24 ธ.ค. 2018 เวลา 12:20 • ประวัติศาสตร์
นักแม่นปืนแห่งยุคคาวบอย ตอนที่ 3 สองเสือโจรปล้นรถไฟ พี่น้อง แฟรงค์ และ เจสซี่ เจมส์ Frank and Jesse James
เจสซี่ (ซ้าย)​ และ แฟรงค์ (ขวา)​
1 ในขุนโจรแห่งยุคสมัยคาวบอยที่มีชื่อเสียงที่สุด คงเป็นสองพี่น้อง James ที่ขึ้นชื่อเรื่องความโหด
แต่ก่อนที่พวกเขาจะโหด และเลือดเย็นนั้น สองพี่น้องนี้ก็มีอีกด้าน ที่เรียกได้ว่าเป็นโรบินฮูดเลยก็ว่าได้
จากวีรกรรมที่ปล้นคนรวย ช่วยคนจน ทำให้สองพี่น้องนี้เป็นที่รักของคนบางกลุ่ม
อเล็กซานเดอร์ แฟรงค์ลิน เจมส์ เกิดเมื่อวันที่ 10 มกราคม 1843 ส่วนน้องชายของเขา เจสซี่ วูดสัน เจมส์ เกิดเมื่อ 5 กันยายน 1847 อายุห่างกันประมาณ 4 ปี
และยังมีน้องสาวอีกคนชื่อว่า ซูซาน ลาเวเนีย เจมส์ โดยพ่อของพวกเขา คือ โรเบิร์ต ซัลลี่ เจมส์ เป็นหนึ่งในผู้แสวงหาทองในยุคตื่นทอง แต่เขาก็ตายลงไปเมื่อเจสซี่อายุได้ 3 ชวบ
แม่ของพวกคือนาง เซเรลด้า เจมส์ หลังจากโรเบิร์ตตาย นางเซเรลด้าก็ได้แต่งงานใหม่ถึงสองครั้งด้วยกัน ครั้งแรก แต่งกับนาย เบนจามิน ปี 1852 แต่อยู่ได้ไม่นานก็เลิกรากันไป และแต่งงานใหม่กับด็อกเตอร์ ริวเบ็น แซมูแอล
เจสซี่และแฟรงค์ กับแม่ของเขา นางเซเรลด้า
ช่วงสงครามกลางเมือง Civil War ความขัดแย้งระหว่างทหารฝ่ายเหนือและใต้ เป็นช่วงที่ทั้งสองพี่น้องได้หล่อหลอมประสบการณ์ ทำให้เขากลายเป็นโจร
หลังสงครามจบลง เจสซี่และแฟรงค์ได้ปล้นธนาคาร เคลย์ เคาท์ตี้ เซฟวิ่ง แอสโซซิเอชั่น ในเมืองมิสซูรี่ ในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 1866 เพราะว่าเจ้าของธนาคารนี้ เป็นอดีตนายทหารที่อยู่คนละฝ่ายกับพวกสองพี่น้องในช่วงสงคราม
พวกเขากวาดเงินไปได้กว่า 6 พันเหรียญ เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครออกตามไล่ล่าสองพี่น้องหลังเกิดการปล้นธนาคาร แต่ด้วยความฉลาดของเจสซี่ จึงเหมือนพวกเขาหายไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่สามารถตามตัวคนปล้นได้
เมื่อสงครามสิ้นสุด ทหารฝ่ายใต้ได้รับนิรโทษกรรม พร้อมทั้งสองพี่น้องที่ได้สร้างวีกรรมไว้มากมายร่วมกับกลุ่ม Quantrill's Raiders ก็ได้ถูกนิรโทษกรรมด้วย
เจสซี่ได้ขี่ม้า ชูธงขาวเป็นสัญลักษณ์ว่ายอมแพ้ แต่ชาวเมืองเล็กซิงตัน มิสซูรี่ กลับไม่ยอมให้อภัย และยิงเจสซี่เข้าที่กลางหน้าอก
แม้ว่าเจสซี่ถูกยิง เขาก็มีสติพอที่จะควบม้าหนีออกไป จนม้าหมดแรง จากวิ่งเป็นเดินเหยาะๆ ร่างของเจสซี่ที่ไร้สติพร้อมกับเลือดอาบอยู่บนหลังม้าถูกพบโดยชาวไร่คนหนึ่งนอกเมืองเล็กซิงตัน
ชาวไร่คนนั้น็ได้ช่วยปฐมพยาบาลแล้วพาเจสซี่กลับเข้าเมือง แต่อาการเขาก็หนักหนาสาหัสเหลือเกิน ดูท่าจะไม่รอด แต่ด้วยปาฏิหารย์ เจสซี่ก็รอดกลับมาได้
หลังจากถูกยิง เจสซี่ต้องใช้เวลาพักฟื้นร่างกายถึงสองเดือน แต่ในหัวเขาก็ได้แต่คิดถึงการแก้แค้นเมืองเล็กซิงตัน
และก็ได้วางแผนปล้นธนาคารในเมืองนั้น โกยเงินให้หายแค้นที่โดนยิงจนเกือบตาย
ประมาณเดือนตุลาคม 1866 เจสซี่และแฟรงค์ พร้อมพรรคพวกได้ลงมือปล้นธนาคารของเมืองเล็กซิงตัน กวาดเงินไป 2 พันกว่าเหรียญ ก็คิดได้ว่า เงินแค่นี้เมื่อแบ่งกันกับพรรคพวกแล้ว
มันไม่พอใช้หรอก หลังจากที่แบ่งเงินกันเสร็จ การวางแผนการปล้นครั้งต่อไปก็เริ่มขึ้นทันที โดยคราวนี้ตั้งเป้าไปที่เมืองริชมอนด์
ในชณะนั้น ประชาชนเมืองริชมอนด์ เป็นหนี้ธนาคารกันแทบจะทุกครัวเรือน เพราะพิษของสงครามกลางเมือง โดยทหารเข้ามาโจมตี แถมยังปล้นเอาของ เอาเงินทองไปอีก ชาวบ้านก็เลยต้องกู้ธนาคารสร้างฐานะกันใหม่
ไม่พอ ธนาคารก็ปล่อยกู้กับดอกเบี้ยที่แสนหน้าเลือดซะเหลือเกิน พอพวกสองพี่น้องเจมส์ลงมือปล้นธนาคารริชมอนด์ สองพี่น้องจึงได้ใจพวกชาวเมืองริชมอนด์ไปเต็มๆ
หลังจากการปล้น สองพี่น้องเจมส์ก็ได้กบดาน และย้านถิ่นฐานไปเคนตั๊กกี้ และได้พบเพื่อนเก่าสมัยเป็นทหารช่วงสงครามที่รบร่วมเป็นร่วมตายกันมา คือ จอร์จ และจอร์จก็พาพวกทหารเก่ามาสมทบอีก 1 คนคือ โคล ยังเกอร์
ในเดือนมีนาคม 1868 แก๊งสองพี่น้องได้ลงมืออีกครั้งในตอนบ่ายๆ โดยให้สมาชิกหน้าใหม่อย่าง โคล ยังเกอร์ เดินเข้าไปแลกเงินในธนาคารแบบเนียนๆ กว่าพวกชาวบ้านจะรู้ตัว แก๊งสองพี่น้องก็ได้เข้ายึดธนาคารและกวาดเงินไปซะเกลี้ยง
แต่การปล้นครั้งนั้นก็ได้ทิ้งเบาะแสไว้อย่างหนึ่ง เพราะมีเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง จำหน้านายจอร์จได้ ทางเข้าหน้าที่จึงยกพวกไปที่บ้านไร่ของจอร์จ สมาชิกแก๊งของสองพี่น้อง
เมื่อถึงหน้าบ้าน เจ้าหน้าที่ก็ตะโกนว่า ออกมามอบตัวซะ ทางเจ้าหน้าที่ได้ล้อมไว้หมดแล้ว
สองพี่น้องและพรรคพวกได้ยินดังนั้นจึงตอบกลับทางเจ้าหน้าที่ด้วยเสียงปืน และควบม้าชิ่งออกมา ยกเว้นจอร์จที่เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ซะอย่างนั้น เค้าถูกจำคุกสามปี สองพี่น้องจึงต้องหลบไปกบดานกับแม่ซักพักหนึ่ง
กบดานได้ไม่นาน ด้วยความเคยตัว ไม่ทำมาหากินสุจริต เพราะการปล้นเอามันหาเงินได้ง่ายกว่า ในเดือนธันวาคม ปี 1869 พวกเขาจึงลงมือปล้นอีกครั้งหนึ่ง ที่ธนาคารเดวิส เคาท์ตี้ เมืองคัลลาติน
ในธนาคารแห่งนั้น มีพนักงานคนหนึ่ง ดันไปมีหน้าตาละม้ายคล้ายกับเพื่อนรักของเจสซี่ในสมัยสงครามที่ร่วมรบด้วยกันมาที่ตายไปแล้ว เจสซี่เลยจัดลูกตะกั่วไปให้คนที่หน้าคล้ายเพื่อนของเขาไป 1 นัดเข้ากลางหน้าอก และก็กอบเงินเข้าถุง
ส่วนแฟรงค์ก็เตรียม ควบม้าหนี แต่เพราะเสียงปืนดัง ทำให้ชาวบ้านกรูกันออกมาที่ถนนดูว่าเกิดอะไรขึ้น
เจสซี่โกยเงินมาได้แค่ 700 เหรียญก็ต้องรีบหนี ในชณะที่กระโดดขึ้นหลังม้า ม้าเจ้ากรรมดันตกใจเสียงปืนวิ่งหนีเสียก่อน ทำให้เจสซี่ถูกม้าลากไปหลายฟุตก่อนตกลงมาทีพื้น
แฟรงค์เห็นท่าไม่ดีจึงควบม้ากลับมาช่วยไว้ได้ทัน และม้าตัวที่ตื่นเตลิดเสียงปืนกลายเป็นหลักฐานสำคัญที่สาวถึงตัวเจ้าของม้าได้ และนี่เป็นครั้งแรกที่ชื่อของสองพี่น้องขุนโจร เจมส์ และแฟรงค์ ถูกประกาศและตั้งค่าหัวนับแต่นั้น
หนังสือพิมพ์ แคนวัสซิตี้ไทม์ ได้ลงเรื่องราวประวัติสองพี่น้องอย่างละเอียดเท่าที่จะหามาได้ และออกประกาศจับตั้งค่าหัวถึง 5 พันเหรียญ ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย
เมื่อชื่อ หน้าตา ประวัติถูกเปิดเผย สองพี่น้องก็ต้องย้ายที่กบดานไป และเขียนจดหมายไปปฏิเสธความเป็นโจรกับหนังสือพิมพ์แคนซัสซิตี้ไทม์ ซึ่ง บก.ของหนังสือพิมพ์นี้เป็นพวกฝ่ายใต้ เกลียดฝ่ายเหนือเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงลงจดหมายของสองพี่น้องนี้ในหนังสือพิมพ์
ประชาชนที่นิยมฝ่ายใต้ก็เชื่อจริงๆ ว่า สองพี่น้องนี้โดนใส่ความ
ผ่านไปปีกว่า เดือนมิถุนายน 1871 แฟรงค์และเจสซี่ก็ลงมือปล้นธนาคารโดรีดอน รัฐไอโอว่า กวาดเงินมาได้ 6 พันเหรียญ และยังไม่สาแก่ใจ หยุดพักไปตั้งปีกว่า ขอประกาศศักดาหน่อยเถอะ ว่าแล้วสองพี่น้องก็เปิดประตูโบสถ์ ตะโกนว่า ธนาคารเมืองพวกเอ็ง โดนข้าปล้นแล้วว่ะ
แล้วก็ควบม้าพร้อมยิงปืนขึ้นฟ้าจากเมืองไป ปล่อยให้ชาวเมืองยืนงงอยู่พักนึงก่อนที่จะได้สติ วิ่งกันไปมาวุ่นวาย หลังการปล้นครั้งนี้ พวกเขาได้สมาชิกเพิ่ม วัย 13 ปี เป็นน้องของ โคล ยังเกอร์ ร่วมทีม
บรรดาผู้คนที่เคียดแค้นสองพี่น้องนี้ โดยเฉพาะนายธนาคารทั้งได้ อดรนทนไม่ไหว จึงได้รวมตัวกัน ลงขันจ้างสำนักงานนักสืบ พิงเกอร์ตัน ในชิคาโก เพื่อให้ตามสืบและจัดการกับเจสซี่ แฟรงค์ และพรรคพวก
อลัน พิงเกอร์ตัน หัวหน้าสำนักงานสิบก็เหมือนส้มหล่น เพราะพวกนายธนาคารนั้นต่างมีเงิน ค่าจ้างงานนี้เลยเรียกได้แพงมากๆ เงินที่ได้มาเขาก็เอาไปจ้างคนมีฝีมือ และลูกน้อง ส่วนตัวอลันอยู่เบื้องหลังคอยคุมอีกที
แต่พวกที่อลันจ้างก็มันจะทำผิดพลาด คว้าน้ำเหลวตลอด เพราะความหัวไวกับความเก่งกาจของสองพี่น้องที่หลบหนีไปได้ตลอด
มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เจสซี่เจอตัวนักสืบของอลัน แล้วเดินเข้าไปทักทายพร้อมเล่าเบาะแสเกี่ยวกับสองโจรพี่น้อง(แบบหลอกๆ) ให้นักสืบฟัง นักสืบก็เชื่อเสียด้วยและตามไปหาเบาะแส ทั้งๆที่ตัวจริงก็อยู่ตรงหน้าเขานั่นแท้ๆ
หลังจากนั้นเจสซี่ก็ส่งจดหมายเล่าเรื่องนักสืบคนนั้นไปให้หนังสือพิมพ์ลงข่าวอีกด้วยว่า จำข้าได้ไหมพ่อนักสืบ
เป็นเวลากว่าสองปีที่สำนักงานสืบพิงเกอร์ตันคว้าน้ำเหลว เพราะหาเบาะแสสองพี่น้องไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์หรือแม้แต่ชาวบ้าน ก็ช่วยกันปกป้องสองขุนโจรพี่น้อง ไม่ให้ความร่วมมือในการสืบเลย
และในปี 1873 สองพี่น้องก็ได้ลงมืออีกครั้งหนึ่ง คราวนี้เป็นการปล้นรถไฟขนทองสายตะวันตกโดยการถอดรางรถไฟออก เมื่อรถไฟมาถึงจุด พนักงานขับรถไฟเห็นว่ารางหายไปจึงดึงเบรคสุดแรง แต่ทว่าไม่ทันการ รถไฟตกราง พนักงานขับรถเสียชีวิต เจสซี่และพรรคพวกก็เดินขึ้นมาหวังจะโกยทอง
แต่ที่ไหนได้ รถไฟลำนี้เป็นรถขนผู้โดยสาร ไม่ใช่ขนทอง ปล้นผิดคันไปซะได้ เพราะความสะเพร่าของลูกน้องที่หาข่าว สองพี่น้องและพรรคพวกจึงเปลี่ยนเป้า มาปลดทรัพย์ผู้โดยสารรถไฟทีละรายๆแทน
6 เดือนต่อมาหลังจากกบดาน สองพี่น้องก็ได้ลงมือปล้นอีกครั้ง โดยครั้งนี้เขาทำการจี้พนักงานคุมสถานีแก๊ดฮิล แล้วสับรางรถไฟให้รถเลี้ยวเข้าไปทางโรงเลื่อยร้าง พนักงานขับรถไฟเห็นรางถูกสับเปลี่ยนทางก็ทำการจอดแวะที่สถานี เพื่อเช็คกับเจ้าหน้าที่ทางสถานี
พวกสองพี่น้องที่ดักรออยู่ก็ทำการจับพนักงานขับรถไฟมัดไว้ และไปเดินไล่ปล้นผู้คนบนรถไฟโดยสาร โดยเลือกปล้นเฉพาะคนที่ดูดี ดูมีตังค์เท่านั้นอีกด้วย พอปล้นเสร็จก็ยังเขียนข้อความฝากให้ผู้โดยสาร ส่งให้หนังสือพิมพ์ ซึ่งข้อความที่เขาเขียนบรรยายถึงแผนการปล้นรถไฟ และลักษณะรูปพรรณของแก๊งโจรปล้นรถไฟแบบหลอกๆเอาไว้
นักสืบอลันพิงเกอร์ตั้น ที่คว้าน้ำเหลวมาตลอดหลายปีก็ยิ่งหัวร้อนเมื่อได้ข่าวเกี่ยวกับโจรกลุ่มนี้ เขาจึงไปร้องเรียน ต่อว่าผู้ว่าการรัฐมิสซูรี่ว่าทางการ ปกป้องโจร จนมีอำนาจเหนือรัฐ เนื่องจากข่าวแพร่ไปไว ผู้ว่าการก็ไม่อยากให้มีข่าวเสียกับตัวเอง จึงเข้าสภานิติบัญญัติ อนุมัติงบประมาณปราบโจรถึง 1 หมื่นเหรียญเพื่อรักษาชื่อเสียงของผู้ว่าและภาครัฐ และให้เงินสวัสดิการแก่ครอบครัวเจ้าหน้าที่ ที่เสียชีวิตในหน้าที่อีกด้วย
แต่ดูเหมือนว่าจะอนุมัติงบช้าไปหน่อย เหล่าพลพรรคนักปล้นของสองพี่น้องก็หนีไปกบดานที่ดัลลัส พร้อมกับพากันสร้างครอบครัว แต่งงานที่นั่น สเวยสุขกับเงินที่ปล้นมาอย่างสบายใจ
1875 นักสืบพิงเกอร์ตัน ได้ค้นพบเบาะแสเกี่ยวกับแม่ของสองพี่น้อง นางเซเรลด้า เลยนำกำลังไปล้อมบ้านนางเซเรลด้าไว้เพื่อหวังจะเค้นเอาข้อมูล ลูกน้องของพิงเกอร์ตั้นแอบเอาระเบิดใส่กองถ่านหินที่บ้านนางเซเรลด้าไว้ ซึ่งต่อมามันก็ระเบิดเพราะมีคนงานของเซเรลด้าโกยถ่านไปใส่เตา นางเซเรลด้าบาดเจ็บจนถึงกับต้องตัดแขนขวาทิ้ง ลูกชายที่เกิดกับสามีใหม่วัย 9 เก้า และสามีก็โดนลูกหลงอีกด้วย
ทำให้พวกนักสืบพิงเกอร์ตั้นโดนประนามการกระทำให้ครั้งนี้อย่างหนัก
1876 สองพี่น้องเจมส์และพรรคพวก ประกอบไปด้วยเจสซี่และแฟรงค์ เจมส์ สามพี่น้องยังเกอร์ และชาร์ลี ฟิตต์ ลงมือปล้นธนาคารในเมืองนอร์ธฟิลด์ แฟรงค์และพรรคพวกยิงปืนขึ้นฟ้า สร้างสถานการณ์และความตื่นตระหนกให้ชาวเมือง ส่วนเจสซี่และพวกที่เหลือ ก็บุกเข้าไปในธนาคารเพื่อกวาดเงิน แต่ก็เสียเวลาไปกับการเปิดตู้เซฟอยู่พักใหญ่
ปกติ แผนยิงปืนขึ้นฟ้าสร้างความแตกตื่นให้ผู้คนในเมืองจะได้ผล เพราะคนในเมืองอื่นๆที่เคยปล้นมาก่อนจะหลบเข้าบ้าน แต่ผิดกับเมืองนี้ ที่ชาวบ้านกลับหยิบปืนขึ้นมายิงสู้ ทั้งปืนสั้นปืนยาน เมื่อเห็นท่าไม่ดี เจสซี่จึงสั่งให้พรรคพวกถอยทันที ชาวเมืองก็ทำการแจ้งเจ้าหน้าที่ นายอำเภอเมืองอื่นดัก สกัดจับเหล่าเสือปล้น และจัดกองกำลังอาสาสมัครล่าโจรออกตามไล่ล่าแก๊งค์สองพี่น้องทันที
แก๊งของเจสซี่และแฟรงค์หนีได้กว่า 7 วันก็ถูกตามเจอ พวกเขาโดนกองกำลังอาสาสมัครเปิดฉากยิง ดวลปืนกันกับเหล่าแก๊งค์โจร เมื่อพวกเขาโดนล้อม สองพี่น้องเจสซี่และแฟรงค์ตัดสินใจควบม้าตีฝ่าวงล้อมหนีออกไปอย่างบ้าระห่ำ สามพี่น้องยังเกอร์และ ชาร์ลี ฟิตต์ เห็นดังนั้นหวังจะทำตาม แต่ชาร์ลีโดนสอยร่วง สามพี่น้องก็ยอมจำนน ถูกพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต แฟรงค์และเจสซี่หนีรอดไปได้อย่างทุลักทุเล
พักเรื่องปล้นไปอีกสองปี สองเสือปล้นพี่น้องคู่นี้ก็รวบรวมพรรคพวกใหม่และปล้นอีกครั้ง โดยเน้นปล้นรถไฟ ปล้นแต่ละครั้งก็กวาดทรัพย์สินไม่ค่อยมากเหมือนเมื่อก่อน แต่มีครั้งหนึ่งปล้นรถไฟที่เกรนเดล ได้เงินไปกว่า 6 พันเหรียญ ได้ลงข่าวใหญ่ แถมลูกน้องก็ถูกจับเพราะผู้โดยสารจำหน้าได้ และการปล้นอีกครั้งที่ลงข่าวคือ ปล้นรถไฟใกล้เมืองวินสตัน สาเหตุที่เป็นข่าวเพราะ เจสซี่ฆ่าผู้บริสุทธ์ พนักงานตรวจตั๋วกับผู้โดยสารตาย
หลังจากครั้งนั้น แฟรงค์ผู้พี่ก็คิดได้ว่า ถึงคราวที่จะต้องวางมือ ก่อนที่จะไม่ได้มีชีวิตยืนยาวไปกว่านี้ และตัดสินใจหันหลังให้กับการปล้น ส่วนเจสซี่ผู้น้อง ยังคงเดินทางสายปล้นต่อไป เขาได้ไปหาพรรคพวกใหม่ ซึ่งก็คือ บ็อบ ฟอร์ด และ ชาร์ลีย์ ฟอร์ด ร่วมกันปล้นไม่กี่ครั้ง
วันที่ 3 เมษายน 1882 บ็อบ ฟอร์ด ได้เดินทางมาหาเจสซี่ที่ห้องพักในโรงแรมแห่งหนึ่ง และยิงเข้าไปที่หลังหัวของเจสซี่ขณะเผลอ ทำให้เจสซี่เสียชีวิตทันที ว่ากันว่าที่บ็อบยิงเขาก็เพื่อเอาเงินค่าหัวเจสซี่ บ้างก็ว่า 5 พันเหรียญ บ้างก็ว่า 1 หมื่นเหรียญ และปิดตำนานสองพี่น้องนักปล้นไว้แต่เพียงเท่านี้
ไม่สิ ยังไม่หมด ด้วยวีรกรรม ตำนานต่างๆยังเล่าขานถึงสองพี่น้องเสือปล้นนี้ไม่รู้จักจบ ทั้งการ์ตูน เพลง ภาพยนต์ต่างๆ แถมยังมีพิพิธภัณฑ์และฟาร์มให้เข้าเยี่ยมชมอีกต่างหาก พิพิธภัฑ์เจสซี่และแฟรงค์เจมส์ อยู่ที่เมืองแสตนตัน รัฐมิสซูรี่
มีข่าวลืออีกว่า เจสซี่ยังไม่ตาย และมีชีวิตยืนยาวถึงร้อยกว่าปี แถมมีภาพยืนยันว่ามีสุดยอดมือปืนแห่งยุคที่น่าจะตายไปหมดแล้ว มาอยู่พร้อมหน้ากันในวัยชรา!
จากภาพ ทางซ้ายคือ โคล ยังเกอร์ อายุ 127 ปี บิลลี่ เดอะคิด อายุ 90 ปี และเจสซี่เจมส์ อายุ 106 ปี?!
แล้วแต่วิจารณญาณของผู้อ่านนะครับ คงเป็นแค่ข่าวลือนั่นแหละ ถ้าชอบเรื่องราวแบบนี้กดติดตามไว้นะครับ จะได้ไม่พลาดตอนใหม่ ๆ และขออภัยด้วยครับที่หายไปหลายวัน จะพยายามอัพเดทนะครับ T^T
สามารถกดติดตามทางเพจเฟสบุ๊คได้นะครับ ตามลิ้งนี้
โฆษณา