17 ม.ค. 2019 เวลา 06:00 • กีฬา
ชีวิตนี้ 'บาโลเตลลี่' จะได้เล่นฟุตบอลอย่างสงบๆ หรือไม่?
มาริโอ บาโลเตลลี่ ถือเป็นกองหน้าที่มีพรสวรรค์มากที่สุดคนหนึ่ง แต่เขาก็มักจะทำลายโอกาสที่ตัวเองได้รับอยู่เสมอๆ แล้วอย่างงี้ เขาจะมีโอกาสได้เล่นฟุตบอลอย่างสงบๆ อีกสักครั้งหรือไม่ หรือเจ้าตัวจะไม่มีโอกาสอย่างนั้นอีกแล้ว
มาริโอ บาโลเตลลี่ นั้นกำลังมีปัญหาในการลงเล่นฟุตบอลในฝรั่งเศส ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะมีปัญหาไปซะทุกที่ที่ไป มันจะพอมีที่ไหนบ้างหรือเปล่า ที่เจ้า ‘เกรียนโอ้’ จะได้เล่นฟุตบอลอย่างสบายใจ
ในตอนนี้ มีข่าวลือว่าหัวหอกทีมชาติอิตาลีอาจจะย้ายกลับมาเล่นในพรีเมียร์ลีก และทีมที่ตกเป็นข่าวกับเขาคือนิวคาสเซิล กับ เวสต์แฮม หรือไม่อย่างนั้น เจ้าตัวก็เตรียมจะย้ายไปเล่นกับมาร์กเซย ทีมที่ให้ความสนใจในตัวบาโลเตลลี่มาตั้งแต่ช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา
ทุกๆ สโมสรรู้ดีว่าการดึงตัวบาโลเตลลี่ไปนั้นมีความเสี่ยง แม้เจ้าตัวจะถือเป็นกองหน้าที่มีพรสวรรค์สูง แต่เขาก็เป็นคนที่คาดเดาพฤติกรรมได้ยากจริงๆ
ไม่เชื่อคุณก็ลองถามปาทริค วิเอร่า เจ้านายของบาโลเตลลี่ที่นีซ และเคยเป็นอดีตเพื่อนร่วมทีมกันดูสิ อดีตกองกลางของอาร์เซนอลบอกว่า หัวหอกจอมเกรียนรายนี้มีสภาพจิตใจเหมือนเด็กอายุ 16 ปี และคงจะทำตัวเหมือนว่าตัวเองเป็นวัยรุ่นไปจนถึงอายุ 45
ไม่รู้จักโต
หากไม่นับตอนที่เจ้าตัวลงเล่นให้กับสโมสรแรกอย่างอินเตอร์ มิลาน ทีมแรกที่เลือกที่จะลองเสี่ยงกับเกรียนโอ้ก็คือ แมนฯ ซิตี้ พวกเขายอมทุ่มเงิน 24 ล้านปอนด์ เพื่อคว้าตัวหัวหอกรายนี้มาจากทัพงูใหญ่ ในตอนที่มีอายุ 19 ปี
ซึ่งตอนที่อยู่อินเตอร์ มิลาน บาโลเตลลี่ก็เคยสวมใส่เสื้อของคู่ปรับร่วมเมืองอย่างเอซี มิลาน ออกโทรทัศน์ด้วย
ส่วนตอนที่บาโลเตลลี่ย้ายมาอยู่กับแมนฯ ซิตี้ หัวหอกผิวสีรายนี้ก็ทำให้ตัวเองเป็นที่รู้จักไปครึ่งอังกฤษ จากการจุดพลุในบ้านของตัวเอง จนเป็นข่าวโด่งดังไปทั่ว
ปีแรกที่เขาย้ายมาอยู่กับเรือใบสีฟ้า บาโลเตลลี่นั้นมีจำนวนใบเหลืองใบแดง มากกว่าจำนวนประตูที่เขาทำให้ทีมได้เสียอีก นอกจากนี้ เขายังไปมีส่วนร่วมกับเรื่องราวบ้าๆ อีกหลายเรื่องเลยทีเดียว
แต่ทว่าในปีที่สอง ที่เอติฮัด สเตเดี้ยม นั้นต่างออกไป
บาโลเตลลี่ทำประตูไป 17 ลูก จากทุกรายการที่ลงเล่นให้แมนฯ ซิตี้ และเป็นคนแอสซิสต์ให้เซร์จิโอ อเกวโร่ ทำประตูชัยในเกมพรีเมียร์ลีกนัดสุดท้ายกับควีนส์ปาร์ค จนช่วยให้ทัพเรือใบสีฟ้าคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยแรกได้สำเร็จ
ฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมในฤดูกาลนั้น ทำให้เจ้าตัวมีชื่อติดทีมชาติอิตาลีไปลุยศึกยูโร 2012 และเขาก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการพาอิตาลีเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศ และยังเป็นคนเหมา 2 ประตู ในเกมที่ชนะทีมชาติเยอรมนีในรอบตัดเชือกด้วย และนั่นก็ทำให้บาโลเตลลี่กลายเป็นหนึ่งในแข้งเนื้อหอมที่สุดในยุโรปคนหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม บาโลเตลลี่ก็มีปัญหากับแมนฯ ซิตี้ อีกครั้ง หลังเจ้าตัวนำเรื่องที่ตัวเองโดนปรับค่าเหนื่อย จากการที่ตัวเองไม่ค่อยมีระเบียบวินัย ไปฟ้องต่อศาลยุติธรรม
ที่สุดแล้ว บาโลเตลลี่ก็ถูกทัพเรือใบสีฟ้าขายให้กับเอซี มิลาน ในช่วงหน้าหนาวของปี 2013 แม้เขาจะจบไม่สวยนักกับแมนฯ ซิตี้ แต่โรแบร์โต้ มันชินี่ กุนซือของแมนฯ ซิตี้ ในตอนนั้น ก็บอกว่าดาวยิงเชื้อสายกาน่ารายนี้เป็นเหมือนลูกอีกคนของเขา
ส่วนช่วงเวลาที่เอซี มิลาน ต้องบอกเลยว่านั่นอาจจะเป็นช่วงที่ดีที่สุดในอาชีพของเจ้าตัวแล้ว ตลอดเวลา 1 ฤดูกาลครึ่งที่ซาน ซิโร่ บาโลเตลลี่ทำประตูไป 26 ลูก จากการลงสนามเป็นตัวจริง 37 เกม และที่นี่ก็ดูจะเป็นที่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับศูนย์หน้าทีมชาติอิตาลี
ผิดพลาดที่สุด
อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวได้ทำการตัดสินใจอย่างหนึ่ง ซึ่งเขาเองก็ได้นิยามมันว่าเป็นการตัดสินใจที่แย่ที่สุดในชีวิต และการตัดสินใจดังกล่าวก็คือ การย้ายไปทดแทนช่องว่างของหลุยส์ ซัวเรส ที่ลิเวอร์พูล
ที่แอนฟิลด์ บาโลเตลลี่ทำได้เพียง 4 ประตู จากการลงสนาม 27 เกม แม้ในฤดูกาลต่อมา เจ้าตัวจะย้ายกลับไปเล่นด้วยสัญญายืมตัวกับทัพปีศาจแดงดำ แต่เขาก็ไม่สามารถทำผลงานได้ดีเหมือนเดิมอีกแล้ว มันเหมือนกับว่าโลกของฟุตบอลจะไม่อดทนรอดาวยิงทีมชาติอิตาลีอีกแล้ว
แต่มันก็ยังมีสโมสรที่ยังกล้าเสี่ยงกับหัวหอกที่ไม่สามารถคาดเดาอะไรได้คนนี้อยู่ และทีมที่เลือกจะเสี่ยงกับบาโลเตลลี่ก็คือ นีซ ทีมดังจากลีก เอิง ที่ดึงบาโลเตลลี่มาร่วมทีมโดยไม่เสียค่าตัว
โอกาสอีกครั้ง
นีซมอบสัญญา 1 ปี ให้กับบาโลเตลลี่ และมันก็เหมือนเป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว ที่ดาวเตะเกรียนเทพรายนี้จะมีโอกาสพิสูจน์ตัวเอง
บาโลเตลลี่ทำผลงานได้น่าประทับใจในฤดูกาลแรกกับนีซ และนั่นทำให้สโมสรตัดสินใจมอบสัญญาฉบับใหม่ให้กับบาโลเตลลี่ และฤดูกาล 2017/18 ก็ถือเป็นฤดูกาลที่ดีที่สุดในอาชีพของเจ้าตัว ด้วยการทำประตูได้ถึง 26 ลูกจากทุกรายการ
หลังจบฤดูกาลดังกล่าว บาโลเตลลี่ตกเป็นข่าวจะไปเล่นกับมาร์กเซย แต่การเจรจาก็ล้มเหลว และเขาก็ตัดสินใจต่อสัญญากับนีซไปอีก 1 ปี
แต่ในฤดูกาลนี้ ดูเหมือนบาโลเตลลี่คนเดิมจะหายไปแล้ว เขายังทำประตูไม่ได้เลยในฤดูกาลนี้ และโดนใบเหลืองไปแล้ว 5 ใบด้วยกัน
และสถิติที่ย่ำแย่ดังกล่าว ก็ทำให้ปาทริค วิเอร่า กุนซือของนีซ รู้สึกอารมณ์เสียกับผลงานของเขามาก และนั่นก็หมายรวมไปถึงพฤติกรรมที่สุดคาดเดาของเจ้าตัวด้วย
ดูเหมือนว่าตอนนี้ อาจจะยังมีสโมสรหลายแห่งต้องการหัวหอกรายนี้ แต่มันก็มีเหตุผลมากมาย ที่ทำให้หลายๆ ทีมถอนความสนใจไป บาโลเตลลี่นั้นเป็นเหมือนระเบิดเวลา และพฤติกรรมเหล่านี้ก็อาจทำให้เจ้าตัวหมดโอกาสลงเล่นในลีกชั้นนำแล้ว หรือจะยังมีสโมสรที่กล้าเสี่ยงกับดาวยิงรายนี้อีกสักครั้ง
ยังไงก็ตาม ขอให้นายโชคดีแล้วกัน มาริโอ
โฆษณา