24 ธ.ค. 2018 เวลา 06:12
เด็กหนุ่มผู้มีความมุ่งมั่นและวิสัยทัศน์ที่แน่วแน่ในอุตสาหกรรมใหม่ที่กำลังก่อตัว : Bill Gates (Ep2)
ในช่วงปลายศตวรรษที่ 1960 คอมพิวเตอร์เริ่มเข้ามามีบทบาทต่อวงการธุรกิจมากขึ้น แต่ในเวลานั้นคอมพิวเตอร์ยังอยู่ในยุคของเมนเฟรม
เครื่องแต่ละเครื่องมีขนาดใหญ่และราคาแพง เครื่องคอมพิวเตอร์หนึ่งเครื่องอาจจะกินพื้นที่ของห้องทั้งห้อง บริษัทที่มีบทบาทต่ออุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์เป็นอย่างมากในเวลานั้นคือ IBM
ช่วงนี้เอง วิลเลี่ยม เฮนรี่ เกตส์ บุตรชายคนที่ 2 ของครอบครัวนักกฎหมายที่มีชื่อเสียงทางสังคมในเมืองซีแอตเติล รัฐวอชิงตัน ได้ถือกำเนิดขึ้นในปี 1955
จะว่าเขาโชคดีที่ได้เกิดในยุคนั้นก็ไม่ใช่ เพราะในแต่ละยุคก็มีเทคโนโลยีและเรื่องราวใหม่ๆ เกิดขึ้นเสมอ...
ยุคนั้นคอมพิวเตอร์กำลังมา แต่ยุคนี้ถึงแม้ว่าคอมพิวเตอร์มาแล้ว และใครๆก็รู้ว่าบล็อกเชนและ AI กำลังเกิด เราจะทำอย่างไรต่อไปขึ้นอยู่กับวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นของแต่ละคน
ลองมาศึกษาความคิดและวิสัยทัศน์ของ บิล เกตส์ กันว่าในช่วงนั้นเขาคิดและทำอย่างไรกับความคิดและความฝันของเขา
ดูเฮียพอล อัลเลน กับ บิล เกตส์ สองคู่หูแห่งเลคไซด์สคูลสิ ทั้งสองกำลังสนุกกับเครื่องเทเลไทป์ อุปกรณ์ยุคแรกๆ ที่ใช้ติดต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ระดับเมนเฟรม
ตอนนั้นอัลเลนเพิ่งอายุ 15 และบิล เกตส์ อายุแค่ 13
ดูแล้วก็กลับมาถามตัวเองว่าตอนอายุ 13 ฉันไปทำอะไรอยู่ที่ไหนเนี่ย...เฮ่อออออ
บิล เกตส์เป็นเด็กที่ฉลาดและมีความมุ่งมั่น เขามักจะขลุกอยู่กับกองหนังสือหรือสิ่งที่เขาสนใจเป็นเวลานานโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง
เมื่ออายุ 11 ปี พ่อและแม่ของเขาก็ส่งเขาเข้าไปเรียนที่โรงเรียนเลคไซค์ซึ่งเป็นโรงเรียนชายล้วนที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของเมือง และที่นี่เองที่ทำให้บิลเกตส์ได้รู้จักกับโลกของคอมพิวเตอร์ เนื่องจากที่นี่มีคอมพิวเตอร์เก่าๆ อยู่เครื่องหนึ่งซึ่งซื้อด้วยเงินบริจาคของกลุ่มผู้ปกครอง
เมื่อผู้บริหารของโรงเรียนตัดสินใจจะเพิ่มหลักสูตรทางด้านความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ให้กับนักเรียน แต่เนื่องจากคอมพิวเตอร์สมัยนั้นมีราคาแพง ทางโรงเรียนจึงตัดสินใจใช้วิธีที่เรียกว่า Time Sharing ซึ่งเป็นวิธีการเช่าเวลาใช้งานของเครื่องคอมพิวเตอร์จากบริษัทหรือองค์กรที่มีคอมพิวเตอร์เป็นของตนเอง...
ผู้เช่าเวลาสามารถสื่อสารกับคอมพิวเตอร์ได้ผ่านทางสายโทรศัพท์...ค่าเช่าสมัยนั้นตกประมาณชั่วโมงละ 40 เหรียญซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ค่อนข้างแพง แต่ถ้าเทียบกับการที่ต้องไปซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยตัวเองก็นับว่าถูกมาก
คอมพิวเตอร์ในยุคแรกที่บิลเกตส์รู้จักเป็นคอมพิวเตอร์ในรูปแบบของ"เทเลไทป์" ที่เชื่อมต่อการใช้คอมพิวเตอร์เครื่องเดียวพร้อมกันหลายๆ คนด้วยโทรศัพท์...
หัวใจของเครื่องรุ่นนี้ก็คือมันเป็นเครื่องพิมพ์ดีดที่บรรดานักเรียนสามารถกดคำสั่งส่งต่อไปยังคอมพิวเตอร์ คำตอบจะพิมพ์กลับมาบนม้วนกระดาษของเครื่องเทเลไทป์ กระบวนการค่อนข้างเยอะและเป็นภาระแก่ผู้ใช้แต่มันก็เปลี่ยนแปลงชีวิตทั้งชีวิตของเขา
แต่เนื่องจากคอมพิวเตอร์ยังเป็นเรื่องที่ใหม่มากสำหรับเด็กทุกคนในโรงเรียนรวมทั้งครูผู้สอนด้วย เกตส์, อัลเลน และเพื่อนอีกจำนวนหนึ่งที่หลงใหลในคอมพิวเตอร์ ต้องเรียนรู้สิ่งต่างๆ ด้วยตัวเองโดยการศึกษาจากคู่มือที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์เท่าที่จะหาได้ พวกเขาใช้เวลาเป็นวันๆ หมดไปกับการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ นี้
หน้าตาของเครื่องเทเลไทป์ ที่เหล่านักโปรแกรมเมอร์สมัยเริ่มแรกนิยมใช้
อัลเลนเพื่อนรุ่นพี่ของเขาหลงใหลในภาษาแอสแซมบลี แต่เกตส์ชอบภาษาเบสิคมากกว่า
หลังจากโรงเรียนเปิดหลักสูตรเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ได้เพียงไม่กี่เดือนก็ต้องเรียกพ่อแม่ของเกตส์และอัลเลนเข้าพบเนื่องจากทั้งสองคนใช้คอมพิวเตอร์เกินเวลาที่โรงเรียนกำหนดไปมาก
พ่อแม่ของเกตส์และพ่อแม่ของอัลเลน ไม่สามารถจ่ายค่าเวลาในการใช้คอมพิวเตอร์ของทั้งสองคนได้ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาพวกเขาทั้งสองจึงถูกควบคุมเวลาการใช้งานคอมพิวเตอร์อย่างเข้มงวด
แม้ว่าจะมีอุปสรรคแต่ความสนใจในคอมพิวเตอร์ของทั้งสองคนยังไม่ลดลง พวกเขารู้ว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ค่อนข้างหายากและการใช้คอมพิวเตอร์เป็นสิ่งที่มีราคาแพงมากสำหรับคนในวัยเช่นพวกเขา แต่ในไม่ช้าพวกเขาก็ค้นพบสถานที่ที่พวกเขาสามารถใช้คอมพิวเตอร์ได้อย่างไม่จำกัดเวลาโดยไม่คาดหมาย
คุณเคยเจอประโยคที่ว่า...
"ต่อให้เจอทางตัน...แต่น้ำก็ยังมีที่ไปเสมอ" ไหม
ประโยคนี้น่าจะใช้อธิบายเหตุการณ์นี้ได้เป็นอย่างดี...เพราะทั้งสองไม่ได้ย่อท้อต่อเหตุการณ์นี้เลย...
...หลังจากถูกจำกัดชั่วโมงการใช้งาน เกตส์และ อัลเลน ก็พยายามหาทางออก เมื่อเขาได้ข่าวว่าบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยวอชิงตันกลุ่มหนึ่งจัดตั้งบริษัทคอมพิวเตอร์เซ็นเตอร์คอร์ปอร์เรชั่นโดยใช้เครื่อง PDP-10 ที่เขาเคยใช้ที่โรงเรียนมาเป็นศูนย์กลางในการเปิดบริการเช่าเวลาการใช้คอมพิวเตอร์ให้แก่บริษัทอื่น
พวกเขาจึงไม่รีรอที่จะเข้าแนะนำตัวและพิสูจน์ให้บริษัทเห็นว่าเขาทั้ง 2 รู้จักเครื่อง PDP-10 ของดิจิตอลมากเพียงใด
ในที่สุดทางบริษัทคอมพิวเตอร์เซ็นเตอร์คอร์ปอร์เรชั่นได้ตกลงให้เกตส์และอัลเลนสามารถใช้เครื่องคอมพิวเตอร์มากเท่าที่เขาทั้งสองต้องการแลกกับการที่ต้องคอยบอกรายละเอียดเกี่ยวกับบั๊กของเครื่องให้กับทางบริษัททราบเพื่อทางบริษัทจะได้รายงานไปยังบริษัทดิจิตอลเจ้าของเครื่อง เพื่อจะได้ยืดเวลาชำระค่าเครื่องคอมพิวเตอร์
หน้าตาเครื่อง PDP-10 คอมพิวเตอร์ยอดนิยมสมัยนั้น
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาหลังเลิกเรียนเกตส์, อัลเลน พร้อมเพื่อนอีก 2 คนคือ ริค เวย์แลนด์ และ เคนท์ อีแวนส์ ก็จะถีบจักรยานมาที่บริษัทคอมพิวเตอร์เซ็นเตอร์คอร์ปอเรชั่นเพื่อเริ่มต้นทำงานกับเครื่องเทเลไทป์จนดึกทุกคืน
งานที่พวกเขาทำช่วงนี้ เช่นการพัฒนาโปรแกรมสำหรับคิดเงินเดือน รวมถึงการตรวจสอบการทำงานแบบใหม่ด้วยคอมพิวเตอร์ของโรงไฟฟ้าตามแนวพรมแดนรัฐโอเรกอน
อย่างที่บอกไว้ตอนแรกว่าทางบริษัทคอมพิวเตอร์เซ็นเตอร์คอร์ปอร์เรชั่นยอมให้บิล เกตส์และเพื่อนๆ เข้าไปนั่งทำงานเพื่อให้สามารถค้นพบบั๊กในซอฟต์แวร์ของเครื่อง PDP-10 ทางบริษัทจะได้ยืดเวลาในการชำระเงินค่าเครื่องดังกล่าวออกไป...
แต่ดิจิตอลบริษัทเจ้าของเครื่องก็ไม่ใช่บริษัทธรรมดาที่จะให้ใครมาลักไก่ได้ง่ายๆ เพราะในที่สุดเขาก็บีบให้คอมพิวเตอร์เซ็นเตอร์คอร์ปอร์เรชั่นจ่ายเงินค่าเครื่องที่นำมาใช้เป็นเวลานาน แต่คอมพิวเตอร์เซ็นเตอร์คอร์ปอร์เรชั่นปฏิเสธการจ่ายโดยอ้างว่าพวกเขาไม่มีเงินและยื่นล้มละลาย
ระหว่างที่เจ้าหนี้มาขนเครื่องกลับก็ต้องแปลกใจเมื่อพบเด็กหนุ่ม 2-3 คนกำลังทำงานอยู่กับเครื่องเทเลไทป์อย่างไม่สนใจว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น...
ขนาดที่ว่าเมื่อเจ้าหน้าที่ขนเก้าอี้ออกไปเด็กกลุ่มนี้ก็ยังยืนใช้เครื่องต่อจนกระทั่งเจ้าหน้าที่เข้ามาขนเอาเจ้าเครื่องเทเลไทป์ออกไปนั่นแหละพวกเขาจึงยอมเลิกรา
เกตส์ก็เป็นเหมือนโปรแกรมเมอร์ทั่วไปที่ชอบทดสอบวิชา มีข่าวว่าเกตส์เคยพยามเจาะระบบคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยวอชิงตันซึ่งเป็นผู้ดูแลเครือข่ายคอมพิวเตอร์แห่งชาติที่มีชื่อเรียกว่า “ไซเบอร์เน็ต”
แต่ความพยายามของเขาล้มเหลวและถูกจับได้ ทำให้ถูกลงโทษโดยการลงทัณฑ์บนและห้ามแตะต้องคอมพิวเตอร์อีกตลอดระยะเวลาที่เขาเรียนอยู่ในระดับ High School
ด้วยความที่ต้องห่างจากคอมพิวเตอร์ในระยะนั้น...หลังจากจบการศึกษาจากเลคไซด์ เกตส์จึงตัดสินใจเรียนต่อที่ฮาร์วาร์ดตามแบบนักธุรกิจส่วนใหญ่ที่เขารู้จักซึ่งมักจะเรียนจบจากที่นี่ โดยเขาหวังว่าจะเป็นนักธุรกิจที่ดีเช่นเดียวกับคนเหล่านั้น
แต่สิ่งที่น่าแปลกใจสำหรับเพื่อนๆ คือเขาเลือกเรียนทางด้านกฎหมายตามแบบพ่อ ซึ่งครอบครัวเชื่อว่าเป็นอาชีพที่มั่นคง สำหรับเกตส์แล้วตอนนั้นเป็นช่วงที่เขาสับสนและไม่รู้ว่าชีวิตต้องการอะไรกันแน่
ชีวิตของบิลเกตส์ในฮาเวิร์ดมหาวิทยาลัยอันเลื่องชื่อจะเป็นอย่างไร... หลายคนคงรู้แล้วว่าเขาเรียนไม่จบและต้องลาออกกลางคันแต่มันเกิดอะไรขึ้นบ้างระหว่างนั้น...รอติดตามตอนต่อไปนะคะ...

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา