7 ม.ค. 2019 เวลา 03:11 • ความคิดเห็น
อยากสมัครงานเป็น Content creator ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
สำหรับเพื่อนๆคนไหนที่อยากจะสมัครงานในตำแหน่ง Content creator กับ Digital Content Agency ในประเทศไทย อยากรู้ว่าสมัครยังไงแล้วต้องเตรียมอะไรไปบ้างในบทความนี้เดี๋ยวผมจะเล่าวิธีการเตรียมตัวการสมัครงานเป็น Content creator นะครับ
สิ่งที่ควรรู้ก่อนจะทำงานเป็น Content creator
งาน Content creator ในปัจจุบันไม่ใช่งานแบบ Journalist หรือไม่ใช่ Columnist อย่างที่หลายๆคนคุ้นเคยกัน แล้วก็ไม่ใช่ writer ด้วย ซึ่ง journalist Columnist หรือ writer มันคือส่วนหนึ่งของ Content creator ครับ ซึ่งส่วนหนึ่งที่ว่ามีประมาณแค่ 30% เท่านั้น
อีก 70% สำหรับ Content Creator มีอะไรบ้าง
จากประสบการณ์สัมภาษณ์งานใน Digital Content Agency คนที่จะเป็น Content creator ได้จะต้องมีทักษะอยู่กับตัวดังนี้
▶️ Graphic Designer สายจัดวาง Artwork, เขียนการ์ตูน, ทำ Infographic, ออกแบบเชิงสัญลักษณ์
▶️ Writer
▶️ Journalist
▶️ Columnist
▶️ Photographer
1
▶️ Cameraman
▶️ Video Editor
ฯลฯ
จริง ๆ อาจมีมากกว่านั้น ซึ่งทักษะเหล่านี้ที่ต้องมีเยอะมาก ๆ เพราะเป้าหมายของ Content creator ก็คือสร้าง Content อย่างสร้างสรรค์ให้กับ Digital Content Agency ประมาณว่าคุณจะทำยังไงก็ได้แต่มันต้องเป็นงานที่ผสมผสานระหว่างศิลปะและเนื้อหาที่เขียนเพื่อนคนที่เข้ามาดูเพจหรือเข้ามาอ่านรู้สึกพึงพอใจ
เพราะว่า Content ในสมัยนี้มันไม่ได้มีแค่ตัวหนังสือในนิตยสารเพียงอย่างเดียว ยังต้องมีรูปถ่ายรูปวาด รวมไปถึงการออกแบบเพื่อลง Content ตามแพลตฟอร์ม Social Network นั้น ๆ มันไม่ใช่นักข่าวหรือคอลัมนิสต์อย่างที่หลายๆคนรู้จัก
ถ้าสรุปง่ายๆคือ ทำ Content ในทุกรูปแบบ ทักษะต่าง ๆ ไม่ต้องเด่นด้านใดด้านหนึ่งก็ได้ แต่ขอให้เป็นทุกอย่าง แล้วสิ่งที่เด่นจริงๆก็คือ “เนื้อหา” ที่นำเสนอ
จะว่าไป Content creator มันคืออาชีพที่คล้ายคลึงกับศิลปิน ที่เขามีแนวคิดเป็นของตัวเองแล้วแสดงออกทางศิลปะได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะงานปั้นไม่ว่าจะงานแกะสลักไม่ว่าจ้างงานจิตรกรรม เป็นต้น
เขียน Resume ให้เข้าใจง่ายใน 1 กระดาษ A4 พร้อมกับแนบลิงค์เพจหรือบล็อกที่ทำ Content
คำว่าค่าของคนอยู่ที่ผลของงานยังใช้ได้กับการสมัครงานในทุกๆสาย ซึ่งรวมถึงงานสาย Content creator ด้วย Resume เป็นเหมือนหน้าตาของเรา ซึ่งต้องทำให้กระชับและเข้าใจง่ายภายใน 1 หน้ากระดาษ A4
สิ่งที่ต้องมีใน Resume
▶️ ประวัติทั่วไป อย่าง ชื่อ นามสกุล เพศ ฯลฯ
▶️ แนะนำตัวเองสั้น ๆ อย่างมีไลฟ์สไตล์อย่างไร ชอบอะไร มีอะไรเป็น Passion
▶️ การศึกษา (เอาแค่ม.ปลายกับมหาวิทยาลัย)
▶️ ประวัติการทำงาน
▶️ ประวัติการอบรมและเกียรติประวัติ (ถ้าไปประกวดแล้วได้รางวัล) (ถ้ามี)
▶️ กราฟวัดความเก่งของตัวเอง เอาให้เข้าใจง่าย
Social Network ที่เล่น (เดี๋ยวนี้ HR เค้าคัดคนด้วยการดู Social Network คนมี Social Network ที่เปิดแบบสาธารณะอย่างน้อย 1 ตัว)
ผมแนะนำว่า Resume ควรออกแบบสวย ๆ ใน Illustrator จะดีมาก
Portfolio เป็นบล็อกของเราทั้งเพจ, YouTube, ฯลฯ
ถ้าอยากจะสมัครงานเป็น Content creator ควรมี Blog ที่เปิดอย่างน้อยครึ่งปี แล้วเป็นบล็อกที่สามารถเปิดดูได้เป็นลิงค์ เพื่อให้ทาง HR ตรวจสอบผลงานการสร้าง Content ของเรา ซึ่งบล็อกที่ว่าไม่จำเป็นต้องมีเยอะก็ได้เอาแค่ 1 บล็อกที่ดีที่สุด แล้วตั้งใจทำมากที่สุด โดยองค์ประกอบของบล็อกที่ HR คัดเลือกมีดังนี้ครับ
▶️ หัวข้อที่คิด
▶️ กลุ่มเป้าหมายชัดเจนไหม
▶️ มี Branding ที่ชัดเจนหรือไม่
▶️ การอัพสม่ำเสมอหรือเปล่า
▶️ มีการตอบ Comment หรือสร้าง Community ของบล็อกของเราระหว่าง Content Creator กับคนดูหรือไม่
ซึ่งบล็อกนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นบล็อกที่ดีเลิศถึงขนาดเข้าชิงพวก Blog award อะไรขนาดนั้น เอาแค่มีองค์ประกอบที่ดูแล้วมันเป็นบล็อกที่เราทำจริงๆก็พอ
ซึ่งรูปแบบบล็อกที่ผมแนะนำให้ทำคือ พวกเพจ Facebook เพราะในประเทศไทยคนเล่น Facebook เป็นอันดับ 1 แล้วพวกดิจิตอลคอนเทนต์เอเจนซี่ส่วนใหญ่มักจะลง Content ใน Facebook เป็นหลักอยู่แล้ว แล้วบล็อกใน Facebook ทาง HR จะตรวจสอบเรื่องของ
▶️ การทำ Content แบบอัลบั้ม
▶️ การทำ Video Content
▶️ การทำ Content รูปภาพ
▶️ การปฎิสัมพันธ์กับคนเข้ามา Comment
▶️ กลุ่มเป้าหมาย ฯลฯ
ย้ำอีกครั้งหนึ่งครับบล็อกของเราที่จะหน้าเป็นลิงค์ใส่ในอีเมลให้ HR ดูเอาแค่บล็อกที่ดีที่สุดแค่ 1 บล็อก
เขียน Email อย่างไรให้ HR อ่านและเรียกเราไปสัมภาษณ์
ตรงนี้เป็นส่วนที่ยากแล้วแต่ละคนว่าจะตกม้าตายกันตรงนี้ โดยเฉพาะบัณฑิตที่เพิ่งจบใหม่ๆแล้วกำลังจะสมัครงาน แต่ผมมีคำแนะนำง่ายๆครับ
ย่อหน้าแรก แนะนำชื่อ นามสกุล และบอกว่า “มาสมัครงานในตำแหน่ง Content Creator* ครับ/ค่ะ” *ชื่อตำแหน่งอาจจะเปลี่ยนแปลงตามบริษัทที่กำหนด
ย่อหน้าที่ 2 ให้เล่าว่า รู้จักบริษัทนี้จากที่ไหน และรู้จักประกาศสมัครงานจากแหล่งใด เช่น เว็บไซต์บริษัท หรือเว็บหางาน ไม่ต้องพิมพ์เยอะแบบอวย ๆ เอาตามที่รู้สึก
ย่อหน้าที่ 3 แนะนำตัวเองคร่าว ๆ ว่า เรียนจบอะไร ได้รางวัลประกวดอะไร ทำงานที่ไหนมาบ้าง มีประสบการณ์ทำงานมากี่ปี และที่สำคัญ ทำ Content ในบล็อกของตัวเองมากี่ปี
ย่อหน้าที่ 4 บอกเหตุผลที่อยากร่วมงานในบริษัทนั้น ๆ ให้มี Mindset ประมาณว่า “คุณมีค่าที่จะทำให้บริษัทได้รับผลกำไรหรืออะไรดี ๆ มากขึ้น” หรือ “อยากทำงานที่มันท้าทาย”
ย่อหน้าที่ 5 ทำอย่างไรก็ได้ให้ HR เข้าดูผลงานการเขียน Content เพิ่มเติม ซึ่งย่อหน้านี้ เชิญแนบเพจของตัวเองหรือ Content ที่มีผลตอบรับดี ๆ ตามสะดวก
ถ้าเขียนไปแล้ว และทาง HR เรียกสัมภาษณ์ ก็เข้าสู่ขั้นตอนต่อไปได้เลยครับ
*ตรงนี้บางบริษัทจะให้ Online Application Form (ใบสมัครงานแบบออนไลน์) มาให้เลย ซึ่งผู้สมัครก็กรอกใบสมัครงานได้เลย
สัมภาษณ์งาน
การสัมภาษณ์งาน เรื่องเวลานัดเป็นเรื่องที่สำคัญมาก นัดแล้วให้มาตรงเวลา ชุดที่สมัครงาน เป็นชุดเรียบร้อย ไม่ต้องถึงขนาดใส่สูทแบบ CEO (เพราะเราไม่ได้สมัครงานในตำแหน่ง Manager หรือพวกผู้บริหาร)
จากที่เคยไปสัมภาษณ์งานมา คนที่จะสัมภาษณ์เราก็เป็น Content Creator ในบริษัท ซึ่งสิ่งที่เขาจะถามมีดังนี้ครับ
แนะนำตัว
รู้จักบริษัทนี้ได้อย่างไร
ปกติเป็นคนชอบอะไร มี Passion เรื่องไหน
1
ทำ Blog มาแล้วกี่ปี
มีความรู้ด้าน Graphic Designer มาบ้างไหม
ถ่ายและตัดต่อวีดีโอเป็นไหม
ฯลฯ
ซึ่งคำถามแต่ละคำถามจะมาจาก resume หรือ portfolio ที่เราส่งไปให้ก่อนหน้านั้นครับ ซึ่งคนที่ถามจะถามแบบเจาะลึก บางทีถามคำถาม “ถ้าสมมติ…” ซึ่งเป็นคำถามเชิงแก้ไขปัญหา และหากถามแล้วจะมีการถามต่อเนื่องซ้ำซ้อนแบบเจาะลึก ตรงนี้ต้องเตรียมตัวมาอย่างดี
หลังจากที่ถามจบเรียบร้อยแล้วก็จะเป็นช่วงทำแบบทดสอบ ซึ่งแบบทดสอบคือให้สร้าง Content แบบคร่าว ๆ ลงกระดาษ ประมาณ 3 Content ในเวลาที่จำกัด ถ้าทำไม่เสร็จก็ไม่เป็นไรแต่อย่างน้อยก็มีความพยายามแล้ว ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ “การทำ Content แบบ Tie in” ประมาณว่า เราเล่าเรื่องราวอะไรก็แล้วแต่ แล้วอยู่ ๆ อันสุดท้ายก็มี Tie in เข้ามา
เมื่อสัมภาษณ์เสร็จเรียบร้อยแล้วให้รอประมาณ 1 สัปดาห์กว่า ๆ ถ้าทางบริษัทเรียกก็ยินดีด้วยครับ
งานนี้คู่แข่งเยอะมาก
ขอย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า Content specialist เป็นตำแหน่งงานที่ต้องมีความรู้รอบด้าน แล้วเป็นตำแหน่งงานที่คนหลายคนให้ความสนใจมากในตอนนี้ มีคนสมัครเป็น 30 กว่าคน แต่คัดเลือกเพียงแค่ 1 คนเท่านั้น ถ้าคุณได้คัดเลือก ก็ขอแสดงความยินดีด้วย แต่ถ้าไม่ ก็ไม่เป็นไร ลองสมัครงานใหม่ หรือขัดเกลาฝีมือทุ่มเทกับการทำ Blog ให้มากกว่าเดิมจนสามารถไปประกวดบล็อกได้ครับ
โฆษณา