Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
วิเคราะห์บอลจริงจัง
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
14 ม.ค. 2019 เวลา 12:19 • กีฬา
การเปลี่ยนโลโก้ ไม่ใช่ "แค่" แต่มันคือสิ่งที่ผู้บริหารต้องคิด และวางแผนอย่างรอบคอบ เพื่อไม่ให้เกิดกระแสต่อต้าน เหมือนอย่างเคสของราชบุรี มิตรผล เอฟซี เมื่อราชันมังกร ตัดสินใจแปลงโฉมโลโก้ที่ใช้มายาวนาน
ในโลกของฟุตบอล การเปลี่ยนโลโก้สโมสร ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยนัก
เพราะโลโก้ คือสิ่งที่ทำให้ผู้คนจดจำสโมสร มันคือสัญลักษณ์ขององค์กร ที่สืบต่อกันมายาวนานหลายปี ดังนั้น การเปลี่ยนแปลง จึงมักเสี่ยงที่จะถูกต่อต้าน มากกว่าถูกยอมรับ
ตัวอย่างที่ดีของเคสนี้ คือ สโมสรลีดส์ ยูไนเต็ด ใช้โลโก้ "กุหลาบขาว" มาตั้งแต่ปี 1984 ใช้มายาวนานถึง 34 ปี แต่ในปีที่แล้ว ผู้บริหารทีม ตัดสินใจโละ กุหลาบขาวทิ้ง แล้วเปลี่ยนมาใช้ รูปผู้ชาย กำลังเอากำปั้นทุบหัวใจอยู่
ลีดส์พยายามจะบอกว่า โลโก้ใหม่ สื่อถึง "หัวใจของสโมสร คือ แฟนบอลของเรา" ซึ่งปรากฎว่า ไอเดียนี้ แฟนบอลลีดส์ ไม่เก็ตด้วย
กลุ่มแฟนบอล โมโหอย่างหนัก ก็โลโก้กุหลาบขาวมันสวยอยู่แล้ว จะไปเปลี่ยนทำไม ในเวลาไม่ถึง 1 วัน มีคนลงชื่อร่วมต่อต้านโลโก้ใหม่ ในอินเตอร์เน็ตเกิน 7 หมื่นคน
สุดท้าย ผู้บริหารสโมสรจึงยกเลิกไอเดียการเปลี่ยนโลโก้ทันที
แฟนบอล ถามผู้บริหารว่าคิดอะไรในหัว ถึงเปลี่ยนโลโก้ที่ใช้มาอย่างยาวนาน ปรากฎว่า ผู้บริหารตอบคำถามไม่ได้ ก็ได้แค่บอกไปว่า อยากจะฉลองวาระครบ 100 ปี ของสโมสร ด้วยการขอบคุณแฟนๆ ที่เป็นเหมือนหัวใจของทีม (ลีดส์ก่อตั้งในปี 1919)
ซึ่งเหตุผลนั้น มันไม่หนักแน่นพอที่จะโน้มน้าวแฟนๆให้เปลี่ยนโลโก้ได้ สุดท้าย อุตส่าห์เสียเวลาออกแบบมา ก็ต้องกลับไปใช้แบบเดิม
สิ่งที่เราเห็น จากเคสของลีดส์ก็คือ หากสโมสรฟุตบอลคิดจะเปลี่ยนโลโก้แล้ว 2 ข้อหลักๆ ที่ต้องมี คือ 1) โลโก้ใหม่ต้องสวย ต้องทำให้แฟนบอลรู้สึกภูมิใจเวลาใส่เสื้อที่มีโลโก้นี้อยู่
และ 2) แค่สวยไม่พอ มันต้องมีเหตุผลที่ชัดเจนพอ ในการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่สุ่มสี่สุ่มห้า อยากจะเปลี่ยนตามใจชอบ
2 ข้อนี้คือโจทย์ที่ยากมาก ของสโมสรฟุตบอลอาชีพ ถ้าทีมไหนตีโจทย์ 2 ข้อนี้ ไม่แตก อย่าหวังเลยว่า การเปลี่ยนโลโก้จะได้รับการยอมรับ
ในช่วงปลายปีที่แล้ว วงการฟุตบอลไทย ก็มีเรื่องน่าตื่นเต้น เมื่อ 1 สโมสรในไทยลีก "ราชบุรี มิตรผล เอฟซี" ประกาศ เปลี่ยนโลโก้อย่างเป็นทางการ
หน้าเพจออฟฟิเชี่ยลของสโมสร ในรูปโพรไฟล์ เปลี่ยนจากโลโก้เก่า ที่เป็น Badge เป็นตราสโมสรซึ่งใช้มายาวนานถึง 5 ปี แล้วปรับมาใช้โลโก้ใหม่ เป็นรูปมังกรหน้าตรง
โลโก้เดิมของราชบุรี จะเป็นคล้ายๆโรงเรียนนานาชาติ มีกรอบครอบอยู่ 4 ช่อง แต่คราวนี้ กรอบทั้งหมดหายไปแล้ว เหลือเพียงแค่ มังกรอย่างเดียว เพียวๆ ดูเรียบหรู แต่ดูดี
ที่น่าสนใจคือ ฟีดแบ็กจากแฟนบอลของสโมสร ไม่มีการต่อต้านใดๆเกิดขึ้น
กระแสของการเปลี่ยนโลโก้ครั้งนี้ เป็นไปในทิศทางบวกมาก สื่อมวลชนกล่าวชื่นชม ส่วนแฟนบอลของทีม ก็รับได้กับการเปลี่ยนแปลง ซึ่งมันทำให้เราต้องคิดตามว่า ทำไมการโละทิ้งโลโก้เก่า ไปสู่โลโก้ใหม่ ถึงได้รับการยอมรับอย่างรวดเร็วแบบนี้
ราชบุรี ทำอะไร ที่ลีดส์ ยูไนเต็ดไม่ได้ทำ เราจะมาวิเคราะห์กัน
ก่อนที่จะไปว่ากันถึงเรื่องโลโก้ เราต้องไปเริ่มแบ็กกราวน์กันที่สโมสรราชบุรีแห่งนี้ก่อน
ในอดีต เมื่อ 10 ปีก่อน ชื่อเดิมของสโมสรแห่งนี้คือ ราชบุรี เอฟซี ก่อนที่จะถูกเทกโอเวอร์อย่างเป็นทางการ โดยกาญจนากรุ๊ป
ณ เวลานั้น สโมสรเคยตัดสินใจเปลี่ยน 2 อย่างที่สำคัญมากๆมาแล้ว ได้แก่ สีเสื้อชุดหลักของทีม และ ฉายาสโมสร
แต่เดิมราชบุรี ไม่ได้มีสีส้ม เป็นสีหลักเหมือนทุกวันนี้ โดยสีประจำสโมสรคือสีฟ้า ซึ่งเป็นสีประจำจังหวัด
"ในปีแรกที่มาบริหารทีม ตอนนั้นอยู่ลีกภูมิภาค ทีมเราก็แพ้รัวๆเลย" ฟลุ้ค-ธนวัชร์ นิติกาญจนา ผู้บริหารสโมสรเผย "เราคิดว่า สีฟ้า มันเหมือนสีของขนม เหมือน Candy คู่แข่งมาเห็นก็ยิ้ม เหมือนเจอขนมหวาน"
"เราเลยอยากจะเปลี่ยน และสุดท้ายตัดสินใจเลือกสีส้ม"
"เพราะสีส้ม มันเป็นสีที่ใส่ยาก หมายถึง ในชีวิตประจำวันคุณไม่ใส่สีส้มกันหรอก ดังนั้น เวลาเราเห็นแฟนบอลใส่สีส้ม นั่นเพราะเขาอยากใส่มาเชียร์สโมสรจริงๆ นอกจากนั้น เราก็คิดว่า ในฟุตบอลระดับโลก กองเชียร์ฮอลแลนด์ เป็นกองเชียร์ที่เด่นที่สุดเสมอ ดังนั้น ใจเราก็เลยคิดว่า สีส้ม น่าจะเป็นคำตอบ"
หลังจาก เปลี่ยนสีเสื้อทีมแล้ว อีกหนึ่งอย่างที่ ธนวัชร์ ตัดสินใจเปลี่ยนคือ ฉายาของทีม
แต่เดิม ราชบุรี ใช้ฉายา "มังกรแห่งลุ่มแม่น้ำแม่กลอง" แต่สุดท้าย เปลี่ยนมาเป็น "ราชันมังกร" แทน
"ผมไม่ชอบชื่อนี้แต่แรกครับ คือมังกรน่ะโอเค เพราะราชบุรีเราขึ้นชื่อเรื่องโอ่งมังกร แต่ ลุ่มแม่น้ำแม่กลองเนี่ย มันสื่อได้หลายจังหวัด แม่กลองไหลผ่านกาญจนบุรีด้วย สมุทรสงครามด้วย มันไม่สื่อถึงราชบุรีโดยตรง"
"เราอยากได้ฉายาที่มันชัดเจน และกระชับที่สุด ดังนั้น จึงมองว่า ราชบุรี คือจังหวัดของพระราชาอยู่แล้ว ดังนั้น เอามารวมกับมังกร เป็นราชันมังกร มันดูลงตัวมากจริงๆ"
ตามประวัติศาสตร์ ราชบุรี มีความผูกพันกับรัชกาลที่ 1 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก โดยในสมัยยังหนุ่ม พระองค์มารับราชการ ในตำแหน่งหลวงยกกระบัตร ที่จังหวัดราชบุรี ก่อนที่พระองค์จะทำการปราบดาภิเษก ขึ้นเป็นกษัตริย์ พระองค์แรกของราชวงศ์จักรี
ในช่วงเวลา 1 ปีแรก สโมสรเปลี่ยนทั้งสีเสื้อ ทั้งฉายา ซึ่ง ณ เวลานั้น ทีมยังเล่นอยู่ในระดับภูมิภาค
ประกอบกับพอเปลี่ยนแล้ว ทีมเดินหน้าไปอย่างมั่นใจ เลื่อนชั้นต่อเนื่อง ขึ้นมาสู่ไทยลีกได้สำเร็จ ทำให้ ไม่มีกระแสต้านทานจากแฟนบอลมากนัก
ในปี 2014 ราชบุรี เปลี่ยนจากโลโก้เดิม มาใช้เป็น Badge แบบ 4 ช่อง เหมือนโรงเรียนนานาชาติ
- ช่องซ้ายบน มีตัวอักษรว่า RBMFC ย่อจากราชบุรี มิตรผล เอฟซี
- ช่องขวาบน เป็นมงกุฏ เขียนคำว่า Pride หรือความภาคภูมิใจ
- ช่องซ้ายล่าง เป็นมังกรสีส้มหันข้าง
- ช่องขวาล่าง เป็นฉายาว่า The Dragons
ราชบุรี ใช้โลโก้นี้มา 5 ปี จนแฟนบอลติดตา กับสัญลักษณ์นี้ไปแล้ว แต่แล้ว มาถึงปี 2018 สโมสรกลับมีไอเดียฉีกจากขนบธรรมเนียม คือพวกเขาคิดว่า มันได้เวลาที่เหมาะสมแล้ว ที่จะเปลี่ยนโลโก้
ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะเปลี่ยนเป็นรูปอะไร มีการวิเคราะห์กันก่อนว่า "เปลี่ยนทำไม?"
"ผมรักโลโก้เดิมนะ คืออยู่กับมันมา 5 ปี" ธนวัชร์เล่า "แต่มันจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลง"
"ในยุคต่อไป ราชบุรี คือทีมของคนรุ่นใหม่ มันควรเป็นอะไรที่สดชื่น Fresh และโลโก้ ก็ควรสื่อถึงมันออกมาด้วย"
ไอเดียการเปลี่ยนโลโก้ เพื่อให้ทันโลก เป็นแนวคิดที่คล้ายๆกับยูเวนตุส ในอิตาลี ที่แต่เดิมใช้ Badge เป็นกรอบรูปวงรี มีกระทิงที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองตูริน อยู่ด้านล่าง
แต่โลโก้ใหม่ เรียบง่ายกว่านั้น มีเพียงแค่คำว่า Juventus กับตัว J สีขาวสลับดำ
"ทีมใหญ่อย่างยูเวนตุส เขายังกล้าเปลี่ยนโลโก้ เพื่อให้ทันยุค และดูสิครับ โลโก้ของยูเวนตุสปัจจุบัน ไปอยู่กับอะไรก็สวย"
"ผมอยากได้โลโก้ ที่ดูดี เรียบง่าย เห็นแล้วรู้เลยว่านี่คือราชบุรี และที่สำคัญไปแปะอยู่กับเสื้อสีไหนก็ควรจะออกมาสวย"
เมื่อมีเหตุผลพอแล้วว่า "จะเปลี่ยน" สโมสรจึงเดินหน้าไปสู่ขั้นตอนต่อไปคือ การออกแบบ
มีคนไทยจำนวนมาก ที่เชื่อเรื่องของฮวงจุ้ย ทำเลบ้านต้องหันหน้าไปทางไหน
เชื่อเรื่องของ การตั้งชื่อ ต้องมีความเป็นสิริมงคล ไม่มีอักษรกาลกิณีปะปนอยู่
เช่นเดียวกับ โลโก้ หรือสัญลักษณ์ต่างๆ ก็มีศาสตร์ความเชื่อเช่นกัน
"พอเราคิดจะเปลี่ยนโลโก้แล้ว มีอาจารย์ผู้ใหญ่ที่ผมเคารพนับถือ ท่านให้คำแนะนำว่า มังกรของเรา จากเดิมที่หันข้าง ควรมาหันหน้าตรงๆ เพื่อรับมือกับคู่แข่ง ขู่ให้คนที่มาเยือนได้กลัว ไม่ใช่หันข้างเหมือนหนีศัตรูแบบนั้น" ฟลุ้ค ธนวัชร์ เล่า
"มันกลายเป็นโจทย์ที่ยากทีเดียว ว่าเราจะออกแบบมังกรอย่างไร ให้หันหน้าตรงแล้วยังสวยได้ คือเราออกแบบหลายรอบ พอหันหน้าตรงๆ มันก็เหมือนมังกรจีนทุกที ที่สำคัญคือมันไม่ติดตาเลย"
หลังจากภาพวาดมังกร ดูไม่เวิร์ก ทีมงานจึงลองใช้กราฟฟิกในการออกแบบแทน
ซึ่งปรากฏว่า ดูมัน "ใช่" มากกว่าสำหรับยุคดิจิตอลแบบนี้
จากนั้นสโมสรก็มาคิดเรื่อง Badge หรือกรอบที่มี 4 ช่อง "เราก็คิดนะ ว่าเออ ทำไมยังต้องมี Badge อยู่อีกล่ะ เราตัดทิ้งออกไปเลยดีกว่า เพื่อให้มัน Minimal เรียบง่ายที่สุด"
นั่นทำให้ สโมสรโละ Badge ออกไป แล้วให้มังกรได้ทะยานออกมาจากกรอบ ดูมีความอิสระมากกว่าเดิม
เท่ากับว่าโลโก้ ของราชบุรีตอนนี้สำเร็จลุล่วงแล้ว และตอบโจทย์ทุกอย่าง ทั้งมังกรหันหน้าตรง มีเอกลักษณ์ และเรียบง่าย แต่ดูดี
เหลือเพียงแค่ขั้นตอนสุดท้ายเท่านั้น คือแฟนบอลจะยอมรับหรือไม่
เหมือนอย่างเคสของลีดส์ ยูไนเต็ด ถ้าราชบุรี ปล่อยโลโก้ใหม่ออกมาแล้ว แฟนบอลสโมสรรวมตัวกันหมื่นคนประท้วง
ผู้บริหารก็คงไม่ต้านทานกระแสแฟนๆแน่นอน ก็มีโอกาสกลับไปใช้โลโก้เดิม
วันชี้ชะตาก็มาถึง 28 ธันวาคม 2018 สโมสรเผยโลโก้ใหม่ครั้งแรก โดยเปลี่ยนรูปในโพรไฟล์เฟซบุ๊กของสโมสร
ปรากฏว่า มีฟีดแบ็กที่บวกมากกว่าลบ
"สวยงามครับ Logo แบบ Flat ปรับให้เป็นดีไซน์ยอดนิยมในยุคนี้ มินิมอลสไตล์ น้อยแต่มาก เรียบง่ายแต่สะท้อนความทันสมัย"
"อืมเข้าท่า ดูโหดดีครับ!"
"แบบเนี้ยดูคลาสสิค แบบแปลกๆแนวๆ สวยดีครับ"
แฟนบอลยังมีคิดถึงโลโก้เก่าอยู่บ้าง แต่เมื่อ ราชบุรีเคลียร์ 2 เงื่อนไขได้ครบ คือ 1) อธิบายได้ว่าเปลี่ยนโลโก้ทำไม และ 2) โลโก้ใหม่สวยพอ นั่นทำให้แฟนบอลสามารถยอมรับได้กับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้
ยิ่งเวลาผ่านไป ราชบุรีเปิดตัวเสื้อซ้อม โดยมีโลโก้ตัวใหม่ประดับอยู่ที่หน้าอก ทำให้คนเห็นชัดเจนว่า เออ มันเข้ากับเสื้อดีนะ โลโก้แบบนี้ ดูเนียนกลมกลืน และทันสมัยดี
เมื่อสุดท้ายทั้งแฟนบอล และสื่อมวลชน ไม่มีเสียงต่อต้านใดๆ ทำให้สโมสรก็มั่นใจได้แล้วว่า การเปลี่ยนโลโก้ครั้งนี้ ภารกิจสำเร็จลุล่วงแล้ว
เราจะเห็นว่า ในโลกนี้ การเปลี่ยนแปลงสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ
แต่สิ่งสำคัญคือ ก่อนที่จะเปลี่ยน ต้องรู้ชัดเจนว่า "จะเปลี่ยนทำไม" ต้องมีเหตุผลที่หนักแน่น ไม่ใช่แค่นึกอยากเปลี่ยนก็เปลี่ยน
นอกเหนือจากนั้น ต้องมั่นใจด้วยว่า การเปลี่ยนแปลงแต่ละครั้ง จะทำให้ ชีวิตของเราดีขึ้น และมีความสุขมากกว่าเดิม
คิดทบทวนให้รอบคอบ ทำการบ้านให้ละเอียด หักลบเหตุผลให้ดี ก่อนตัดสินใจ
และรู้เอาไว้ ถ้าจะเปลี่ยนแล้วชีวิตแย่ลง อย่าทำ
#RBMFC
8 บันทึก
138
3
3
8
138
3
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย