23 ม.ค. 2019 เวลา 11:38 • ความคิดเห็น
วันนี้ของ “คริส การ์ดเนอร์” เศรษฐีเงินล้านอดีตคนไร้บ้าน ปัจจุบันผันตัวเองเป็นนักพูดสร้างแรงบัลดาลใจ
ภาพยนต์เรื่อง The Persuit of Happyness ที่ออกฉายเมื่อปี 2006 เรื่องราวคริส การ์ดเนอร์ ชายชาวอเมริกันซึ่งประสบมรสุมชีวิตจนต้องกลายเป็นคนไร้บ้าน แต่ด้วยความมุ่งมั่นไม่ย่อท้อ เขากลับสามารถสร้างฐานะของตนเองจากศูนย์ขึ้นมาอยู่ในระดับมหาเศรษฐีได้ในที่สุด
ในปัจจุบันเขาวางมือจากธุรกิจ และหันมายึดงานเดินสายพูดสร้างแรงบัลดาลใจให้กับคนทั่วโลก โดยมีคำพูดในอดีตของแม่และภรรยาที่เสียชีวิตไปเป็นสิ่งกระตุ้นเตือนให้เขาสมัครใจทำงานนี้
Hollywood-HDTV
การ์ดเนอร์เติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่ยากจนโดยไม่รู้ว่าพ่อของเขาคือใคร ส่วนแม่ก็มีแฟนใหม่เป็นคนติดเหล้าและชอบทำร้ายร่างกาย ทำให้บางครั้งเขาต้องไปอยู่บ้านสงเคราะห์เมื่อแม่และพ่อเลี้ยงมีปัญหากัน
อย่างไรก็ตามการ์ดเนอร์พยายามเรียนหนังสือจนจบชั้นมัธยมศึกษา และได้เข้าประจำการเป็นทหารเรืออยู่นานถึง 4 ปี ก่อนที่จะผันตัวเองมาเป็นเซลล์แมนขายอุปกรณ์การแพทย์อยู่ในนครซานฟรานซิสโก
Walking Sucsess
เมื่อธุรกิจที่ทำอยู่ประสบปัญหาจนเงินขาดมือการ์ดเนอร์โดนไล่ออกจากบ้านเช่า ทั้งแม่ของลูกวัย 5 ขวบยังมาทิ้งเขาไปเสียอีก ทำให้เขาและลูกต้องกลายเป็นคนไร้บ้านที่ต้องตระเวนหาที่ซุกหัวนอนกันทุกคืน
โดยต้องไปนอนตามสวนหรือห้องน้ำสาธารณะ และกินอาหารสวัสดิการของคนอนาถา รายได้อันน้อยนิดในแต่ละวันเขาต้องนำมาจ่ายเป็นค่าสถานเลี้ยงดูเด็กในเวลากลางวันเพื่อที่เขาจะสามารถออกไปทำงานได้
วันหนึ่งการ์เนอร์ได้เข้าไปถามชายขับรถเฟอร์รารี ซึ่งนำรถหรูมาจอดใกล้ๆ ตัวเขาถามว่าทำงานอาชีพอะไร เมื่อได้รับคำตอบว่าเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ การ์ดเนอร์เกิดความสนใจในอาชีพนี้ทันที
ชายคนดังกล่าวคือนาย บ็อบ บริดจ์ แห่งบริษัทดีน วิทเทอร์ เรย์โนลด์ส (DWR) ซึ่งได้เปิดโอกาสให้การ์ดเนอร์เข้าสอบสัมภาษณ์ การ์ดเนอร์แต่งตัวมอซอไม่เรียบร้อย เพราะถูกตำรวจจับเข้าห้องขังเมื่อคืนก่อนข้อหาไม่มีเงินจ่ายค่าปรับจราจร แต่ความกระตือรือร้นของเขาทำให้ผ่านการสัมภาษณ์ในที่สุด
เมื่อเขาได้รับการบรรจุเป็นพนักงานประจำของบริษัท การ์ดเนอร์เริ่มตั้งตัวโดยสามารถเช่าบ้านและส่งลูกเข้าโรงเรียน ต่อมาเขาก่อตั้งบริษัทการ์ดเนอร์ ริช ซึ่งเป็นบริษัทนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ของตนเอง จนมีฐานะเข้าขั้นมหาเศรษฐี
โดยปัจจุบันการ์ดเนอร์มีอายุ 62 ปี มีทรัพย์สินทั้งหมดมูลค่าราว 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เขายังได้บริจาคเงินจำนวนมากเพื่อองค์กรการกุศลที่ช่วยเหลือคนไร้บ้าน และสนับสนุนองค์กรต่อต้านการใช้ความรุนแรงกับผู้หญิง
ทุกวันนี้การ์ดเนอร์ได้ผันตัวเองจากนักธุรกิจมาเป็นนักพูดสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนทั่วโลกอีกด้วย โดยเขาบอกว่าความเชื่อที่ว่าการเลี้ยงดูและสภาพแวดล้อมในวัยเด็กจะเป็นตัวกำหนดอนาคตของแต่ละคนนั้นไม่จริง เพราะแม้แต่ตัวเขาเองยังมีวันนี้ได้โดยไม่กลายเป็นคนติดเหล้า หรือใช้ชีวิตเหลวแหลกแต่อย่างใด
แม่ของเขามักย้ำเตือนกับเขาเสมอว่า เขามีความสามารถที่จะทำได้ทุกอย่าง แม้แต่เป็นเศรษฐีเงินล้านก็ยังได้ ส่วนภรรยาของการ์ดเนอร์ที่เสียชีวิตไปเมื่อ 4 ปีก่อน เป็นผู้กระตุ้นให้เขาเร่งลงมือทำสิ่งที่ดี และสิ่งที่รักก่อนชีวิตอันแสนสั้นจะจบลง
ซี่งทำให้เขาคิดทบทวนถึงชีวิตของตนเอง ก่อนจะตัดสินใจทำประโยชน์แก่ผู้คนด้วยการเป็นนักพูดสร้างแรงบัลดาลใจในที่สุด
ในตอนจบ ฉากที่การ์ดเนอร์กับลูกชายกำลังเดินคุยกัน และมีชายใส่ชุดสูทสีดำเดินผ่านไป ซึ่งชายคนนั้นก็คือ คริส การ์ดเนอร์ ตัวจริงนั้นเอง
Hey. Don’t ever let somebody tell you you can’t do something. Not even me.
อย่ายอมให้ใครมาบอกว่าลูกทำอะไรไม่ได้...แม้แต่พ่อ
You got a dream. You got to protect it. People can’t do something themselves,they want to tell you can’t to it. You want something , go get it. Period.
ลูกมีความฝัน ลูกต้องปกป้องมัน คนที่ทำอะไรไม่ได้ มักจะคอยบอกเราว่า เราเองก็ทำไม่ได้ ลูกต้องการอะไร ก็ต้องไปคว้ามันมา...แค่นั้น
พ่อฮะ...ฟังนี่นะ
วันหนึ่ง...ชายคนหนึ่งกำลังจะจมน้ำ มีเรือผ่านมา..
“จะให้ช่วยไหม?” เขาตอบ “ไม่..พระเจ้าจะช่วยผม”
เรืออีกลำผ่านมาอีกถามว่า “จะให้ช่วยไหม?”
เขาตอบว่า “ไม่ต้อง..พระเจ้าจะช่วยผม”
เขาเลยจมน้ำ และไปสวรรค์
เขาถามพระจ้าบนสวรรค์ว่า “ทำไมพระองค์ไม่ช่วยผม?”
พระเจ้าตอบว่า “เราส่งเรือสองลำไปแล้ว..เจ้าโง่”
พ่อชอบไหม
1
The Persuit of Happyness เป็นหนังที่สร้างแรงบัลดาลใจ และทำให้มีแรงฮึดสู้กับชีวิตให้กับใครหลายๆ คนอย่างแน่นอน ใครที่ยังไม่เคยดูเรื่องนี้ต้องหามาดูให้ได้นะครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก : bbc,mthai
โฆษณา