22 ม.ค. 2019 เวลา 14:59 • กีฬา
ต่างดาวสมองไหล : บาร์เซโลน่า กับการสูญเสียตัวตนในด้านการพัฒนาเยาวชน
ครั้งหนึ่งพวกเขาเคยเป็นสโมสรที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกในด้านการพัฒนาเยาวชน แต่ในตอนนี้บรรดาดาวรุ่งของพวกเขาต้องการออกจากสโมสรเพื่อโอกาสที่ดีกว่าที่ไหนซักแห่ง กลับกลายเป็นว่า เรอัล มาดริด กำลังดำเนินแผนการเหมือนกับพวกเขาในอดีต
เมื่อบาร์เซโลน่าลงเตะเปิดสนามฤดูกาลใหม่ในวันเสาร์นี้ นับว่าผ่านมา 8 ปีแล้วหลังจากที่ Sport หนังสือพิมพ์ของชาวคาตาลันได้ขึ้นพาดหัวว่า “CANTERA CONTRA CART€ERA”
เมื่อ 8 ปีก่อน สเปนได้เอาชนะฮอลแลนด์ในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกด้วยนักเตะที่มาจากอคาเดมี่ของบาร์ซ่าถึง 7 คน และหลังจากนั้นเมื่อหน้าหนาวมาถึง ลิโอเนล เมสซี่, ซาบี, และ อังเดรส อิเนียสต้า ก็ได้ยืนเคียงข้างกันอยู่บนโพเดี้ยมบัลลงดอร์ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่นักเตะ 3 คนใน 3 ลำดับแรกของบัลลงดอร์นั้นเติบโตมาจากอคาเดมี่เดียวกัน
พาดหัวของ Sport เมื่อแปลออกมาแล้วจะมีความหมายว่า ‘ระบบเยาวชน ประทะ เม็ดเงิน’ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ที่ในตอนนั้นพึ่งดำรงตำแหน่งได้เป็นปีที่สองและทีมของเขาก็ได้เซ็นสัญญากับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้, คาริม เบนเซม่า, ซาบี อลอนโซ่, กาก้า, อังเคล ดิมาเรีย และ เมซุต โอซิล ในขณะที่อคาเดมี่ของราชันย์ชุดขาวไม่มีผลผลิตออกดอกขึ้นมาเป็นนักเตะระดับโลกนับตั้งแต่ อิเคร์ คาซิยาส ทุกคนรู้ว่า Sport นั้นต้องการพยายามจะสื่อว่า : บาร์ซ่าพัฒนาดาวรุ่ง ในขณะที่มาดริดใช้เงินซื้อ
แต่ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว บาร์เซโลน่า ไม่ได้มีผลผลิตที่เป็นผู้เล่นท้องถิ่นขึ้นมาเป็นซูเปอร์สตาร์นับตั้งแต่ เซร์จิโอ บุสเกส ที่ได้ลงเล่นครั้งแรกเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ในขณะที่ มาดริด ได้มอบสัญญาอาชีพให้ดาวรุ่งพรสวรรค์ชาวสเปนไปแล้วหลายต่อหลายคน หากนับตั้งแต่ซัมเมอร์ปี 2012 รายรับ-รายจ่ายในการซื้อขายผู้เล่นของบาร์ซ่านั้นอยู่ที่ 320ล้านปอนด์ ในขณะที่ มาดริดอยู่ที่ 28ล้านปอนด์ กลับกลายเป็นว่านโยบายของทั้งสองทีมได้พลิกผันเสียแล้ว
ให้โอกาส
ทุกอย่างที่กล่าวมาเกิดขึ้นภายใต้การทำงานของเปเรซ ผู้ที่สร้างกาแล็กติกอสขึ้นมา เปเรซนั้นเติบโตขึ้นมาจากการเห็นมาดริดทุ่มเงินใช้จ่ายอย่างมากในช่วงปี 1950 และ 1960 และ ทีมรักของเขาก็คว้าแชมป์ยูโรเปี้ยนคัพ 5 สมัยติดต่อกัน แต่ในตอนนี้เปเรซกำลังสร้างสตาร์ขึ้นมาจากเยาวชนในประเทศ ในขณะที่บาร์ซ่ากำลังสิ่งที่ตรงข้ามกัน
ความภาคภูมิใจของ 'ลามาเซีย’ อคาเดมี่อันโด่งดังของบาร์เซโลน่าที่มีความเชื่อที่ว่าเทคนิคนั้นอยู่เหนือกายภาพ และความเชื่อนั้นก็ได้สร้างผู้เล่นอย่าง ซาบี, อิเนียสต้า, คาร์เลส ปูโยล และ วิคตอร์ บัลเดส พวกเขาคงจะไม่ได้ก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะระดับท็อปของโลกถ้าหาก หลุยส์ ฟานกัล ไม่ได้หยิบยื่นโอกาสให้พวกเขาได้ลงสนาม และเช่นเดียวกับ เมสซี่, บุสเกส, และ เปโดร ที่ได้รับโอกาสจาก แฟรงค์ ไรจ์การ์ด และ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ในยุคที่ โจน ลาปอร์ตา ยังดำรงตำแหน่งประธานสโมสร หมายความว่าการที่ผลผลิตจากอคาเดมี่เบ่งบานออกมาได้นั้น คุณจะต้องมีความเชื่อมั่นในตัวเยาวชน
ในขณะที่อคาเดมี่ของเรอัลมาดริดในตอนนั้นเป็นหมันมาหลายปี มีแค่โค้ชบางคนเท่านั้นที่กล้าพอที่จะให้โอกาสกับเยาวชน อย่างเช่น จอร์จ วัลดาโน ที่ได้ปลุกปั้น ราอูล และ กูติ ขึ้นมาในกลางยุค 1990 ส่วนโค้ชคนอื่นๆนั้นรู้สึกว่าเป็นการเสี่ยงเกินไปที่จะให้โอกาสกับเหล่าดาวรุ่ง
ย้อนกลับไปในปี 2010 เป๊ปได้ชี้จุดว่าบาร์เซโลน่าไม่ได้มีดาวรุ่งพรสวรรค์มากไปกว่ามาดริด “ความแตกต่างคือ ที่นี่เราให้โอกาสเขาขึ้นมาอยู่ในทีมชุดใหญ่” เป๊ปได้กล่าวไว้ถึงการพัฒนาดาวรุ่งขึ้นมาเป็นนักเตะหลัก
นโยบายเปลี่ยน
เมื่อเป๊ปได้ลาออกจากทีมในปี 2012 ตำแหน่งก็ตกไปเป็นของเพื่อนร่วมเติบโตมาจากอคาเดมี่เดียวกันอย่าง ติโต้ บิลาโนบา แต่อยู่ในตำแหน่งได้แค่ปีเดียวติโต้ก็ลงจากตำแหน่งเนื่องจากอาการป่วย ทำให้ความสัมพันธุ์ระหว่างทีมชุดใหญ่กับอคาเดมี่นั้นขาดสะบั้น จากการไปของลาปอร์ตา บาร์ซ่าได้จ้าง เคราร์โด้ มาร์ติโนโค้ชอาร์เจนไตน์เข้ามา หลังจากนั้นก็ หลุยส์ เอนริเก้ สไตล์แผนการเล่นของทั้งคู่นั้นคือฟุตบอลเกมบุก ซึ่งเช่นเดียวกับอคาเดมี่
หลุยส์ เอนริเก้ เคยถูกวิจารย์เนื่องจากไม่ดันเยาวชนขึ้นมาเหมือนเก่า เนื่องจาก โจเซป มาเรีย บาร์โตเมว และผู้อำนวยการของเขาได้กำหนดให้ทีมเป็นแบบนั้น 3 ปีที่ผ่านมาเจ้าบุญทุ่มได้ซื้อตัว ลูคัส ดีญ, อาร์ดา ตูราน, อังเดร โกเมส, อเล็กซ์ บิดัล และ ปาโก้ อัลกาเซร์ เข้ามาค่าตัวทุกคนรวมกัน 120ล้านปอนด์ ซึ่งนักเตะทุกคนได้กลายเป็นสิ่งกีดขวางชิ้นโตของนักเตะเยาวชน และ นักเตะทุกคนที่กล่าวมานั้นก็ล้มเหลวกับทีม
โทนี่ เฟรย์ซา หนึ่งในแคนดิเดตที่เป็นคู่แข่งของบาโตเมว ได้ชี้ไปถึงประเด็นถึงการที่ทีมปฏิเสธลามาเซียในการเลือกตั้งปี 2015 ว่าจำนวนของนักเตะท้องถิ่นหายไปเกือบครึ่งในสามปีที่ผ่านมา “นี่เป็นเรื่องที่รับไม่ได้และทำให้สโมสรที่วิเศษนี้กลายเป็นเหมือนสโมสรธรรมดาทั่วไป”
มีการเปลี่ยนแปลงแค่เล็กน้อยเท่านั้น ปีที่ผ่านมาบาร์ซ่าได้ซื้อตัวเปาลินโญ่เข้ามา เหมือนเป็นการตบหน้าใส่ลามาเซียและความหวังของพวกเขา ในซัมเมอร์นี้กองกลางบราซิลได้ย้ายออกไปแต่สโมสรก็ได้เซ็นสัญญากับ อาร์ตูโร วิดัล ที่มีอายุ 31 เข้ามา นั่นเป็นการบอกนัยๆถึงเหล่าอคาเดมี่ และพวกเขาก็พากันย้ายออกไป
ลาก่อนลามาเซีย
ดูเหมือนว่าจะเป็นแค่ความเสียหายเพียงเล็กน้อยสำหรับบาร์เซโลน่า เนื่องจากนักเตะที่พากันตบเท้าออกไปส่วนมากก็ไม่ได้รับโอกาสในทีมชุดใหญ่กับทีมใหม่เช่นกัน แต่ตอนนี้พวกเขาอายุแค่ 16 หรือ 17 เท่านั้น ในซัมเมอร์ปีที่แล้วพวกเขาเสีย จอร์ดี้ เอ็มบูลา (ภาพด้านล่าง) ไปให้กับโมนาโก และ อีริก การ์เซีย กองหลังวัย 17 ปีที่ถูกคาดว่าจะเป็น เคราร์ด ปิเก้คนใหม่ ก็ได้ไปร่วมทีมแมนฯซิตี้ ทั้งๆที่เอเยนต์ของการ์เซียก็คือ คาร์เลส ปูโยล แม้แต่ตำนานของทีมก็ยังแนะนำให้เขาออกมา
ในซัมเมอร์นี้มีนักเตะออกไปมากขึ้นทั้ง แบ็คซ้าย โจเอล โลเปซ (อาร์เซนอล), กองกลาง โรเบิร์ต นาวาร์โร (โมนาโก), ปาโบล โมเรโน่ (ยูเวนตุส) กองหน้าของสเปนชุด U16 ที่ทำประตูได้ถึง 200 ประตูในห้าปีกับอคาเดมี่ และ เซร์คิโอ โกเมซ (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์) นักเตะที่ถูกโหวตว่าเป็นนักเตะยอดเยี่ยมลำดับ 2 ในทัวร์นาเม้นท์ ฟุตบอลโลก U17
ในขณะที่บาร์ซ่าเสียเด็กในคาถาออกไปเรื่อยๆ มาดริดก็รับเยาวชนมาเข้าทีมอยู่เรื่อยๆ เปเรซได้ระงับการใช้จ่ายเงินและเข้ามาบริหารจัดการตั้งแต่ทีมชุดใหญ่ไปจนถึงนักเตะที่จบมาจากอคาเดมี่และเยาวชน พวกเขามักจะถูกปล่อยยืมตัวออกไปหนึ่งหรือสองฤดูกาล ตัวอย่างเด่นๆเลยก็คือแบ็คขวาอย่าง ดาเนี่ยล การ์บาฆาล ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาผู้เล่นตัวจริงของมาดริดนั้นแข็งแกร่งจนแทบไม่มีจุดที่จะต้องเสริม เปเรซรู้เรื่องนั้นดีเขาจึงเลือกที่จะนำเข้าดาวรุ่งพรสวรรค์สูงแทน
นับตั้งแต่ปี 2014 มาดริดได้ตัว มาร์โก อเซนซิโอ้ นักเตะที่มีพรสวรรค์ระดับแคนดิเดตบัลลงดอร์ เนื่องจากบาร์เซโลน่าได้ปฏิเสธที่จะจ่ายเงิน 3.15ล้านปอนด์ในครั้งเดียวให้กับมาร์ยอร์ก้า อีกทั้งมาดริดยังได้ตัว เฆซุส บาเยโฆ ตำแหน่งกองหลัง, ธีโอ เอร์นานเดซ ตำแหน่งแบ็คซ้าย และ เพลย์เมกเกอร์อย่าง ดานี่ เซบาญอส ในซัมเมอร์นี้พวกเขาก็ได้ตัว อัลบาโร โอดริโอโซลา ที่เล่นตำแหน่งแบ็คขวา ทุกคนที่กล่าวมานั้นเป็นนักเตะหนุ่มและมีสัญชาติสเปน
และเพื่อเติมเต็มนโยบาย เปเรซได้แต่งตั้ง ฆูเลน โลเปเตกี โค้ชที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของทีมชาติสเปนชุด U19 และ U21 ในฟุตบอลยูโรปี 2012 และ 2013 เมื่อโลเปเตกีสละหน้าที่ในทีมเยาวชนของสเปนในปี 2014 ความสำเร็จของเขาก็ส่งต่อไปให้ อัลเบิร์ต เซลาเดส ซึ่งตอนนี้เป็นผู้ช่วยของโลเปเตกีที่มาดริด
การเตรียมการทุกอย่างดูจะเป็นไปตามอุดมคติเพื่อที่จะดันนักเตะในประเทศขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ แปดปีหลังจากที่ Sport ได้พาดหัวบนหน้าหนังสือพิมพ์ หลายๆสิ่งได้เปลี่ยนไป
โฆษณา