรปล้นรถไฟที่เรื่องราวของเขาถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนต์
โฆษณา