4 ม.ค. 2019 เวลา 01:00 • การศึกษา
สร้างคอนเทนต์อย่างไรให้คนติดตาม (Storytelling)
เมื่อกันยายน 2017 ผมได้มีโอกาสไปฟังสัมมนาที่ YouTube Community (ปัจจุบันปิดตัวไปแล้ว) จัดหัวข้อคือ “เปิดศาสตร์เรียนเคล็ดลับการเล่าเรื่อง” บรรยายโดยคุณ Pippo ผู้ก่อตั้ง Storylog
ซึ่งประโยชน์ของการสัมมนานี้คือ ทำให้เราได้รู้ว่า การเล่าเรื่องมีประโยชน์อย่างไร สามารถนำไปใช้ในทุกสื่อได้ ไม่ว่าจะเป็น Blog, YouTube, Podcast ด้วยหลักการเดียวกัน
ผมนำมาเล่าต่ออาจจะตกหล่นรายละเอียดไปบ้าง แต่ใจความสำคัญยังอยู่ครบนะครับ (ฮา)
เราเคยสงสัยตัวเองไหมว่า ในเวลาที่เราเรียนหนังสือ ทำไมอะไรต่อมิอะไรมันจำยาก ต้องมีทวนก่อนสอบทุกครั้ง กลับมาถามเรื่องที่เคยเรียนไป สูตรแคลคูลัส อะไรพวกนี้ก็ลืมไปหมดแล้ว แต่ถ้าถามเรื่องการ์ตูน เรานี่จำกันแม่นเช่น ซากุรางิ ฮานามิจิ, รุคาว่า, มิสึอิ, อาจารย์อันไซ, โกคู, เบจิต้า, ฯลฯ
ทั้ง ๆ ที่ชื่อมันก็ไม่ใช่ภาษาไทยด้วยซ้ำ
แต่ที่เราจำกันได้เพราะ "เรื่องราว" ของมันทำให้เราสนใจ ติดตาม และจำได้แม้จะอ่าน หรือดูไปรอบเดียวก็ตาม
หลัก ๆ แล้วหนัง หรือนิยายก็จะมีโครงในการเล่าเรื่องเหมือนกันแบบที่เราได้ยินคำว่า 3 องก์คือ
1. ปูเรื่องเหตการณ์ (Setup)
2. เจอปัญหาขัดแย้ง (Conflict)
3. บทสรุปแก้ปัญหาได้สำเร็จ หรือล้มเหลว (Resolution)
โดยที่เราอาจจะวางพล๊อตโดยวาด Storyboard ยึดตาม 3 ข้อนี้เอาไว้ก่อนก็ได้ครับ หลังจากนั้น เราจะเพิ่มความน่าสนใจของเรื่องด้วยเทคนิค 5Cs
(ผมจำ 5Cs ของคุณ Pippo ไม่ได้เลยขออ้างจากเว็บ toppupmedia.com แทนนะครับ... อย่างที่บอกก่อนหน้าว่า ใจความเดียวกัน :D)
1. Circumstance สถานการณ์ช่วงที่เราต้องการเล่า ควรสามารถทำให้ผู้ชมสนใจภายใน 15 วินาทีแรก
2. Curiosity การดึงดูดให้ผู้ชมมีความอยากรู้ อยากดูต่อจนจบ
3. Characters การมีตัวละครให้คนจดจำเช่น พระเอกที่แสนดี นางเอกที่เรียบร้อย ผู้ร้ายที่ชั่วช้า
4. Conversation การสื่อสารกับผู้ชมให้ผู้ชมเข้าใจเรื่องที่เราต้องการสื่อ จะเป็นตลก หรือซึ้งกินใจก็ได้ เพราะแต่ละวัฒนธรรมก็ทำให้คนดูรับรู้อารมณ์ที่ต่างกัน เช่น บางทีเราดูตลกฝรั่ง เราก็ไม่ขำ แต่เราดูคนเอาถาดตีหัวกัน ดันตลกเฉย เป็นต้น
5. Conflict การเล่าเรื่องจะเกิดขึ้นได้ เมื่อเราเจอปัญหา และจบที่ทางแก้ว่าแก้ได้ไหม ดังนั้นตรงนี้จะเป็นจุดสำคัญในการนำทางไปสู่ตอนจบของเรื่อง
สุดท้ายปิดด้วยคลิปตัวอย่างนี้ที่มีครบทุกองค์ประกอบครับ
แม้จะเป็นเพลงแต่เราเข้าใจความหมาย มีเรื่องราว มีตัวละคร มีปัญหา มีความทำให้เราอยากดูจนจบ
ส่วนถ้าใครอยากเรียนเพิ่มเติม ลองดูได้ที่ YouTube Academy ที่ลิงค์ข้างล่างนี้ครับ
(หรือลองเซิร์ทหาสัมมนาของ คุณ Pippo ดูก็ได้ คิดว่าน่าจะมีจัดเรื่อย ๆ นะครับ)

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา