23 ม.ค. 2019 เวลา 16:32 • ธุรกิจ
ช่วงเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมาได้เรียน Finance ทำให้เข้าใจเรื่องที่ค้างคาใจซะที
คาใจมาตลอดว่าทำไมเวลาวิเคราะห์งบ ต้องเอาดอกเบี้ยออกด้วย เพราะในใจคิดว่า มันเป็นสิ่งที่ยังไงบริษัทก็ต้องจ่ายไม่ใช่หรอ ?? ถึงพี่ท่านหนึ่งบอกว่าเพราะต้องการวิเคราะห์แค่กิจการดำเนินงาน แต่ตอนนั้นไม่เข้าใจด้วยที่ skill ตัวเองยังไม่ถึงด้วยละ ส่วนเวลาทำก็เอาออกไปตามเขาบอกนั้นละ!!
ถึงวันนี้เข้าใจละ เพราะดอกเบี้ยนั้นมันกระทบ ROE, ROA ทำให้ไม่เห็นจริงๆว่าบริษัทไหนทำได้กีกว่ากัน
อ.ยกตัวอย่างว่า ถ้าบริษัท 2 บริษัท clone กันมาทุกอย่างเหมือนกันแป๊ะ ไม่เหมือนแค่ A ใช้เงินตัวเอง B ใช้เงินกู้
ROE บริษัท B จะดีกว่าจาก du pont analysis (ก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้จักตัวนี้มาก่อนเลยไม่เห็นภาพ) บอกว่า ROE สามารถแตกเป็น 3 พจน์คือ profit margin, asset turn over และ equity multipiler ซึ่ง equity multipiler ยิ่งหนี้เยอะยิ่งสูง ดังนั้นบริษัทที่หนี้เยอะจะทำให้ ROE เยอะขึ้นได้ บริษัท B จะ ROE มากกว่า A ทั้งๆที่สองบริษัทดำเนินงานได้เก่งเท่ากัน
ROA เมื่อทุกอย่างเหมือนกัน รายได้เหมือนกัน ต้นทุนเท่ากัน แต่บริษัท B จำเป็นต้องจ่ายดอกเบี้ย ทำให้ตัว Net profit ของ B ต่ำกว่า A เลยทำให้ ROA ของ A จะดีกว่า ของ B ทั้งๆที่สองบริษัทดำเนินงานได้เก่งเท่ากัน
เพื่อให้วิเคราะห์ระหว่าง 2 บริษัทได้ดีขึ้น จึงนำดอกเบี้ยออกมา ให้ดูว่าแค่การดำเนินงานนั้นบริษัทไหนเก่งกว่า ซึ่งตัวกำไรที่เอาดอกเบี้ยออกนี้บ้างก็เรียก NOPAT(Net Operating Profit After Tax), NOPLAT(Net Operating Profit Less Adjust Tax), EBIT after tax ตามแล้วแต่ใครจะชินแบบไหน
อีกส่วนก็คือการตอกย้ำว่า เวลาคำนวณเนี้ยเอา Growth ในอดีตมาใช้มันไม่เหมาะสมนะ ซึ่งปกติก็เข้าใจอยู่ว่า วิธีนี้มันมีจุดอ่อนเพราะอดีตมันไม่ได้บอกว่าอนาคตจะเป็นยังไง แต่พอได้ยินเข้าบ่อยๆ ก็เหมือนโดนกดดันว่า นี้ต้องไปแก้ไข value ตัวเองใหม่ทั้งหมดแล้วละมั้งเนีย จนตอนนี้รู้สึกว่าบางที เอาเงินไปใส่ใน index fund เลยดีไหมนะ เหมือนในหนังสือ The Intellegence Investor ที่กล่าวประมาณว่าคนที่ตั้งใจจะเอาชนะตลาดได้ ต้องใส่ความพยายาม ความขยัน ความมีระเบียบวินัยเข้าไป ตอนนี้เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าตัวเองสามารถจ่ายสิ่งเหล่านั้นเข้าไปพอหรือเปล่านะ ?
โฆษณา