โดยเฉลี่ยแล้วคนที่เข้ามาดู Story ไม่มีการดูซ้ำ ถ้า Story เรื่องนั้นดูไปแล้ว คนเดิมที่ดูสตอรี่ก็จะดูเรื่องใหม่ นั่นหมายความว่าเราไม่จำเป็นต้องทำเรื่องราวใน Story นั้นให้มันดีเลิศเหมือนกับพวก Content ที่มีคุณภาพ เพราะช่องทาง Story เหมือนสื่อไปในทาง “เฮ้ยเพื่อน มีอะไรจะบอกว่ะ”
เว้นแต่ว่ามีคนแคปหน้าจอแล้วเอาไปแชร์ในพื้นที่ Social Network ของตัวเอง ซึ่ง Story ที่โดนแชร์บ่อยๆมักจะเป็นสตอรี่ของคนดังๆ อย่างนักร้องไอดอลหรือดาราซะมากกว่า แต่ถ้าเป็นคนธรรมดาอย่างเราๆไม่ต้องหวังให้เกิดไวรัลอะไรหรอก
เพราะไม่ใช่ทุกคนที่อยากโพสอะไรแล้วจะเกิดไวรัล ปกติผู้โพสต์ทั่วไปถ้ามันโดนใจของคนอื่นมักจะแชร์ต่อจนเกิดเป็นไวรัล แต่ใน Story ต่อให้แชร์ มันก็แชร์ให้กับคนสนิทผ่านทางไดเร็คหรือทาง Message เท่านั้น ไม่ได้แชร์เข้าในโปรไฟล์ของตัวเอง เว้นแต่ว่าคุณแคปหน้าจอแล้วเอาไปแชร์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทางเจ้าของ Social Network เขาไม่ได้ต้องการให้คนแชร์แบบนั้นครับ
ฟังก์ชั่น Story ออกแบบมาเพื่อมือถืออย่างแท้จริง
โจทย์ของการเล่นสตอรี่คือ เรื่องราวของคุณจะต้องเต็มหน้าจอ ซึ่งเรื่องราวที่เต็มหน้าจอของสตอรี่ทำให้คนที่เข้ามาดูเรื่องราวได้รับอรรถรสมากที่สุด แม้ว่าต่อที่เราสามารถดูได้ผ่านทาง Browser ของ Facebook ใน PC แต่มันก็เล็กมากๆดูได้ไม่เต็มอิ่ม
และการใช้งาน Story จากมือถือ ดูเหมือนออกแบบมาเครื่องมือถืออย่างแท้จริงครับ เวลาเราจะแชร์ในอะไรในสตอรี่เพียงแค่ถ่ายรูปแล้วใส่แคปชั่นหรือตกแต่งอะไรนิดๆหน่อยๆตามที่อยากจะทำ แค่นี้ก็ได้ Story 1 Story แล้วครับ
อย่างเช่นเวลาออกไปเที่ยวหรือเวลาไปที่ที่เรารู้สึกตื่นเต้น แล้วเราอยากจะแชร์เรื่องราวนั้นให้เพื่อนๆๆที่ใกล้ตัวได้เห็น เราก็แค่ถ่ายรูปแล้วก็อัพขึ้น Story นั้นเลย มันง่ายมาก
หรือถ้าอยากให้สตอรี่มันสวยๆเราก็เอาพวก G I F มาประดับตกแต่ง หรืออยากจะใส่แคปชั่นอะไรก็ใส่ไป ซึ่งผมมองว่าการที่ Sorry มันก็ง่ายนะใช้ก็ง่ายด้วยเอออยากจะพูดอะไรก็พูดไปเลย
ปัจจุบันตอนนี้ Story เปิดโอกาสให้คนที่เข้ามาอ่านตอบคำถาม หรือตอบโพล หรือจะถามคำถาม
นับวันสตอรี่เริ่มพัฒนาตัวเองมากขึ้นจากแต่ก่อนแค่ถ่ายรูปหรือคลิปวีดีโอที่อยากจะพูดในตอนนั้นว่าอยากจะพูดอะไร ตอนนี้มีฟังชั่นที่ให้คนที่เข้ามาดูสตอรี่สามารถมีปฏิสัมพันธ์กับเจ้าของ Story นั้นได้ด้วย อย่างเช่นตอบคำถามที่ถาม ตอบโพล หรือจะถามคำถาม สามารถทำได้หมด
เราสามารถกำหนดความส่วนตัวให้กับคนดู Story ของเราได้ด้วย
สำหรับฟีเจอร์การกำหนดความส่วนตัวผมยกให้ Social Network อื่นๆที่ให้บริการสตอรี่ที่ไม่ใช่ Facebook คือ Facebook การจัดการความส่วนตัวมันค่อนข้างหยาบกระด้างมาก เพราะมันมี Public Friend แล้วก็ไม่ให้ดูเป็นรายชื่อบุคคล ถ้าปรับแล้วมันจะส่งผลกระทบทั้งหมดกับ Story ที่เราลง อย่าง Story บางเรื่องเราก็ไม่ได้ให้คนนี้ดู ถ้าต่อไปกลายเป็นว่าทุกคนไม่ได้ดู