Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บทเรียนจากเชื้อโรค
•
ติดตาม
4 ก.พ. 2019 เวลา 06:46 • สุขภาพ
ลาซานญ่าคร่าวิญญาณ
1
ชายสูงอายุกำลังทานลาซานญ่าที่ห้างดังใจกลางกรุงเทพฯ
หารู้ไม่ว่านั่นอาจเป็นอาหารมื้อสุดท้าย
2
ลาซานญ่าหมู เครดิตภาพ: Ian Knauer ที่มา: https://www.foodandwine.com/recipes/pork-lasagna
กลางดึกคืนหนึ่ง รถพยาบาลไปรับตัวชายหมดสติมาส่งที่โรงพยาบาล
ณ ห้องฉุกเฉิน ผู้ป่วยปลุกไม่ตื่น แต่ยังพอตอบสนองต่อความเจ็บปวดได้
ผู้ป่วยมีไข้ และแพทย์ตรวจพบลักษณะคอแข็งเกร็ง ดันให้ศีรษะก้มลงไม่ได้ (stiff neck)
แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นเยื่อหุ้มสมองอักเสบฉับพลัน
โรคติดเชื้อที่ต้องให้การรักษาอย่างเร่งด่วนที่สุดที่มีบันทึกในตำราแพทย์
ทุกนาทีที่ผ่านไปอาจหมายถึงความเสียหายอย่างถาวรของสมองและเส้นประสาท รวมถึงชีวิต
แพทย์ไม่รอช้า ให้เพาะเชื้อในเลือดพร้อมกับฉีดยาปฏิชีวนะขนาดสูงเข้าหลอดเลือดดำ
3
ตามด้วยเจาะเอาน้ำไขสันหลังมาตรวจ ซึ่งพบเม็ดเลือดขาวจำนวนมาก ยืนยันว่ามีภาวะเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
1
มีบางอย่างแพร่กระจายเข้าไปในชั้นเยื่อหุ้มสมองที่หุ้มรอบเนื้อสมองอันบอบบางและพร้อมจะปลิดชีพชายผู้นี้อย่างรวดเร็ว
แต่ชะตาของผู้ป่วยรายนี้ยังไม่ถึงที่ ยาปฏิชีวนะได้ผล ผู้ป่วยค่อย ๆ รู้สึกตัวขึ้นเรื่อย ๆ จนกลับมาพูดคุยเป็นปกติได้ในไม่กี่วัน
บางรายอาจไม่โชคดีเช่นนี้
บางคนอาจออกจากโรงพยาบาลด้วยอาการหูหนวกถาวร จากเส้นประสาทสมองคู่ที่ 8 ถูกทำลาย (ไข้หูดับ)
บางรายอาจจบชีวิต...
ซึ่งก็ยังดีกว่ารายที่กลายเป็น "ผัก" (vegetative state) คือยังหายใจ หัวใจยังเต้น แต่ไม่รับรู้อะไรทั้งนั้นอย่างถาวร เรียกได้ว่าจะเป็นก็ไม่เป็น จะตายก็ไม่ตาย
ผลเพาะเชื้อทั้งจากเลือดและจากน้ำไขสันหลังขึ้นเชื้อตัวเดียวกัน
สเตร็ปซูอิส [Streptococcus suis] เชื้อนี้มาจาก"หมู"
สเตร็ปซูอิส จากกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน ที่มา: https://genome.jgi.doe.gov/portal/strsu/strsu.home.html
หมายความว่าผู้ป่วยต้องสัมผัสหมู ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ทั้งนี้ถ้าทานเนื้อหมูสุกตามปกติ ก็ไม่นับเป็นความเสี่ยง เพราะเชื้อถูกความร้อนทำลายได้เหมือนเชื้อทั่วไป
หลังผู้ป่วยรายนี้ตื่นดี เราจึงไปซักถามเพิ่มเติม ได้ความว่า
บ่ายวันที่เกิดเรื่องเขาไปห้างดังกลางกรุง แล้วทานลาซานญ่าหมู ซึ่งเขารู้สึกว่าตรงกลางมันเย็น ๆ แหยะ ๆ ไม่สุก เหมือนอบมาไม่นานพอ
คืนนั้นเอง เขาก็มีไข้ ปวดหัว และหมดสติไป
หมูดิบนั่นเองที่มีเชื้อมฤตยูนี้อยู่
ตามตำราว่าเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากสเตร็ปซูอิส การดำเนินโรคจะค่อนข้างช้า
แต่ในชีวิตจริง อาการทรุดเร็วไม่แพ้เชื้ออื่น
เคราะห์ดีที่ผู้ป่วยรายนี้ รู้สึกไม่ดี จึงทานไปไม่กี่คำ ถ้าฝืนทานจนหมดอาจได้ไปเฝ้ายมบาลแล้ว
เราเจอผู้ป่วยติดเชื้อสเตร็ปซูอิสอยู่เรื่อย ๆ บางคนอาจมาด้วยการติดเชื้อในกระแสเลือด ติดเชื้อที่ลิ้นหัวใจ เป็นต้น
เวลาผู้ป่วยดีขึ้น เราก็จะพยายามสืบเสาะให้ได้ว่าติดมาได้ยังไง จะได้ป้องกันไม่ให้ติดเชื้ออีก
แต่ผู้ป่วยเกือบทุกรายจะปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่เคยทานหมูดิบ หรือ สุก ๆ ดิบ ๆ เลย
เคยมีรายนึงถามยังไงก็ว่าไม่ได้ยุ่งกับหมูดิบแน่ ๆ
แฟนผู้ป่วยก็อึกอัก ๆ เหมือนจะพูดอะไรบางอย่างขึ้นมา แต่ถูกผู้ป่วยปรามไว้
สุดท้ายลูกศิษย์ไปเค้นข้อมูลมา ปรากฏว่า ผู้ป่วยไม่เคยกิน "เนื้อหมู" สุก ๆ ดิบ ๆ แต่ชอบกิน "ตับหวาน" เลือดซิบ ๆ
เราก็อ้าว ตับหวานมันก็ตับหมูนี่
ผู้ป่วยก็ทำหน้าใสซื่อ ประมาณว่านึกว่าหมายถึงเนื้อของมันอย่างเดียว
บางทีคนไข้อาจจะรู้อยู่แล้วว่า ตับหวานน่าจะเป็นสาเหตุ แต่อาจกลัวหมอตำหนิ ถึงต้องปรามไม่ให้แฟนบอกตั้งแต่แรก
บางรายก็บอกว่าไม่ได้กินหมูหรืออวัยวะใดของหมูแบบสุก ๆ ดิบ ๆ เลย
อาจารย์ของผมก็จะเน้นว่าถามแค่การกินไม่พอต้องถามถึงการสัมผัสด้วย ก็จะเจอว่าหลายรายไม่ได้ทานเข้าไปก็จริงแต่จับเนื้อหมูดิบตอนทำอาหาร ซึ่งอาจจะทำเป็นประจำ แต่เผอิญวันที่เกิดเรื่อง ไปจับหมูดิบโดยที่มือเป็นแผล เชื้อมันก็เข้าทางบาดแผลได้
แต่บางทีถามหมดทุกอย่าง ไม่เคยสัมผัสหมูที่แล่เป็นชิ้น ๆ แล้วเคยสัมผัสหมูตัวเป็น ๆ มั้ย ผู้ป่วยก็ปฏิเสธหมดทุกไอเดียที่เราจะคิดได้
รุ่นพี่ผมต้องไปนั่งไล่ถามกิจวัตรในแต่ละวัน ถึงได้ทราบว่าบ้านผู้ป่วยขายเย็นตาโฟ และตัวผู้ป่วยรับผิดชอบการเตรียมก้อนเลือด จึงต้องสัมผัสกับ "เลือดหมู" สด ๆ ซึ่งก็มีเชื้อได้ ถ้ามีแผลก็ซวยได้เช่นกัน
หรือถึงมือไม่มีแผล แต่ล้างมือไม่ดี แล้วไปหยิบอาหารเข้าปากก็เรียบร้อยเหมือนกัน
ดังนั้นถ้าต้องสัมผัสของดิบ ๆ ที่เราไม่แน่ใจว่ามีเชื้ออะไรได้บ้าง ทางที่ดีควรใส่ถุงมือ แยกเขียง แยกมีด และล้างมือให้สะอาดหลังเตรียมเสร็จ
1
จะเห็นได้ว่าการซักประวัติเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดและยากที่สุด การตรวจร่างกายกับการตรวจแลปแพง ๆ นั้นเทียบไม่ติด
และน่าจะเป็นทักษะของแพทย์อย่างเดียวที่ AI (artificial intelligence) ทดแทนได้ยากมาก
ขนาดเรารู้เชื้อแล้ว เรายังเค้นความจริงออกมาได้ยาก ถ้าคนไข้ได้ยาปฏิชีวนะมาก่อนแล้วเพาะเชื้อไม่ขึ้น เราจะไม่มีโอกาสเข้าถึงข้อมูลสำคัญว่ารับเชื้อมายังไงเลย
ผู้ป่วยอาจลืม ซื่อ ไม่ทันคิด ขี้เกียจตอบ หรือ ตั้งใจกุเรื่อง รวมถึงคำถามที่เต็มไปด้วยอคติของแพทย์ ทำให้ประวัติการเจ็บป่วยไม่สมบูรณ์หรือผิดเพี้ยน ต้องอาศัยทักษะเฉพาะตัวของแพทย์แต่ละคนที่จะเข้าถึง "ความจริง"
หลังจากเจอผู้ป่วยที่รอดจากสเตร็ปซูอิสหวุดหวิด ผมก็เกิดความวิตกจริตเวลากินจิ้มจุ่ม ปิ้งย่าง หมูกระทะ หรือสุกี้ ต้องมาแยกตะเกียบ ปากคีบ หรือกระชอนสำหรับของดิบ ของสุก
บางทีก็งงว่าอันไหนเป็นอันไหน นี่เราเอาตะเกียบที่พึ่งคีบหมูดิบมาคีบหมูสุกเข้าปากหรือเปล่า
เวลากินสเต็กหมู แล่เจอเนื้อแดง ๆ เลือดซิบ ถ้าเป็นสมัยก่อนก็จะเกรงใจทนกินต่อไป ตอนนี้ไม่ละ ต้องเรียกบริกรให้เอาไปทำให้สุก "สนิท"
ระมัดระวังกันไว้หน่อยก็ดี เยื่อหุ้มสมองอักเสบมันถึงตาย ซึ่งต่างจากการทานหอยนางรมสดที่อาจจะจบแค่ท้องเสียไปหยอดน้ำเกลือที่โรงพยาบาล
วันนี้กินดิบ ๆ ไม่เป็นไร แต่สักวันคุณอาจถูกรางวัลที่หนึ่งได้ตั๋วไปเที่ยวปรโลกก็เป็นได้
แล้วท่านผู้อ่านมีใครเริ่มวิตกจริตแบบผมบ้างครับ?
42 บันทึก
261
35
46
42
261
35
46
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย