28 ม.ค. 2019 เวลา 08:15
ที่มาของKawasaki
Kawasaki Heavy Industries ถือกำเนิดในปี 1878 เมื่อ Shozo Kawasaki ได้ก่อตั้งอู่ต่อเรือที่Tsukiji กรุง Tokyo ซึ่งก็กลายมาเป็นยักษ์ใหญ่แห่งอุตสาหกรรมเรือ ,รถไฟ, วิศวกรรมโยธา ,งานเหล็กกล้า,อากาศยาน ทั้งหมดนี้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของการรวมตัวกันครั้งยิ่งใหญ่ซึ่งเป็นหนึ่งใน Zaibatsu หรือบริษัทต่างๆทางเศรษฐกิจที่ทำให้ญี่ปุ่นเปลี่ยนจากประเทศระบอบขุนนางกลายมาเป็นประเทศอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็ว      Kawasaki ได้เข้าสู่วงการรถจักรยานยนต์และเครื่องยนต์ในช่วงต้นทศวรรษที่ 50 ในปี1962 รถ Kawasaki 125 รุ่นแรก ออกสู่ตลาดและสร้างชื่อเสียงให้กับบริษัท ถึงแม้จะเป็นที่รู้จักดีในรุ่นนี้ แต่บริษัทก็ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนักในภาพรวม ก่อนหน้านี้บริษัทได้เข้าร่วมกับ Meguro ซึ่งเป็นบริษัทรถจักรยานยนต์ญี่ปุ่นช่วงก่อนสงคราม หลังจากนั้นกลายมาเป็นที่รู้จักกันดีในลักษณะคู่แฝดผู้ออกแบบ BSA  ซึ่งใช้ชื่อ Meihatsuที่ใช้เครื่องยนต์ของ Kawasaki
ก้าวแรก
เมื่อKawasaki ได้เปิดตัวรุ่นแรกออกมา และได้เข้าร่วมอย่างจริงจังในการแข่งขัน European Grand Prix เป็นการส่งเสริมการขายสินค้าได้เป็นอย่างดี Kawasaki เป็นผู้แข่งขันจักรยานยนต์วิบากของญี่ปุ่นโดยใช้จักรยานยนต์รุ่นหนึ่งโดยการปรับแต่งและระบายสีตัวถัง ได้รับชัยชนะและ “Red Tank Kawasaki” ก็คือสโลแกนในการโฆษณา ซึ่งเป็นวิธีการนำเสนอที่ได้นำกลับมาใช้ได้ใหม่อีกครั้ง          Kawasaki ได้เริ่มส่งออกสินค้าไปสหรัฐในช่วงกลางทศวรรษที่60 และในยุโรปหลังจากนั้นขอบเขตการขยายส่วนใหญ่นั้นจะอยู่ภายในประเทศ โดยเฉพาะเครื่องยนต์สองจังหวะสูบเดียวขนาดเล็ก สำหรับใช้งานบนถนน,ทางลาด และสำหรับติดตั้งในเครื่องขุด ทั้งหมดนี้ผลิตอย่างเรียบง่ายคุ้มค่าและใช้งานได้ดี มีหลายๆรุ่นที่อยู่ในตลาดเป็นปีๆ บ่อยครั้งที่เปลี่ยนเฉพาะสีและรูปทรงหรือบางครั้งก็มีการพัฒนาด้านกลไกบ้าง ดังนั้นปัจจุบันรุ่น KH125 ได้รับต้นแบบมาจากรุ่น B8ในปี1962
อย่างไรก็ตาม Kawasaki ต้องการให้ชื่อได้รับความนิยมจึงได้เน้นเรื่องประสิทธิภาพเป็นเส้นทางการขยายเครื่องยนต์สูบเดียว ทำให้ได้รับการยอมรับจากตลาดภายในประเทศและตั้งเป็นฐานการผลิตแต่ก็ไม่สามารถสร้างสีสันต่อการส่งออกได้ บริษัทได้ก้าวเข้าสู่การแข่งขันอย่างจริงจัง โดย Meguro ได้เข้าสู่ถนนการแข่งขันในปี1957 ที่ Asama ในประเทศญี่ปุ่น ปี1965 Kawasaki เข้าแข่งขันในรายการ GP ของญี่ปุ่นโดยใช้รุ่น125cc สองสูบ และสองปีต่อมาในรายการนี้ได้ใช้ทั้งสองสูบและสี่สูบในรุ่น125cc ในปี1969 เมื่อ Dave Simmonds ได้รับชัยชนะระดับโลกในรุ่น 125cc ด้วยชัยชนะ 8 ครั้ง และ ที่สอง 2 ครั้ง รวมถึงการชนะ TT
ตั้งแต่นั้นมา Kawasaki ได้เดินบนเส้นทางแห่งประสิทธิภาพอย่างมั่นคง ถึงแม้ว่าความพยายามครั้งแรกจะล้มเหลว ได้นำเครื่อง4จังหวะเก่าของ Maguro ที่มีหน้าตาเหมือน BSA Golden Flash คู่มาใช้และขยายเป็น 624cc ถึงแม้แนวคิดจะเป็นจริงและรุ่นนี้ก็ขายดีมากในญี่ปุ่น แต่ในอเมริกาก็ล้มเหลวเมื่อมีการพูดถึงว่าเครื่อง2 สูบของอังกฤษนั้นดีกว่า ดังนั้นความพยายามที่จะตกแต่งให้เหมือน Meguro แบบเก่าไม่ได้ผล การตกแต่งแบบสปอร์ต รุ่นที่มีท่อไอเสียระดับเอวได้ถูกนำมาใช้แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจของของคนอเมริกัน อาจเป็นเพราะรูปแบบ BSA เดิมๆมากเกินไป ลูกค้าจึงกลับไปซื้อรุ่นเดิมแทน
เครื่องยนต์สองสูบ
Kawasakiตัดสินใจที่จะทดลองเปลี่ยนแนวทางโดยการมุ่งเน้นไปที่การแข่งขัน grandprix เพราะมีผลต่อผู้ซื้อมากกว่าแบบที่เน้นความเร็วสูงแบบครุยเซอร์ ถึงแม้ว่าสิ่งนั้นจะไม่ช่วยให้ถูกลงหรือต้องเพิ่มรายละเอียดในการควบคุมรถและระบบกันสะเทือนมากขึ้น จากการเรียนรู้มาจากการแข่งขัน grand prix ผลลัพธ์ที่ได้คือรุ่นซามูไร250cc เครื่องยนต์สองสูบ สองจังหวะ 5 เกียร์ ให้กำลังสูงซึ่งได้เปิดตัวในพฤษภาคม ปี1966 และติดตลาดอย่างรวดเร็ว และจากนั้นก็นำเครื่องยนต์ขนาดใหญ่กว่ามานำเสนอเพื่อชื่อเสียงและภาพพจน์ของKawasaki   ช่วงปลายปีได้นำรุ่น A1R เข้าแข่งทางเรียบ ในปี1967 รุ่น Avenger ขนาด 338cc ได้นำเสนอเครื่องยนต์ที่ใหญ่ขึ้นให้กับคนอเมริกันโดยถือเป็นเจ้าแห่งความเร็วบนท้องถนน และในเวลาเดียวกันรุ่นซามูไรที่อยู่ในตลาดก็เปิดตัวรุ่นซามูไร A1SS ซึ่งมีระบบท่อไอเสียคู่พร้อมอุปกรณ์ป้องกันความร้อน ในปี1968 Kawasaki พบว่าส่วนใหญ่เครื่องสองสูบจะออกตัวได้เร็วกว่าเครื่องสี่สูบที่มีขนาดใหญ่ แต่เครื่องยนต์ขนาดใหญ่เมื่อวิ่งได้ระยะทางแล้วก็จะเริ่มทำความเร็วได้มากกว่าแต่ก็จะพบไฟจราจรให้หยุดและการแข่งขันก็จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งจะมีเพียงแต่ถนนสายตรงและยาวเท่านั้นที่เครื่องยนต์650 สามารถไล่ตามทันและฉีกหนีได้ ด้วยการใช้เครื่องที่มีกำลังและความเร็วปลายที่มากกว่าอาจจะใช้เชื้อเพลิงที่น้อยกว่าแต่ในเวลานั้นไม่มีใครสนใจเรื่องนั้น นอกจากอัตราเร่งเท่านั้นที่ดึงดูดเครื่องยนต์สองสูบสองจังหวะพร้อมด้วยเครื่องยนต์สองสูบแบบเก่าเข้ามา
โฆษณา