19 ม.ค. 2019 เวลา 04:29
อีก 3 ปีข้างหน้า “คน 5 ประเภท” จะลำบาก
อาจอยู่ยากในสังคม
อาจารย์ Li Kaifu เคยพูดไว้ว่า : “อีก 10 ปี งาน 50% ของมนุษย์จะถูกแทนที่ด้วย AI” หรือพูดอีกอย่างก็คือ อีก 10 ปี มนุษย์ 50% จะตกงาน
การพัฒนาของสังคมสมัยนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วกว่าที่เราจินตนาการได้มาก บางทีอาจจะไม่ถึง 10 ปี
ใครที่ไม่สามารถเพิ่มมูลค่าให้กับความสามารถของตัวเองได้ ก็จะถูกแทนที่โดยง่าย ค่อยๆสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน และถูกบังคับให้ล่มสลายไปตามกาลเวลา
ถ้าคุณเผลอไปเหยียบกับระเบิด 5 อันนี้เข้า อย่าไปเสียเวลากับมัน เพื่อลดความเสี่ยงของตัวคุณเอง
ประเภทที่ 1 : คนที่ไม่เข้าใจการลงทุนในตัวเอง
สำหรับใครที่ เวลาโทรกลับบ้าน แม่มักจะเตือนว่า : อย่าใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย หรือชอบคิดว่าถ้าประหยัด 1 ปีเก็บเงินได้ 1 แสน 10 ปี เก็บได้ 1 ล้าน นี่คือเก่งหรอ? แต่.....ความจริง
ไม่ใช่! เพราะเมื่อคุณใช้เวลา 10 ปีถึงจะเก็บเงินได้ 1 ล้าน คนอื่นอาจจะใช้เวลาแค่ปีเดียว ด้วยสถานการณ์มันเปลี่ยนไป
 ตอนที่คุณยังเยาว์วัยคุณต้องรู้ว่าจะลงทุนกับตัวเองยังไง  เงินไร้ชีวิต แต่คนมีชีวิต
 ถ้าทุกเดือนคุณเอาเงินส่วนหนึ่งมาลงทุนกับตัวเอง ไปเรียน ไปออกกำลังกาย ไปคบหาเพื่อน ไปเที่ยว ทำให้คุณค่าของตัวเองเพิ่มขึ้น
 หลายปีผ่านไปคุณจะพบว่า เงินที่คุณใช้ไป คุณได้คืนกลับมาหลายเท่า ในรูปแบบที่แตกต่างกัน
ประเภทที่ 2 : คนที่นอกเหนือจาก 8 ชั่วโมงไม่เรียนรู้
 มีเพื่อนคนหนึ่งทำการค้าระหว่างประเทศ ทำงานปีแรกก็พบว่ามีลูกค้าชาวสเปนเยอะมาก ก็เลยเริ่มเรียนภาษาสเปน
 ทุกวันหลังจากทำงานเสร็จจะไปเรียน 2 ชั่วโมง ไม่ว่าจะฝนตกพายุเข้าก็ไม่หยุด ผ่านไป 3 ปี เนื่องจากความสามารถด้านภาษา เพื่อนคนนี้มีโอกาสไปร่วมงานนิทรรศการการค้าต่างประเทศ และได้ลูกค้ารายใหญ่หลายรายกลับมาด้วย ธุรกิจขยายตัวอย่างรวดเร็ว และในปีที่ 7 เขาก็เปิดบริษัทของตัวเอง ตลอดระยะเวลาแห่งงานเปลี่ยนแปลง สิ่งที่เขาไม่เคยหยุดทำก็คือ ใช้เวลานอกเหนือจาก 8 ชั่วโมงในการเรียนรู้
 ยุคสมัยนี้เป็นยุคแห่งการเรียนรู้ ความรู้เติบโตขึ้นในอัตราร้อยละ 10 ต่อปี
 ไม่ว่าใครก็จำเป็นต้องเรียนรู้ไปตลอด เพิ่มความรู้ใหม่ๆให้ตัวเอง การปฏิเสธการเรียนรู้ก็จะไร้อนาคต และยากที่จะแตกต่าง
ประเภทที่ 3 : คนมองอะไรสั้นๆ ตัดสินแค่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าทันทีหลังเรียนจบ Li Ting และ Tan Sisi เข้าไปฝึกงานที่บริษัทบัญชีแห่งหนึ่งด้วยกัน หลังหมดระยะฝึกงาน บริษัทเสนอให้ไปศึกษางานที่สำนักงานใหญ่ในฮ่องกง 2 ปี แต่ได้เงินเดือนครึ่งเดียว ไม่มีค่าคอมมิชชั่น
Li Ting รู้สึกว่าเงินเดือนน้อยเกินไป แถมไม่คุ้นเคยกับฮ่องกง ก็เลยไม่เอา
  ส่วน Tan Sisi กล้าตัดสินใจเลือกไปฮ่องกง ในมุมมองของเธอ ไปศึกษางานแถมยังได้เงินเดือน เป็นเรื่องที่คุ้มแสนคุ้ม
  ผ่านไป 2 ปี Tan Sisi กลับมาที่บริษัทในฐานะหัวหน้าโครงการคนใหม่ รายได้ 1 ล้านบาทต่อปี ส่วน Li Ting ยังคงทำงานในตำแหน่งเดิม เงินเดือนในตอนนี้ไม่ถึง 1 ใน 3 ของ Tan Sisi คนที่ไม่แคร์สิ่งที่อยู่ข้างหน้า มองการณ์ไกล ถึงจะเป็นคนเก่งที่แท้จริง
ประเภทที่ 4 : คนที่ทำงานร่วมกับคนอื่นไม่เป็น
  บริษัทต่างชาติแห่งหนึ่ง ให้เงินผู้สมัครงาน 75 บาท ให้พวกเขาไปหาอะไรกินด้วยกัน 6 คนไปถึงร้านอาหารด้วยกัน แต่ข้าวจานหนึ่งอย่างต่ำ 15 บาท เงินที่พวกเขามีไม่พอจะซื้อข้าวคนละจาน ก็เลยกลับไปบริษัทอย่างหงุดหงิด
 พอถึงบริษัท ประธานบริษัทรู้เข้าก็ส่ายหน้า : “ขอโทษด้วย พวกคุณไม่เหมาะกับบริษัทเรา”
 ร้านอาหารร้านนั้น มีโปรโมชั่นซื้อ 5 แถม 1 หรือถึงแม้ไม่มีโปร ก็ยังขอจานเปล่ามาหนึ่งใบ แล้วสั่งข้าว 5 จานมาแบ่งกันกินได้ แต่ผู้สมัครทั้ง 6 คนไม่มีใครคิดว่ามาด้วยกัน เป็นทีมเดียวกัน
ทุกคนต่างคิดถึงแต่ตัวเอง ถึงได้มือเปล่ากลับไป
  นักปรัชญา Ai Siqi กล่าวไว้ว่า : “แต่ละคนก็เหมือนอิฐก้อนนึง โยนลงไปบนถนนก็ง่ายที่จะถูกเตะไปมา แต่ถ้าคุณเอาอิฐหลายๆก้อนมาก่อเป็นผนัง ก็ยากที่จะมีใครทำให้เคลื่อนไหวได้”
ประเภทที่ 5 : คนที่ตอบสนองต่อสิ่งใหม่ๆ ช้า
  เมื่อก่อนคนพูดกันว่า ปลาเล็กกินปลาใหญ่ ตอนนี้ต้องเปลี่ยนเป็นปลาเร็วกินปลาช้า
  สิ่งใหม่ๆที่ปรากฏขึ้น มักมาพร้อมกับโอกาสทางธุรกิจ แต่เมื่อโอกาสผ่านไป คนที่ช้า ก็จะไม่มีทางได้สัมผัส
 ในยุคนี้ พวกเราต้องมีสัญชาตญาณของวิกฤต ค้นหาและแก้ไข้ข้อบกพร่องของตัวเองอย่างทันท่วงที เพื่อที่จะพัฒนาต่อไปในทิศทางที่ดียิ่งขึ้น
  ไม่อย่างนั้น 3 ปีผ่านไป คุณจะพบว่า คุณถูกคนอื่นๆทิ้งไว้ข้างหลังแล้ว เหมือนที่ Bill Gates พูดไว้ว่า : change, otherwise it will be changed.
 “เปลี่ยนก่อนที่มันจะเปลี่ยนคุณ”
โฆษณา