26 ม.ค. 2019 เวลา 11:16 • ประวัติศาสตร์
ตำราแพทย์...กรมหลวงชุมพร!
วีรกรรม"ไร้ยศ"! เมื่อคราวถูกปลดจากราชการ!
ของ "พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์"!!!
http://pikanasaya.blogspot.com/2014/04/blog-post_2.html?m=1
ใครที่เคยติดตามอ่านประวัติของพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดื์
ก็คงทราบดีอยู่ว่า
ณ ช่วงชีวิตหนึ่งของ "กรมหลวงชุมพร" ได้ถูก
"พิษการเมือง" เรื่องข่าวลือว่าคิดเป็นกบฏต่อรัชกาลที่ 6
จนต้องตกเป็นจำเลยในข้อครหา และนำพาไปสู่การถูกออกจากราชการ!!!
ในช่วงที่ทรงว่างจากงานราชการอยู่ 6 ปี ในระหว่างปี พ.ศ. 2454- 2460 นั้น มิได้ทรงนิ่งเฉยต่อไพร่ฟ้า
ประชาราฎร์
และได้ทรงประกาศตนเป็น "หมอพร"
คอยรักษาผู้เดือดร้อนโดยมิได้คิดค่ารักษาอยู่ร่ำไป
http://pikanasaya.blogspot.com/2014/04/blog-post_2.html?m=1
วิชาการแพทย์ที่เสด็จในกรมทรงใช้รักษาชาวบ้านนั้น
นับว่ามีความพิสดารล้ำลึก
1
จนมีผู้นึกว่าพระองค์ทรงใช้ "คุณไสย" เข้าปัดเป่านจนบรรลุผล!
ดังเช่นที่คราวหนึ่งมีจีนย่านสำเพ็งมากราบพระบาทขอให้ไปช่วยรักษาพ่อที่เป็นฝีในท้อง
ซึ่งก็เป็นที่รู้กันดีอยู่ในสมัยนั้นว่าถ้าเป็นขึ้นมาก็ได้แต่
ต้องเตรียมจองศาลาเอาไว้
แต่เมื่อพระองค์เสด็จไปถึงก็ปรากฎว่าโรคร้ายนั้นได้หายไปโดยฉับพลัน
เป็นอันว่าชื่อเสียงทางการแพทย์ของพระองค์นั้นเลื่องชื่อระบือไกลไปทั่วทั้งพระนคร
ความจริงตำรับวิชาแพทย์ของ "หมอพร" นั้นไม่ใช่ไสยศาสตร์มนต์ดำที่ไหน
http://pikanasaya.blogspot.com/2014/04/blog-post_2.html?m=1
เพียงแต่เป็นความรู้ที่ท่านไปศึกษามาจากหลายครูหลายอาจารย์เท่านั้นเอง
เมื่อคราวที่เสด็จเป็นนักเรียนนายเรือศึกษาวิชาทหารอยู่ที่ยุโรปก็คงได้ทรงศึกษาวิชาการแพทย์สมัยใหม่มาบ้าง
ต่อจากนั้นก็ทรงได้ศึกษาวิชาการแพทย์แผนไทยจาก
"พระยาพิษณุฯ" หัวหน้าหมอหลวงในราชสำนัก
และยังได้รู้จักวิธีการนำสมุนไพรมา "เล่นแร่แปรธาตุ" จากหลวงปู่ศุขวัดปากคลองมะขามเฒ่า
จนเอามาทำเป็นยาชนิดต่างๆ ได้อย่างชะงัด
https://sites.google.com/site/lelavadee009/home/nwd-phaen-thiy
ความมหัศจรรย์ทางการแพทย์ของเสด็จในกรมก็มีขึ้นมาด้วยประการฉะนี้!
ในวิชาแพทย์แผนโบราณนั้นมีการวางพื้นฐานร่างกายมนุษย์เหมือนกับโครงสร้างของจักรวาล
และมีจุดแต่ละจุดประสานงานคล้ายดวงดาวนับล้านที่
ทำหน้าที่ส่องสว่างแก่โลก
จุดต่างๆ เหล่านี้ถูกเชื่อมโยงด้วย "เส้น"
"เส้น" ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงเส้นเอ็นดังที่วิชาการแพทย์สมัยใหม่เข้าใจกันโดยทั่วไป
แต่เป็นเส้น "ปราณ" ที่ทำหน้าที่ "ประสาน" จุดต่างๆ เหล่านี้เหมือน "รูหนอน" อวกาศ
ที่ทำหน้าที่ควบคุมสมดุลของจักรวาล
1
และดวงดาวนับล้าน นั้นก็เสมือนจำนวนเซลล์ที่ประกอบรวมกันเป็นร่างกายนั่นเอง
http://thn245355social.blogspot.com/2016/09/blog-post_98.html?m=1
ภิกษุในสมัยพุทธกาลเข้าถึงองค์ความรู้ที่ล้ำยุคนี้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า "อสุภกรรมฐาน"
คือการนั่งสมาธิในป่าช้า ใช้ดวงตาเพ่งมองศพที่มีคนทิ้งไว้แล้วค่อยๆ สลายไปตามกาลเวลา
เพื่อให้พ้นจากกิเลสตัณหาความยึดมั่นในร่างกาย
ก็แล้วเมื่อสามารถเข้าใจถึงกระบวนการ "สลาย"
ความเข้าใจเกี่ยวกับการ "ประสาน" ก็ย่อมมีขึ้นในเวลาเดียวกัน
ฉะนั้นเมื่อพระมหาโมคคัลลานะถูกโจรทุบตีจนกระดูกแตกละเอียด
จึงยังสามารถเบียดกายลุกขึ้นนั่ง "ประสาน" แผลแลต่อเวลาชีวิตเพื่อไปถวายบังคมลาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้
"เส้น" ต่างๆ ในร่างกายนี้ในวิชานวดแผนโบราณท่านว่ามีถึง 72,000 เส้นทั่วร่าง
https://dokkaew.wordpress.com/2012/10/20/เส้นประธาน/
แต่เส้นที่ต่างทำหน้าที่เป็นหัวใจหลักนั้นมีอยู่ 10 เส้น
ได้แก่..
อิทา ปิงคลา สุมนา คานธารี หัสติชีวา ปุสะ ยุสัสวิณี อะลัมภูสะ กุหุ สังขิณี
และมีลม "สูรยะกลา นาภี" และ "จัทระกลา นาภี"
ทำหน้าที่เสมือนพระอาทิตย์และพระจันทร์ ที่ทำให้ช่วงกลางวันและกลางคืนของร่างกายนี้สมดุล
บรรดามหาฤาษีที่มีความรู้ในทำนองเดียวกันนี้
ได้มีการนำเอาความรุ้ไปบูรณาการจนเกิดเป็นตำราท่า
"ฤาษีดัดตน" ที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
http://202.183.204.137/km/?p=6855
หรือ "วัดโพธิ์" ที่เป็นที่รู้จักกันทั่วไป
มี่ทั้งหมด 13 ท่า ได้แก่
ยืดกายแบกฟ้า
วันทาขาเดียว
เหนี่ยวเท้าค้ำเข่า
มือท้าวดันขา
กดกายาค้ำดิน
เหยียบดินผลักโลก
โยกเข่ายื้อขา
ก้าวท่ายักษ์กุมภัณฑ์
เหนียวกัณฐาดันเข่า
ศอกท้าวถ่างพับแข้ง
แสดงท่ากบลีลา
โอบหัตถารับเท้า
สลับเข่ายื้อศอก
และได้มีกลบทบอกใบ้วิธีทำสำหรับเฉพาะคนที่มีพื้นฐานความรู้จะเข้าใจ ดังเช่นในท่า "กบลีล่า" ว่า
ฤาษีวชิรรู้ศาสตร...สฤษฎิกาย กบแฮ
ชื่อเทพมณโฑชาย...มากชู้
แก้ลมเข่าขาตาย...ตึงเมื่อย มึนเฮย
เท้าหัตถ์ชันเข่าคู้...ท่าแม้น ชม้ายสิงห์ฯ
http://oknation.nationtv.tv/blog/phaen/2007/09/21/entry-1
สำหรับสมุนไพรที่ทรงนำมาใช้ประกอบการรักษา เช่น
ขิง - แก้ปวดหัว อาเจียน ช่วยย่อยอาหาร ปัสสาวะขัด
ขมิ้นชัน - ลดกรด แก้อาหารไม่ย่อย โรคกระเพาะ
มะระขี้นก - ลดน้ำตาลในเลือด แก้โรคเบาหวาน
ตะไคร้ - รักษาเกลื้อน ลดความดันโลหิต โรคนิ่ว
ตำลึง - แก้พิษแมลง แก้อักเสบคัน ใช้ตำพอกแผล
ใบย่านาง - แก้ภูมิแพ้ ริดสีดวง ลำไส้อักเสบ พิษสุรา
หัวไชเท้า - แก้นิ่วในไต ไตอักเสบ ไตวาย
http://www.thaihealth.or.th/Content/43547-"สมุนไพรไทย"%20เติบโตขึ้นกว่า%2030%20.html
นอกจากนี้แล้ว
เสด็จในกรมมักจะทรงประทาน "คำกล่าว" สั้นๆ ให้ผู้ป่วย
เพื่อช่วยเป็นกำลังใจระหว่างเยียวยารักษา
เช่น "โอม สะตุ โลหิตัง" ซึ่งคำๆนี้สำหรับผู้ที่ไม่รู้หลัก
เวยยากรณ์โบราณ ก็อาจปฏิเสธความเป็น "ภาษา"
ของคำๆ นี้ไปโดยปริยาย
แต่แท้จริงแล้วหัวใจของคำนี้คือ "สะตุ"
เป็นคำไทยโบราณหมายถึงการตกผลึกของสารธรรมชาติ เช่น ผลึกของเกลือในนาเกลือ
ผู้ซึ่งมีความศรัทธาในตัวพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงชุมพรฯ
ประกอบกับภาษาบาลีซึ่งเป็นหัวใจของพุทธศาสนา
ย่อมมีกำลังใจแข็งกล้าเพื่อสู้กับ "บาดแผลมีเลือดไหล"
จนอาจทำให้หายได้ไวกว่าปกตินั่นเอง
https://m.pantip.com/topic/31610492?
ภูมิความรู้โบราณเหล่านี้ ประกอบกับวิทยาการแพทย์สมัยใหม่จากยุโรป
ได้ถูกนำมา "บูรณาการ" ภายในห้อง Lab ส่วนพระองค์ที่ทรงจัดซื้อเครื่องมือแพทย์มาด้วยพระองค์เอง
เช่นนี้จึงกลายเป็น "ศาสตร์ส่วนพระองค์" ที่ไม่มีแพทย์คนไหนในยุคนั้นจะเทียบฝีมือได้!
และยากจะหาผู้เจนจัดมาสืบทอด
เพราะการ "บูรณาการ" เช่นนี้เป็นคุณสมบัติที่ยากจะหาพบในตัวบุคคลๆ เดียวนั่นเอง
1
https://m.tnews.co.th/contents/362698
เนื้อหาเดิมจาก
เวนิสา เสนีวงศ์ : กรมหลวงชุมพร พระบิดาทหารเรือไทย
ศักดิ์สิทธิ์ สิทธินันท์ : ตำราพรหมชาติ
อัตถนิช โภคทรัพย์ : มหาเวทย์มวยไทย : จิตสรีระศาสตร์
เรียบเรียงใหม่โดย
.
//The Chariot
โฆษณา