12 ม.ค. 2019 เวลา 15:09 • ไลฟ์สไตล์
วันที่ผมหยุดการเชื่อมต่อฯ
กว่าจะรู้ตัว ผมก็ติดเนทติดมือถือและโซเชี่ยลอย่างหนักมากซะแล้ว
มากจนผมรู้สึกทนไม่ไหวกับสภาพเช่นนั้น....
ผมเลยตัดสินใจหยุดการใช้อินเตอร์เนททุกอย่าง.. ทั้งกูเกิ้ล เฟสบุ้ก ทวิตเตอร์ ไลน์ ข่าวสารออนไลน์ทุกสำนักฯ... ผม shut down เรียบหมด เหลือก็แต่เช็คอีเมล์ทาง PC เฉพาะเรื่องงาน
เหตุที่ผมหยุดฯเพราะรู้สึกว่าตัวเองติดมือถือและสื่อสังคมออนไลน์มากเกินไป...
“ความมากไป” นี่เองที่กระตุกต่อมคิดในใจผมว่า “เฮ้ย! มันชักไม่ดีแล้วหวะ... นี่มันกำลังทำให้ตัวเราเปลี่ยนไปจากเดิม” ...
ผมอยากได้ "เวลา" ที่มีอยู่ในชีวิตกลับคืนมาและอยากรู้ว่า ถ้าเราหยุดเล่นเนทแล้ว ชีวิตมันจะขาดใจลงไปไหม... ก็ในเมื่อแต่ก่อนตอนที่โลกเรายังไม่มีเนทกับสมาร์ทโฟนล้ำๆ เราก็อยู่ได้(นี่หว่า) แล้วทำไมจะใช้ชีวิตโดยไม่มีมันอีกครั้งไม่ได้ละ(วะ)
จากนั้นผมก็เริ่มปฏิบัติการหักดิบเป็นเวลา 7 วัน
ปฏิบัติการนี้เกิดในช่วงหยุดยาวพอดี ... และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมในช่วงนั้น
วันที่ 1 ... รู้สึกอึดอัดมาก เซ็ง ทรมาน เวลาผ่านไปช้าจริงๆ ... พยายามดูข่าวทางทีวีเพื่อฆ่าเวลาแทนทวิตเตอร์ ตอนเย็นเอาหนังสือเล่มที่อ่านค้างอยู่นานหลายเดือนมาอ่านจนจบเล่ม.. ง่วงตอนสี่ทุ่มกว่า .... นอนหลับสนิท
วันที่ 2... ความอึดอัด ทรมาน เพิ่มมากขึ้นกว่าวันแรกเท่านึง .... ผมดูรูปถ่ายเก่าๆในมือถือและไปขุดอัลบั้มภาพฟิล์มเมื่อสิบกว่าปีก่อนมาดูแก้เซ็ง....ตกเย็น เริ่มอ่านหนังสือเล่มที่ 2 ไปเกือบครึ่งเล่ม ... นอน 3 ทุ่มครั้งแรกในรอบหลายปี
วันที่ 3 ... เริ่มรู้สึกว่าตัวเอง”ตกข่าว” .... ไม่รู้เรื่องข่าวสำคัญๆที่คนในบ้านเมาส์กัน ... ไอค่อนไลน์หน้าจอมือถือขึ้นตัวเลขข้อความ 999+... โดยรวมความเบื่อเซ็งและความอยากเล่นเนทยังมีอยู่เท่ากับวันที่ 2 ... เลยออกไปดูหนังที่โรงหนัง 1 เรื่อง ขากลับแวะซื้อหนังแผ่นมาตุนไว้ ...ตอนกลางคืนอ่านหนังสือเล่มที่ 2 ไปจนเกือบจบ
วันที่ 4... ความอยากเล่นเนท และความอยากอ่านข่าวต่างๆลดลงกว่าเมื่อวาน ความทรมานและความเบื่อหายไปมากจนรู้สึกดีใจ ความหงุดหงิดตอนที่ว่างลดลง ... ดูหนังที่ซื้อมาจบไปอีก 1 เรื่อง .... ออกไปพรวนดินและตัดหญ้าในสวนเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี (มือระบม) ... นอนตอน 4 ทุ่มแบบสลบเหมือด
วันที่ 5 .... รู้สึกว่าหัวสมองโล่งตอนตื่น..ความอยากเล่นเนทลดลงมาก เริ่มรู้สึกดีที่ไม่ต้องรับรู้ข่าวสารมากมาย ... มีเวลาทำธุระส่วนตัวมากขึ้น อ่านหนังสือเล่มที่ 2 จนจบ และเริ่มอ่านหนังสือเล่มที่ 3 ... วันนี้นอนกลางวันทั้งวัน ส่วนมื้อเที่ยงและเย็น เดินเท้าออกไปหาอะไรกินที่ตลาดที่ห่างจากบ้านไป 700 เมตร... ถือเป็นครั้งแรกที่เดินไป เพราะตั้งใจฆ่าเวลาและออกกำลังกาย ... ก่อนนอนไหว้พระที่ห้องพระและสำรวจพระเครื่องที่สะสมไว้
วันที่ 6 ...วันนี้รู้สึกสบายมาก ชีวิตเหมือนเป็นโสดอีกครั้ง มีเวลามากขึ้น ขับรถไปหาแม่ที่บ้านพี่ แม่ถึงกับงง ถามว่ามีอะไรรึเปล่า เลยพาแม่ไปกินข้าวซะเลย ... เเม้มีบางช่วงจะคิดถึง fb และ line อยู่บ้างแต่ไม่ดูก็ทนไหว... ไม่ได้มีความอยากดูเหมือนก่อน
วันที่ 7 ...วันนี้ตื่นสาย นอนไปเกือบ 10 ชั่วโมง พอกินข้าวเสร็จขึ้นไปบนชั้นลอยเพื่อสวดมนต์... เพิ่งรู้วันนั้นว่าทำไมเรามีหนังสือสวดมนต์เป็นสิบๆเล่มเลยวะ แถมฝุ่นเขลอะทุกเล่ม ... ตอนบ่ายดูหนังที่ซื้อมาไปอีกเรื่อง ...
เกือบลืมไปเลยว่าวันนี้วันสุดท้ายของการงดเล่นเนท... แต่ในใจก็ไม่ได้ลิงโลดว่ากำลังจะได้กลับไปท่องเนทเหมือนเดิม ...อารมณ์ความรู้สึกคล้ายกับพระที่กำลังจะสึก... รู้สึกตัวอีกครั้งก็ง่วงมาก
วันที่ 8..... เฮ้ย!.. ครบ 7 วันแล้วเหรอ?
จากการประเมินตัวเอง ก็ยอมรับว่าในช่วง 2-3 วันแรกมันน่าเบื่อและทรมานมาก แต่หลังจากนั้น...จนถึงวันท้ายๆ.. ผมกลับรู้สึกถึงสิ่งดีๆที่ได้รับจาก"การหยุด" ครั้งนี้เพิ่มขึ้นหลายอย่าง...
ผมได้ทำอะไรที่ไม่เคยทำมากขึ้น ได้คุยกับแฟนมากขึ้น... รู้สึกว่าสมองโล่งขึ้น ...ผมได้เห็นอะไรหลายอย่างในสวนหน้าบ้านและสิ่งของภายในบ้าน...จากการทำความสะอาด ปัดกวาดเช็ดถู
ที่ชัดๆคือผมรู้สึกว่ามีเวลาว่างมากขึ้นเยอะ ... ผมได้อ่านหนังสือที่ซื้อมาเก็บจบไปถึง 2 เล่ม.... ได้ดูหนังไป 3-4 เรื่อง ...
สิ่งที่มีค่ามากที่สุดคือผมรู้สึกว่าผมกลับมาเป็นนายของ "เวลา" ที่ตนเองมี ... เวลาที่เจ้าอินเตอร์เนทแย่งผมไปนอนกกอยู่หลายปี.... และเพิ่งรู้ตัวว่าที่ผ่านมานับปี ผมอยู่ภายใต้อำนาจของ"มัน"...
นี่ถ้าผมแค่”ลด”...แต่”ไม่หยุด” ผมคงไม่ได้รับรู้ถึงอารมณ์หรือความสุขแบบที่กล่าวมาแน่ๆ....
สำหรับทุกท่านที่กำลังติดเนทแล้วอยากเปลี่ยนตัวเอง... ผมขอแนะนำให้ "หยุด" การเชื่อมต่อฯทุกช่องทางไปเลยครับ.. อย่าแค่ลด...(ส่วนจะกี่วันก็แล้วแต่ความเข้มของแต่ละท่าน)
ถ้าท่านทำได้ ท่านจะรู้เลยว่าที่ผ่านมาท่านเสียอะไรในชีวิตประจำวันให้กับอินเตอร์เนทบ้าง
ส่วนตัวผม หลังจากปฏิบัติการนี้สิ้นสุด ผมยังกลับมาเล่นเนทและโซเชี่ยลเช่นดิมแต่ที่แตกต่างจากเดิมคือความรู้สึกที่มีต่อมัน...
คือความรู้สึกแบบทาส เปลี่ยนกลับมาเป็นนาย ...
อยากรู้ว่าเป็นอย่างไร ต้องลองดูเองนะครับ
บทส่งท้าย : ทิม คุก (Tim Cook) ซีอีโอของ Apple เคยกล่าวไว้ว่า .. อนาคตอันใกล้นี้ อินเตอร์เนทจะหายไป... ทว่ามันไม่ได้สิ้นสลายไปไหน).เพราะมันจะเข้าไปอยู่ในลมหายใจของมนุษย์เราแทน...
โฆษณา