6 ม.ค. 2019 เวลา 10:41
สติ
มีเพื่อน 3 คนได้ร่วมกันเปิดสำนักงานที่ชั้น 60 ของอาคารแห่งหนึ่งเช้าวันหนึ่งทั้ง 3
ได้มาทำงานพร้อมกันแต่ลิฟต์ดันมาเสีย ทั้ง 3 จึงตัดสินใจเดินขึ้นเพราะอย่างไรก็มีเพื่อนเดินไปด้วยกัน
 
นายเอเห็นว่าเดินอย่างเดียวมันเหงา จึงเล่าเรื่องตลกให้เพื่อนฟังแก้เซ็งพอถึงชั้นที่ 20 เรื่องเล่าก็หมด
นายบีจึงขอร้องเพลงให้ฟังแก้เหงา ร้องไปทั้งเพลงสนุกๆ รักและเศร้าพอถึงชั้น 40 นายบีก็ไม่รู้จะร้องเพลงอะไรอีกแล้ว นายซีจึงขอเล่าประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาให้ฟัง ในที่สุดก็ถึงชั้น 60
นายเอถามว่าใครมีกุญแจออฟฟิศบ้าง เราเองนึกว่ามีคนอยู่ในบริษัทแล้วจึงไม่ได้เอามา
นายบีบอกว่าเราไม่ได้เอามานึกว่าพวกนายมีเสียอีก
นายซีบอกว่าเราให้น้องในบริษัทยืมไป แต่วันนี้มันลางานพอดีเลย
 
ถ้าเป็นคุณจะทำอย่างไร ?
1
นิทานเรื่องนี้ต้องการเตือนสติในพฤติกรรมการดำเนินชีวิต โดยแต่ละขั้นบันไดเปรียบเสมือนชีวิตของคน
 
จาก 0-20 ปี เราต่างมีชีวิตที่สนุกสนาน 20-40 ปีเรามีชีวิตที่ทั้งสนุกและทุกข์ปนๆ กันไป และเมื่ออายุล่วงเลยมาจวบจน 40-60 ปีเรากลับต้องมานั่งคิดถึงชีวิตที่ผิดพลั้งไป
 
"ชีวิตที่ผิดพลั้ง" เพราะการขาดสติในการดำเนินชีวิต หากเรานึกถึง กุญแจตั้งแต่ชั้นที่20 เราก็ยังมีเวลากลับไปเอากุญแจได้ทัน และไม่ต้องมานึกเสียดายเวลา
พระท่านหนึ่งได้ว่าไว้เกี่ยวกับสติว่า สติคือความรู้ตัว ทำหน้าที่ปลุกจิตของเราให้เป็นผู้ตื่น ผู้รู้ รู้ชัด รู้แจ้ง รู้ทัน สภาวะที่เกิดขึ้นกับตัวเองและเตรียมตัว เตรียมพร้อมที่จะเผชิญกับทุกสถานการณ์ที่ปรากฏขึ้นเฉพาะหน้า
 
ความรู้ตัว คือรู้ว่าปัจจุบันนี้ทำอะไรอยู่ แล้วตัวรู้ตัวเป็นเครื่องมือกำกับอิริยาบถกาย วาจา ใจ ให้ทำ พูด คิด ไม่ผิด เป็นตัวกระตุ้นความทรงจำให้มีประสิทธิภาพในการเก็บข้อมูลมากมาย ดังนั้นผู้มีสติจึงเป็นผู้ที่ทำ พูด คิด ไม่ผิดพลาด
 
คนมีสติสามารถหาคำตอบจากหนึ่งบวกหนึ่งออกมาเป็นสองได้อย่างไม่ผิดพลาด เรียกว่า ทำก็ไม่ผิด คิดก็ไม่ผิด อย่างนี้เรียกว่าเป็นการทำงานของสติ บวกสมาธิ เกิดปัญญา
 
คือผลของสติจะเป็นสมาธิ ผลของสมาธิจะเป็นปัญญา ดังนั้น ฝึกสติ เกิดสมาธิ เป็นปัญญา
 
ปัญญาจะมีที่ตั้งได้ต่อเมื่อที่ตั้งนั้นมั่นคง
 
สมาธิแปลว่าที่ตั้งแห่งความมั่นคง ฐานที่ตั้งแห่งความมั่นคงจะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อมีสติเป็นเครื่องรับรอง
1
สรุปว่ากระบวนการแห่งปัญญาเป็นผลแห่งการสันดาปของสติ เกิดสมาธิ แล้วปรากฏเป็นปัญญา
 
ดังนั้น สิ่งสำคัญอันดับแรกในการดำเนินชีวิตจึงไม่ใช่ปัญญา ไม่ใช่สมาธิ แต่มันคือสติ
 
ในทางกลับกัน การดำเนินชีวิตของคนเรามักจะคิดว่าเมื่ออายุยังน้อยไม่จำเป็นต้องเคร่งครัดกับชีวิต ทุกอย่างปล่อยให้มันเป็นไป โดยเฉพาะความหมกมุ่นกับความสุขต่างๆ ที่เป็นกิเลส เพราะมักเข้าข้างให้โอกาสแก่ตัวเองตลอดเวลาในทางที่ผิด
 
จนชีวิตล่วงเลย หมดเวลาที่จะให้โอกาสแก่ตัวเองอีกต่อไป เมื่อนั่นถึงจะคิดได้ว่า "เราช่างขาดสติในการดำเนินชีวิต"
คุณเคยสังเกตไหมว่า...เมื่อไหร่ก็ตามที่เราขาดสติไม่ว่าในเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว
ความเสียใจและเสียดายเวลาจะตามก้นเรามาติดๆ
ตอนนี้คุณกำลังทำอะไรอยู่ ?
โฆษณา