4 ก.พ. 2019 เวลา 16:40 • ความคิดเห็น
จากเรื่องจริงสู่ภาพยนต์ 13 Hours (13 ชั่วโมง ทหารลับแห่งเบนกาซี)
1
13 Hours : The Secret Soldiers of Benghazi กำกับโดย ไมเคิล เบย์ และบทในภาพยนต์บางส่วนมาจากเรื่องจริงในเหตุการณ์โจมตีสถานทูตของสหรัฐฯ ในลิเบีย
เมื่อปี 2012 เป็นปีที่ลิเบียอยู่ในช่วงไร้เสถียรภาพทางการเมือง ปี 2011 หนึ่งปีก่อนหน้า ได้เกิดการล้มล้างอำนาจรัฐบาลของนายมูอัลมา กัตตาฟี จากเหตุการณ์ต่อเนื่องจากการชุมนุนประท้วงที่ตูนีเซียในชุดเหตุการณ์ที่เรียกว่า อาหรับสปริส์นั่นเอง
สหรัฐฯ สนับสนุนกลุ่มต่อต้านรัฐบาลของกัตตาฟี โดยการส่งอาวุธผ่านประเทศกาต้าร์ หลายๆ ประเทศต่างเริ่มมีความกังวลต่ออาวุธที่ส่งให้เหล่าผู้ต่อต้านกัตตาฟี
1
เพราะว่าหนึ่งในกลุ่มผู้ต่อต้านเองก็เคยเป็นแนวร่วมกับกลุ่มอิสลามหัวรุนแรง และอัลกออิดะฮ์ ตอนนี้เหล่าผู้ที่เป็นศัตรูของสหรัฐฯ ได้รับการติดอาวุธมีกำลังพลและมีความพร้อมจะโจมตีศัตรูเก่าแล้ว
ในต้นปี 2012 เจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยในลิเบียของสหรัฐฯ ขอให้ส่งกำลังเสริมเพิ่มความปลอดภัยให้กับอาคารดำเนินการในเบนกาซี เนื่องจากขณะนั้นเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของอาคารดังกล่าวเพียง 3 คนเท่านั้น
1
ในตอนนั้นรัฐบาลนำโดยประธานาธิบดีบารัค โอบาม่ามีฮิลลารี คลินตัน เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (Secretary of State) ได้ปฏิเสธคำร้อง และไม่ส่งกำลังพลเพิ่มเข้าไปแต่อย่างใด
ในวันที่ 11 กันยายน 2012 เหตุการณ์ที่มิได้คาดการณ์ไว้ก็เกิดขึ้น กลุ่มติดอาวุธ 200 คน พร้อมอาวุธหนัก เครื่องยิงระเบิด ปืนกล และเข้าบุกโจมตีอาคารดำเนินการจากทุกทิศทาง
ในเวลานั้นเองทูตสหรัฐฯ ประจำลิเบีย คริส สตีเว่น ก็อยู่ที่นั่นด้วย เมื่อมีการแจ้งเตือนการโจมตี เจ้าหน้าที่พิเศษด้านรักษาความปลอดภัยได้พาตัวท่านทูตและเจ้าหน้าที่อีกหนึ่งคนเข้าเซฟรูมแล้วซีลประตูอย่างแน่นหนา ด้านทีมรักษาความปลอดภัยที่มีอยู่ไม่มาก ได้หลบเข้าไปอีกอาคารเพื่อไปเอาอาวุธ แต่ก็ไม่สามารถกลับมาที่อาคารหลักซึ่งเต็มไปด้วยกลุ่มผู้ก่อการร้ายได้
เมื่อผู้ก่อการร้ายไม่สามารถทำลายประตูเซฟรูมได้ จึงราดน้ำมันไปทั่ว และจุดไฟเผาอาคารในทันที ด้วยจำนวนควันที่มหาศาลทำให้ทั้งสามคนต้องออกจากเซฟรูม นำโดยเจ้าที่พิเศษออกจากอาคารที่กำลังถูกไฟไหม้ เมื่อเขาออกจากอาคารได้ก็ไม่พบว่ามีใครตามหลังเขามาเลย
ต่อมาเมื่อทีมสนับสนุนเข้ามาถึงก็พบแต่เพียงร่างของเจ้าหน้าที่อีกคน และควันดำปลกคลุมภายในอาคารทำให้ไม่สามารถหาร่องรอยใดๆ ของท่านทูตสตีเว่นได้
1
จริงๆ แล้วทีมสนับสนุนไม่ได้อยู่ห่างจากอาคารที่โดนโจมตีนัก แต่ใช้เวลาว่าครึ่งชั่วโมงในภารกิจช่วยเหลือนี้แทนที่จะเป็นแค่ 5 นาทีเท่านั้น
ทีมสนับสนุนของ CIA ได้เข้าไปบริเวณที่อาคาร และช่วยเหลือเจ้าหน้าที่กลับสู่อาคารของ CIA ในเบนกาซี ซึ่งก็ถูกดักสุ่มโจมตีตลอดทางจนถึงอาคารของ CIA
ทั้งคืนนั้นจนถึงเช้า กลุ่มก่อการร้ายระดมยิงปืนและระเบิดอาคารของ CIA เป็นระยะๆ จนถึงเวลาตี 5 ของเช้าวันถัดมา แผนอพยพได้เริ่มต้นขึ้น กองทัพลิเบีย กำลังเสริมจาก CIA และ ASOC เข้าช่วยเหลือคนอเมริกัน 32 คน และพนักงานของสหรัฐฯ ออกจากอาคารของ CIA
ในขณะที่รถกำลังพาคนอพยบออกจากบริเวณอาคารผู้ก่อการร้ายระดมยิงเข้าสู่อาคาร ทหารกล้า 4 คนบนหลังคาช่วยกันป้องกันการโจมตีของข้าศึก จนกระทั้งหัวหน้าศูนย์ออกคำสั่งอพยบทุกคนออกจากบริเเวณอาคาร
ทหาร 2 คนถูกฆ่าจากการป้องกัน เจ้าหน้าที่ และท่านทูตจากการเผาอาคาร รวม 4 คน
ท่านทูตสวีเดนถูกพบเป็นร่างไร้สติอยู่นอกอาคารที่ลุกไหม้ คนซีเรียบริเวณนั้นพบและได้เข้าช่วยเหลือเพื่อนำส่งโรงพยาบาล แต่ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตได้ นับเป็นทูตคนที่ 6 ที่เสียชีวิตในหน้าที่ในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา
นอกจากนั้นรายชื่อคนลิเบียที่ช่วยเหลือรัฐบาลสหรัฐฯ ก็หายไปเช่นกัน
หลังจากนั้นอีก 10 วัน คนลิเบียหลายหมื่นออกมาประท้วงกองกำลังติดอาวุธที่ชื่อว่า อันซาร์ อัลชาเรีย ที่เป็นหนึ่งในกองกำลังปลดปล่อยลิเบียเมื่อปีที่แล้ว
กลุ่มอันซาร์ฯ ต้องหนี และถูกจับ รถอาคารถูกเผา รัฐบาลลิเบียออกมาประกาศกวาดล้างกลุ่มติดอาวุธที่หลงเหลืออยู่ในยุคปฏิวัติ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : storylog
โฆษณา