3 ก.พ. 2019 เวลา 03:19
ปรากฏการณ์ทางจิตวิทยาอันแปลกประหลาด
จนทำให้เราแสดงพฤติกรรมบางอย่างออกมาโดยที่ตัวเองยังไม่รู้ตัว!!
Bystander Effect
ปรากฏการณ์ทางสังคมอันน่าเศร้านี้เกิดขึ้นในตอนที่เวลาเราอยู่ท่ามกลางฝูงชน คนเยอะๆ แล้วมีคนต้องการความช่วยเหลือ เรามักจะไม่ยื่นมือเข้าไปช่วยเขาคนนั้นเพราะลึกๆ แล้วเราคิดว่าเดี๋ยวคนอื่นก็คงมาช่วยเอง
ก่อนหน้านี้ได้มีงานวิจัยที่ทำให้เราเข้าใจปรากฏการณ์ดังกล่าวชัดยิ่งขึ้นนั่นคือ เมื่อไหร่ที่มีคนหนึ่งในฝูงชนพร้อมที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยแล้ว คนอื่นๆ จะตามไปช่วยด้วยเหมือนกัน แสดงให้เห็นว่าตัวแปรสำคัญคือคนที่จะลุกออกไปช่วยเป็นคนแรกนั่นเอง
Spotlight Effect
เราอาจเคยมีความคิดประมาณว่าวันนี้ฉันดูซุ่มซ่ามเกินไปหรือเปล่า? ฉันแต่งตัวเข้ากับงานปาร์ตี้มั้ย? ซึ่งความคิดเหล่านั้นอาจเกิดจากการที่เราคิดว่ามีสปอร์ตไลต์สาดส่องมาที่ตัวเองอยู่เสมอ เหมือนกับถูกทุกคนจับจ้อง คอยจับผิดทุกย่างก้าว มีคนมองและจะตัดสินเราตลอดเวลา แต่ความจริงแล้วมันไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย
Online Disinhibition Effect
สื่อในปัจจุบันมีอิทธิพลอย่างมากต่อปรากฏการณ์นี้ เพราะนี่คือสิ่งที่เป็นเบื้องหลังของเหล่าคนที่ชอบยั่วยุหรือกลั่นแกล้งคนอื่นๆ ในโลกไซเบอร์ เมื่อไหร่ที่เราเข้าไปอยู่ในโลกออนไลน์ เรามีแนวโน้มที่จะก้าวร้าว ตัดสินคนอื่น และหยาบคายมากกว่าที่เราแสดงออกมาในชีวิตจริง
นั่นเป็นเพราะว่าเราไม่ได้อยู่ต่อหน้าคนที่พูดด้วย ทำให้เราเลือกที่จะปลดปล่อยอารมณ์ความโกรธหรือเกรี้ยวกราดออกมาอย่างเต็มที่ แทนที่จะสงบและสุภาพเหมือนอย่างในโลกแห่งความเป็นจริง
Cheerleader Effect
เหล่าเชียร์ลีดเดอร์มักจะเป็นกลุ่มที่เต็มไปด้วยคนหน้าตาดี แต่นั่นก็ไม่ใช่ทุกคนเสมอไป นั่นจึงกลายเป็นที่มาของชื่อปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในจิตใจเรา คือการที่คนคนหนึ่งจะดูดีขึ้นเมื่ออยู่ในกลุ่มเพื่อนที่มีเสน่ห์น่าดึงดูด
ที่เรามองเป็นแบบนั้นเพราะว่า สมองของเราคำนวณหาค่าเฉลี่ยความมีเสน่ห์โดยรวมของกลุ่มๆ หนึ่ง แทนที่จะมองแยกเป็นรายคนไป จากตอนแรกที่เรามองคนนี้ไม่สวยเท่าไหร่ พอเธออยู่ในกลุ่มเพื่อนก็อาจสวยขึ้นมามากว่าเดิม
Dunning-Kruger Effect
เราอาจเคยเห็นมือใหม่บางคนก้าวขึ้นมาประสบความสำเร็จ ในขณะที่มืออาชีพบางคนกลับไม่สามารถก้าวไปถึงจุดนั้นได้ นั่นเพราะว่าคนที่เป็นมือใหม่มีความคุ้นเคยกับสิ่งๆนั้นน้อยกว่าและมองข้ามข้อบังคับต่างๆไป มองว่าตัวเองสามารถก้าวข้ามผ่านขีดจำกัดไปได้และหมั่นเรียนรู้อยู่เสมอ
ขณะเดียวกัน คนที่เป็นมืออาชีพมักจะมองว่าตัวเองเก่งอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเรียนรู้อะไรเพิ่มอีก จึงทำให้ไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้
เดจาวู (Déjà Vu)
มันมีความหมายว่า “เห็นไปแล้ว” เป็นสิ่งที่มักจะทำให้พวกเราคิดว่าตัวเองมีพลังจิตมองเห็นอนาคตได้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้เราเคยเห็นมาก่อนแล้ว ซึ่งปรากฏการณ์ทางจิตดังกล่าวยังคงเป็นเรื่องที่ไม่สามารถให้คำตอบได้ว่าเกิดจากอะไร
Broken Escalator Phenomenon
นี่คือสิ่งที่ส่งผลต่อเราในทางกายภาพ มันคือสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนที่เราคาดหวังว่าจะเกิดอะไรสักอย่างแต่ดันไม่เกิด ยกตัวอย่างสถานการณ์ที่เห็นได้ชัด เช่น ตอนที่เราลงบันไดแบบไม่ได้มองแล้วคิดว่ามันยังเหลืออีกขั้น แต่ความจริงมันไม่มีแล้ว หรือตอนที่เราขึ้นบันไดเลื่อนที่คิดว่ามันจะพาเราขึ้นไป แต่มันดันไม่ขยับซะอย่างงั้น
ปรากฏการณ์นี้จะทำให้เรารู้สึกวิงเวียน เมาหัวเล็กๆ งุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น อารมณ์เหมือนกับว่าเดินสะดุดขาตัวเอง
และนี่คือปรากฏการณ์ทางจิตวิทยาที่สามารถเกิดขึ้นได้ในชีวิตประจำวันของเราทุกคน แสดงให้เห็นว่าต้นตอของเรื่องบางเรื่อง แท้จริงแล้วมันอาจเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากภายในของตัวเราเองทั้งนั้นแหละ
ที่มา: brightside
โฆษณา