2 ก.พ. 2019 เวลา 18:22 • ประวัติศาสตร์
พาหุงมหากา...ศรัทธาพระนเรศวร
กรุงศรีเคยคลุกคลีด้วยสีเลือด...แผ่นดินเคยเดือดเลือดโลมไหล...แต่ไทยต้องคงนามความเป็นไท...ไม่มีใครวิญญาณกูจะสู้เอง!
https://www.tlcthai.com/travel/37528/อุทยานราชภักดิ์-อ-หัวหิน.html
สายฟ้าฟาดเปรี้ยง!
เป็นเสียงระคนกับลมมรสุมที่ปกคลุมไปทั่วทิศ
ทุกชีวิตในสนามรบ ณ บัดนี้หมายที่จะเข้าฟาดฟันประจันผลาญศัตรูให้แหลกลาญ กองทัพม่าน (พม่า)
กับกองทัพสยามเรือนแสนกำลังจะทำศึกตัดสินเป็นตาย
ณ ที่ชายแดนม่านแลสยาม
“ทหารกล้าทั้งหลาย! จงอย่ากลัวศัตรูผู้อยู่เบื้องหน้า!
ศึกตัดสินชะตาในวันนี้จักเป็นที่จดจำไปชั่วลูกสืบหลาน!"
"ต่อให้เบื้องหน้าจักเป็นกรงเล็บแห่งพญามาร! กูก็จักพิชิตผลาญให้ลูกหลานวันข้างหน้ามีแผ่นดินอยู่สืบไป!
"บุก!!!”
https://m.pantip.com/topic/35934892?
เสียงฝีเท้าไพร่ราบพลม้าและเท้าช้างของกองทัพหลวงแห่งสยามดังสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วพื้นปฐพี
ดินฟ้าอากาศราวกับจะแปรปรวนด้วยฤทธิทานุภาพปราบฟ้าของกองทัพแห่งองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ลมพายุอันเกรี้ยวกราดผงาดอยู่กลางทุ่งอันเป็น
อภิมหาสมรภูมิ เสียงช้างเสียงม้าดาบดั้งปะทะประทัง
ดังกังวานไปทั่วทุกทิศ
สรรพชีวิตลืมเลือนความขลาดมุ่งแต่จักฟาดฟันปัจจามิตรเอาโลหิตล้างปฐพี
ช้างศึกแห่งองค์สมเด็จพระนเรศวรตรงรี่ปรี่เข้าหา
พระมหาอุปราชาผู้ยืนอยู่ใต้ร่มไม้
https://th.m.wikipedia.org/wiki/ยุทธหัตถี
พลายพัทธกอและพลายภูเขาทองผยองเข้าฟาดฟันประจันงาส่งเสียงดังประดุจฟ้าลั่น
สองกษัตริย์ฟาดฟันอยู่บนคชสารเปรียบปานเทพยดารณรงค์ ณ กลางดงสมรภูมิ
ดาบหนึ่งนั้นหมายจะฟันพระศอคอพระนเรศวร
ให้ขาดกระเด็น
แต่เป็นด้วยพระปรีชาญาณทัศนะที่ได้ทรงฝึกมาแต่ครั้งเป็นศิษย์ก้นกุฏิของพระมหาเถรคันฉ่อง
พระทัยอันผุดผ่องอยู่ด้วยเดชแห่งสมาธิมิทำให้คมดาบระคายเคืองพระองค์ได้
บัดนั้นพระแสงของ้าวแสนพลพ่ายได้ล่างฟันขวางสะพายแล่งสำแดงเดช
จนเป็นเหตุอาเพศแห่งองค์พระมหาอุปราชาชา
ยังมิทันได้รู้สึกถึงความเจ็บพระวรกาย
พระแสงของ้าวแสนพลพ่ายคำรบที่สองก็รองรับฉับลงที่พระศอคอขาดกระเด็นไป
ชัยชนะแห่งองค์สมเด็จพระนเรศวรฯ
ควรค่าแก่การจดจำทำให้เป็นที่ประจักษ์ชั่วลูกสืบหลาน!
https://hilight.kapook.com/view/101132
เป็นที่น่าทึ่งว่า
ก่อนที่สมเด็จพระนเรศวรท่านจะทำศึกชนะ
พระมหาอุปราชา
ช้างทรงของพระองค์ท่านตกมันวิ่งเข้าไปท่ามกลาง
ทหารฝ่ายข้าศึก
พอช้างพระที่นั่งหยุดท่านก็พบว่าท่านตกอยู่ในวงล้อม ไม่มีใครจะมาช่วยท่านได้เลย
ถ้าเป็นคนทั่วไปก็คงกลัวลนลานจนทำอะไรไม่ถูก
แต่สมเด็จพระนเรศวรไม่ใช่คนทั่วไป!
ด้วยทรงมีพื้นฐานทางสมาธิที่ได้ร่ำเรียนมาแต่เด็ก
การเจริญสติให้รู้ตัวทั่วพร้อมเพื่อป้องกันไม่ให้ราคะ โทสะ โมหะ ความกลัว กังวล ฟุ้งซ่าน เกิดขึ้นในใจ
เป็นสิ่งที่สมเด็จพระนเรศวรท่านทรงพระปรีชายิ่ง
แม้ว่าจะตกไปอยู่ในสถานการณ์ที่คับขับที่สุด
พระองค์ท่านก็ทรงเอาตัวรอดพร้อมกับชัยชนะด้วยสติ
ที่ไม่น่าเป็นไปได้
สมเด็จพระนเรศวรทรงมีประสบการณ์ในวัยเด็กที่ต่างกับลูกกษัตริย์ทั่วไป
พระมหาเถรคันฉ่อง : facebook.com
ชีวิตของพระองค์หล่อหลอมให้พระองค์เข้มแข็ง
และตระหนักถึงคุณค่าในการเจริญสติเพื่อเสริมกำลังสมาธิให้กล้าแข็ง
สั่งสมเป็นกำลังในการทำให้ปณิธานกอบกู้เอกราชของพระองค์สัมฤทธิ์ผล
ดังนั้นเมื่อว่างเว้นจากราชการงานศึก แทนที่พระองค์ท่านจะใช้เวลาในการเสวยสุขในวัง
ทรงกลับชอบปลีกวิเวกไปปฏิบัติกรรมฐานเสียมากกว่า
ซึ่งกรรมฐานก็มีด้วยกันหลายแบบ
อยู่ที่ว่าใครถนัดแบบไหน แต่สมเด็จพระนเรศวรท่านนิยมใช้วิธีภาวนามนต์จนเกิดเป็นสมาธิ
เนื้อหาในมนต์ที่ว่านี้เองที่เป็นเหตุให้สมเด็จพระนเรศวร
ท่านทรงมีสติในเวลาที่ไม่น่าจะมีได้
และยังใช้มนต์บทนั้นในการแก้ไขสถานการณ์จนพลิกจากฝ่ายเสียเปรียบมาเป็นฝ่ายได้เปรียบ
ทั้งที่พระองค์ท่านมีแค่คนเดียวลำพังแต่ศัตรูมีตั้ง
เป็นหมื่นเป็นพันคน
มนต์นั้นคือ "พาหุง-มหากา!"
https://www.bloggang.com/m/viewdiary.php?
หรือ “พุทธชัยมงคลคาถา”
แปลว่าคาถาว่าด้วยชัยชนะอันเป็นมงคลของพระพุทธเจ้า
เป็นคาถาที่ได้นำเอาเหตุการณ์สำคัญๆ ที่พระพุทธเจ้าทรงชนะมาร 8 ครั้งมารวมกันไว้ในคาถาบทนี้
ความเข้มขลังของพุทธมนต์บทนี้อยู่ที่พุทธวิธีที่ทรงใช้แต่ละครั้ง
เพราะชัยชนะแต่ละครั้งพระองค์มิได้ทรงใช้กำลังเข้าย่ำยีฝ่ายปรปักษ์จนต้องมีการเสียเลือดเสียเนื้อ
เช่น ทรงใช้จิตแห่งการให้เอาชนะผู้ที่คิดจะมาแย่งชิง ทรงใช้ความอดทนอดกลั้นเอาชนะความดุร้าย
ทรงใช้เมตตาเอาชนะความเกรี้ยวกราด ทรงใช้ฤทธิ์ทางใจขจัดมิจฉาทิฐฐิของผู้ปองร้าย
ทรงใช้ความสงบสยบเคลื่อนไหว ทรงแสดงปัญญาให้เป็นที่ประจักษ์ ทรงแสดงอิทธิฤทธิ์ให้เป็นที่ประจักษ์
ทรงแสดงญาณวิถีให้เป็นที่ประจักษ์ ซึ่งล้วนเป็นชัยชนะที่ไม่ก่อเวรแก่ผู้ใด
และยังผลให้ผู้แพ้หันมายอมรับนับถือพระพุทธองค์ด้วยความจริงใจทั้งสิ้น
https://library.siam.edu/wp-content/uploads/2018/04/พระนเรศวรเสด็จสวรรคต-library-su.jpg
กับผู้ใต้บังคับบัญชา สมเด็จพระนเรศวรท่านทรงเป็นผู้ “ให้” โดยปูนบำเหน็จสำเร็จโทษอย่างยุติธรรม
นอกจากนั้นพระองค์ท่านยังมีจิตที่กอปรด้วย “ขันติ”
ในการตัดสินปัญหาโดยใช้ปัญญานำหน้าอารมณ์
ประกอบกับการแสดงพระทัยที่มี “เมตตา” เช่นการละเว้นโทษประหารบรรดาแม่ทัพนายกองทั้งหลาย
จึงทำให้ทรงเสมือนมี “ฤทธิ์ทางใจ” อยู่เหนือ
ผู้คนเหล่านั้น
สำหรับศัตรูหมู่มาร ท่านก็ใช้ความ “สงบ” อันงดงามแม้จะตกอยู่ท่ามกลางกองทัพนับแสน
เมื่อท่านมีใจที่สงบนิ่งแล้วท่านจึงพบ “ปัญญา” อาศัยการเจรจาปราศรัยจนบรรดาแม่ทัพพม่าไม่กล้าทำอะไร
จากนั้นจึงแสดง “อิทธิฤทธิ์” ที่เหนือกว่าด้วยความกล้าในการท้าพระมหาอุปราชาออกมาสู้รบ
และด้วยทรงมี “ญาณวิถี” อันล้ำเลิศจึงทรงไว้ซึ่งสติตลอดการสัประยุทธ์จนฉวยช่องเอาชัยได้ในท้ายที่สุดนั้นเอง
http://www.chaoprayanews.com/2012/04/02/พระราชวังจันทร์/
ชัยชนะของพระองค์เป็นผลมาจากการที่พระองค์ใช้ “ขันติ” และ “สงบ” ท่ามกลางความเคลื่อนไหวที่ไม่น่าไว้ใจทั้งหลาย
เมื่อเป็นดังนี้แล้วจังเกิด “ปัญญา” และ “ญาณวิถี” หรือไหวพริบปฏิภาณในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้
โดยอาศัยผลจาก “เมตตา” และการ “ให้” ที่ผ่านมาของพระองค์มาเป็นเกราะเพชรคุ้มภัย
จากนั้นจึงได้แสดง “อิทธิฤทธิ์” โดยการข่ม
“ฤทธิ์ทางใจ” ฝ่ายตรงข้ามที่กำลังสับสนและหวั่นไหวได้โดยสิ้นเชิง
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นอานุภาพบารมีแห่ง “พาหุง-มหากา” อันเป็นคาถาที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
และสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชหมั่นเจริญภาวนาระหว่างทำสงครามกอบกู้เอกราช
จึงเป็นผลให้ท่านทั้งสองมิเคยพบกับความพ่ายแพ้อันใด
จนถึงซึ่งความวิบัติเลยสักครั้ง
https://hilight.kapook.com/view/101132
คนรุ่นหลังไม่เคยเรียนรู้เกี่ยวกับการเจริญสติ
และไม่เคยเข้าใจในอุบายการสอนของคนในสมัยโบราณด้วยการ “ผูก” บทเรียนเป็นคาถา
จึงพากันละทิ้งสมบัติของปู่ย่าตายายไปอย่างน่าเสียดาย
เกี่ยวกับที่มาของตำนานบทสวด "พาหุง-มหากา" นี้
มีผู้เชื่อว่าเป็นฝีมือการรจนาของสมเด็จพระพนรัตน์
วัดป่าแก้ว
ซึ่งหลวงพ่อจรัญเป็นผู้ไปสำรวจพบ
ระหว่างการบูรณะพระเจดีย์วัดใหญ่ชัยมงคลของ
กรมศิลปากร
https://th.m.wikipedia.org/wiki/ไฟล์:วัดใหญ่ชัยมงคล_4.jpg
ซึ่งหลักจารึกพระคาถานอนอยู่ที่ใต้ฐานเจดีย์บันทึกว่า
"เราสมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้วศรีอโยธเยศ คือผู้จารึกนิมิตรจนาเอาไว้ถวายพระพรแด่มหาบพิตรเจ้า"
"สมเด็จพระนเรศวรมหาราช"
1
หลวงพ่อจรัญจึงเข้าใจในบัดนั้นว่า
บทพาหุงนี้ สมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว ได้ถวายให้สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ไว้สวดเป็นประจำเวลาอยู่ในพระราชวัง และระหว่าง
ศึกสงคราม
จึงปรากฎว่าพระคาถานี้เป็นเสมือน "หัวใจ" พิชัยยุทธตำรับสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ยังผลให้พระองค์มิทรงประสบกับความพ่ายแพ้เลย
แม้สมเด็จพระเจ้าตากสินฯ ก็ทรงเจริญรอยตามสมเด็จ
พระนเรศวรมหาราช
http://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/2009/08/A8245961/A8245961.html
โดยประกอบพิธีสวดบทพาหุงไว้ในพระยอดธงองค์หนึ่ง
เพื่อเป็นปรัชญาคาถาดำรงไว้ในจิตใจ
ก่อนเข้ารณรงค์ทำศึกตีเมืองจันทบุรี
และนับแต่นั้นก็ทรงกอบกู้เอกราชสำเร็จสืบมา
สี่ร้อยปีนี้อยู่ดูแดนเปลี่ยน
ภาพบั่นเศียรเวียนหามาตามฝัน
บ้างตื่นมานึกว่ายังรบกัน
เลือดนองฉันท่วมเท้าราวสายชล
หมู่มิตรรักมักหายมลายสิ้น
เป็นฝุ่นดินสิ้นสลายกลายเป็นผง
ศพเรียงตั้งฝังเผาเอาตามดง
ชีพหมดลงคงเหลือแต่เชื้อฟอน
ลูกหลานเอ๋ยจงรับสดับไว้
วิชาใดครูเราเขาพร่ำสอน
ใช่เพียงใช้หนุนหัวเอาตัวนอน
จงสะท้อนความดีที่แผ่นดิน
สี่ร้อยปีนี้อยู่ดูแดนเปลี่ยน
โลกหมุนเวียนเปลี่ยนผ่านกาลสมัย
สยามเปลี่ยนชื่อแคว้นเป็นแดนไทย
ผ่านโพยภัยเหลือรับนานัปการ
ก็การทัพการทูตฤามิใช่
ที่ป้องรัฐไทยไว้ไม่โดนผลาญ
เศรษฐกิจวิทยาวิชาชาญ
ร่วมประสานผดุงรัฐวิวัฒน์ไทย
.
//The Chariot
อ้างอิง
ไพยนต์ กาสี: บทสวดพุทธชัยมงคลคาถา
นริศร์ เลี่ยมทอง: ลิลิตตะเลงพ่าย
นพ.สม สุจีรา : ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
เรียบเรียงใหม่โดย
//The Chariot
โฆษณา