...กำเนิดเมาเมาแมน ผมโตมาในยุค 90 สุดคลาสสิค ช่วงกลางๆยุคก็คือกำลังวัยรุ่นและกำลังห้าวเลย
...ในยุคนั้นการสอบเทียบในเด็กมัธยมฮิตมาก ไอ้ที่หัวดีๆหน่อยก็จบม.6 กันตั้งแต่ยังไม่15 ได้ไม่ยาก ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น สอบเทียบม.3,ม.6 ได้อย่างรวดเร็วและเหิมเกริมว่าการเอ็นทรานซ์นั้นไม่ไกลเกินเอื้อม
...อยากเรียนสถาปัตย์ฯ แต่การเอ็นฯครั้งแรกในวัย 14 ก็แป็กเพราะการวาดรูปยังไม่ดีพอ(มั่นใจมากเพราะวิชาสามัญเราทำได้ดี โดยเฉพาะวิชาคำนวณเรารู้ตัวอยู่แล้วทั้งฟิสิกส์และเลข)
...นั่นแหละจุดเริ่ม....
...หลังจากแป็กก็ไม่ได้เฮิรท์อะไร รู้ดีว่ายังมีเวลาอีกหลายปี แต่ท่านพ่อได้แนะนำว่าถ้าอยากรู้ว่าจะทำงานสายก่อสร้างได้จริงไหมทำไมไม่ลองไปเรียนช่างก่อสร้างล่ะ
...ไอ้เราก็ว่างๆ เลยคิดว่าดีเหมือนกัน ก็เลยไปสอบวิทยาลัยเทคนิคของรัฐแห่งหนึ่งย่านมีนบุรี แล้วก็ติดด้วยคะแนนสูงสุด(ก็แหงล่ะ แข่งกับเด็กวุฒิม.3นี่หว่า เอาเปรียบชาวบ้านเห็นๆ!)แบบไม่ยากเย็น
...ที่นี่แหละที่เราเริ่มเมา!
...ด้วยความเด็กกว่าเพื่อนส่วนมาก เข้าไปก็ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร เพื่อนแห่ไปไหนก็ไป เด็กช่างมันต้องเกาะกลุ่มถ้าไม่อยากโดนตีตายอยู่แล้ว แถมรุ่นพี่ชอบลากไปซ้อมดนตรีเพราะเราเรียนกีตาร์มาจึงเล่นได้ในระดับนึง
...และไอ้รุ่นพี่นี่แหละ ตัวดีเลย!
...รุ่นพี่ที่ชวนเราไปมันไม่เด็กโข่งซ้ำชั้นก็ ป.ว.ส. มันก็ร่ำสุรากันเป็นปกติอยู่แล้ว ทีนี้พอเราไปกับมัน มันก็ชวนเรากินมั่ง
...ไอ้เราก็เด็ก ไม่เคยกิน แรกๆก็แหยงกลัวกลับบ้านแล้วโดนด่า แต่พวกก็คะยั้นคะยอจนต้องกินจนได้แหละ
...เราน่ะไม่มีตังหรอก แต่พี่ป.ว.ส.เนี่ยส่วนมากมันทำงานกันด้วยแล้ว มันก็มีสิ สมัยนั้หงส์ทองแบนละไม่กี่ตัง มันก็หารกันซื้อมากินได้ไม่ยาก มิกเซอร์ก็น้ำเปล่ากดมาจากตู้น้ำเย็นในวิทยาลัยนั่นแหละ ตอนนั้นเบียร์ก็มีประเภทสี่ขวดร้อยขายแล้ว จุดเริ่มของผมก็เบียร์นี่แหละ ส่วนที่กินก็ร้านอาหารตามสั่งในซอยข้างวิทยาลัยนั่นแหละประจำเพราะข้างบนมีห้องซ้อมดนตรีเล็กๆอยู่