16 ก.พ. 2019 เวลา 23:00 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
หมอๆ ผมเป็นอะไรไม่รู้ ก้มแล้วปวดหลังมาก...
อาการยอดฮิตของคนหลายกลุ่ม ทั้งวัยรุ่น วัยทำงาน วัยเกษียณ เจอได้ทุกเพศทุกวัย
ร่างกายกำลังบอกอะไรกับเรา หลังมันเป็นอะไร รักษายังไง แล้วทำยังไงให้ไม่เป็น
ปวดหลังเนี่ยเป็นอาการที่พบได้บ่อยเหมือนผัดกะเพรา ไม่ว่าจะเจอในโรงพยาบาล คนไข้มาตรวจโรคกระดูกซัก 10 คนต้องมีอย่างน้อยซัก 2 คน หรือ คนรู้จัก ญาติที่บ้านก็มาปรึกษากันอยู่เนืองๆ เพราะมันเจอบ่อยจริงๆ
ปกติพวกปวดเข่า ปวดหลังมันเป็นโรคของอากง อาม่าเค้าเป็นกัน แต่ปวดหลังบางชนิด ก็มักมาเจอในคนอายุน้อยๆ วัยรุ่น วัยทำงาน ได้พอๆกัน
วันนี้จะมาแนะนำโรคปวดหลังที่เจอบ่อยๆซักนิดหน่อย ให้พอไปสังเกตุตัวเองว่าใช่ที่เป็นอยู่หรือปล่าวนะ
แต่ก่อนจะบอกว่าโรคนี้มันอาการแบบนี้ๆๆ ขอแนะนำตัวละครหน่อย จะได้เข้าใจมากขึ้น แบบเป็นเรื่องเป็นราว
กระดูกสันหลัง (Spine) มาจากกระดูกย่อยๆหลายๆชิ้นมาต่อกัน คั่นแต่ละชิ้นด้วยหมอนรองกระดูก มีหลายช่วงแบ่งตามตำแหน่งเริ่มมาจากฐานของกระโหลก หรือก็คือตรงๆคอ (Cervical) ใครไขมันพอกน้อยๆ ลองคลำด้านหลังคอจะได้เป็นตุ่มๆเรียงกันตามแนวลงมา แต่ละตุ่มแทนกระดูกสันหลัง 1 ชิ้น ลงมาเรื่อยๆเป็นช่วงอก (Thoracic) ช่วงหลัง (Lumbar) อาจจะพอคลำได้บ้างแต่คงไม่ชัด และสุดท้ายเป็นก้นกบ (Sacrum)
1
หลักๆแบ่งเป็น 4 ส่วน ระหว่างแต่ละอันเป็นหมอนรองกระดูก ตรงกลางมีไขสันหลังอยู่ ส่งตรงลงมาจากสมองเลย
กระดูกสันหลังจะทำหน้าที่เป็นแกนกลางให้ร่างกาย แต่มันไม่ตรงนะครับ มันจะโค้งเป็นตัว S โดยปกติอยู่แล้ว
เหมือนเสาหลักที่เอาของมาห้อยๆๆ น้ำหนักของทั้งหมดจะผ่านกระดูกสันหลังลงไปตามขา 2 ข้าง
ระหว่างกระดูกแต่ละชิ้นจะมีก้อนนิ่มๆ ที่เรียกว่าหมอนรองกระดูก ทำหน้าที่เป็น Shock absorber และเพิ่มความยืนหยุ่นให้กระดูกสันหลังอีกหน่อย อย่างที่คนรู้จักกันในนาม หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท
ขาวๆฟ้าๆทั้งหมดนั่นคือหมอนรองกระดูก เหลืองๆตามแนวตั้งคือไขสันหลัง ที่แตกแขนงออกไปทำหน้าที่เหมือนสาย USB ไว้สั่งงานอวัยวะอื่นๆ
อย่างสุดท้ายที่จะแนะนำคือ ไขสันหลัง (Spinal cord) จะซ่อนอยู่ข้างในกระดูกไล่ตั้งแต่คอลงมา อย่างที่บอกว่ากระดูกสันหลังมันติดกับกระโหลก ก็เพราะว่าสมองจะปล่อยไขสันหลังลงมาตามตัว เหมือนเป็นสาย USB ไปต่อกับ printer แต่ตัวสมองคือคอมที่สั่งงาน
ตัวสายก็สำคัญไม่แพ้สมอง ถ้าขาดไปมีสมองคิดได้ก็สั่งงนไม่ได้อยู่ดี ก็มีกระดูกสันหลังนี่แหละ เป็นตัวคอยปกป้องไขสันหลังให้ปลอดภัย มันจึงไม่ใช่แกนกลางโง่ๆแล้วนะครับ มีหน้าที่ต้องปกป้องของสำคัญ แต่ทำไมดันมีหมอนรองกระดูกมาทับได้ล่ะเนี่ย ไว้ว่ากันต่อไป
ในเรื่องของการใช้งาน แต่ละส่วนของสันหลังจะเน้นหน้าที่กันคนละแบบ เช่น ส่วนคอ (Cervical) ด้านบน จะรับหน้าที่เป็นตัวหมุน (Rotation) เวลาคนเรียกหันหน้าซ้ายขวา กระดูกช่วงบนเท่านั้นที่จะทำงาน ลองคลำกระดูกหลังคอที่ชัดๆ ตรงนั้นจะอยู่ในช่วงส่วนต่อระหว่าง คอล่างๆกับอกบนๆ แล้วหันหน้าซ้ายขวา มันจะต้องไม่หมุนตามหน้านะ แต่ถ้าลองก้มหน้า จะรู้สึกเลยว่าแต่ละตุ่มมันจะแยกออกจากกัน เพราะส่วนนี้รับหน้าที่ในการก้มเงยคอ (Flexion-Extension)
ซ้าย ก้ม ขวา เงย สังเกตุหางแหลมๆด้านหลัง (Spinous process) เป็นตุ่มๆที่เราคลำได้
ช่วงอกจะค่อนข้างแข็ง เพราะต่อกับซี่โครง ตามชื่อมันก็ต้องเป็นโครงอ่านะ ถ้าซี่โครงเบี้ยวไปเบี้ยวมาคงไม่เวิค
ช่วงเอวจะเป็นอีกส่วนที่มีปัญหาเยอะ เพราะทำหน้าที่ได้เยอะกว่าชาวบ้านเค้า สามารถทำได้ทั้งก้มเงย (Flexion-Extension) บิดซ้ายขวา (Rotation) เอียงซ้ายขวา (Bending) ทำได้หมด ดูเก่งสุดเลย ก็เลยพังง่ายสุด
เอาล่ะ เท่านี้ก็พอเข้าใจเนื้อเรื่องได้แล้ว เริ่มจากที่เจอกันบ่อยๆก่อน
โรคแรก หมอนรองกระดูกเคลื่อนทับเส้นประสาท (Lumbar disc herniation)
โรคนี้เจอบ่อยครับ ในคนอายุไม่มากหรือจะมากก็เจอได้ทั้งนั้น โดยเฉพาะคนที่ชอบยกของหนักๆ แบบที่ยกไม่ถูกท่า อาการจะเป็นแบบก้มตัวแล้วปวดหลัง ร้าวลงต้นขามาแบบแปล๊บๆเหมือนไฟช็อต บางทีอาจจะรู้สึกชาๆ แล้วยิ่งก้มยิ่งปวด นั่งก็ปวด พอแอ่นไปด้านหลังหรือนอนแล้วจะดีขึ้น บางคนแข็งแรงอยู่ดีๆไปยกของหนักๆ เป็นขึ้นมาทันทีได้เลย
A : ท่าปกติ, B : ท่าแอ่นหลัง, C : ท่าก้ม
ลองนึกภาพตอนที่เราก้มตัวลงไปหยิบกล่องใหญ่ๆซักอันที่พื้นห้องแบบไม่ย่อขา ตัวเราจะโน้มไปข้างหน้าถูกมั้ยครับ ค้างไว้ท่านี้ก่อน มาดูตรงกระดูกสันหลัง ช่วงที่ทำให้เราก้มลงไปได้ก็คือกระดูกสันหลังส่วนเอว (Lumbar) เมื่อเราก้ม กระดูกสันหลังในแถบหน้าจะต้องโดนกดเข้าหากัน ในขณะที่แถบหลังจะยืดออก ประเด็นคือ พอมันกระดูกมันมาในลักษณะนี้ หมอนรองกระดูกที่อยู่ระหว่างกระดูก 2 อันก็จะโดนแรงบีบดันไปให้อยู่ด้านหลัง นึกภาพเหมือนตอนหยิบ Hamburger แล้วเนื้อมันทะลักไปอีกด้าน จะคล้ายๆอย่างงั้นอยู่
ที่นี้ด้านหลังของกระดูกสันหลังมันมีโพรง คล้ายๆอุโมงให้ไขสันหลังอาศัยอยู่ พอหมอนรองกระดูกมันเผละไปด้านหลัง ก็ไปเจอหน้าไขสันหลังพอดี แต่หมอนรองกระดูกก็ไม่ได้สนใจ ไปแย่งอุโมงไขสันหลังอยู่ซะงั้น ไขสันหลังที่ปกติอยู่โล่งๆ ห้องนี้อยู่คนเดียว มีคนมาแย่งที่ไปก็เลยทำงานไม่ได้
ดูรูปตรงกลาง คือตอนมันมากดไขสันหลังแล้ว
ซึ่งส่วนมากแล้ว ไขสันหลังที่โดนแย่งที่ไปเนี่ย จะรับหน้าที่ดูแลเกี่ยวกับตรงต้นขา มันเลยมีอาการปวดเหมือนลามมาจากขา แต่จริงๆแล้วขาเราไม่ได้ไปโดนอะไร แต่ความรู้สึกมันมาจากเส้นประสาทที่ไปเลี้ยงต้นขา สมองก็เลยตีความไปว่า อ่อ มันปวดขา เออ หลังก็ปวดด้วย
ถ้าไปตรวจหมอจะให้นอน ละเหยียดขาตรงแล้วยกขึ้นทีละข้าง สลับกัน จะลองดูที่บ้านก็ได้ครับ ถ้าข้างไหนเป็น มันจะแปล๊บไล่มาตามขาเลย ทั้งๆที่ยังยกไม่สูง เทียบกับข้างที่เป็นต้องยกมาสูงเกือบตั้งฉากถึงจะเป็น
แล้วแบบนี้มันจะหายมั้ย จะต้องปวดขาไปตลอดเลยหรอ จริงๆโรคนี้ถ้าเป็นไม่เยอะส่วนมากก็มักจะหายเองได้ แต่ว่ามันจะหายก็ต่อเมื่อ เราต้องไม่ไปทำให้มันเกิดซ้ำอีก หรือก็คืออย่าก้มเยอะๆ นั่งนานๆก็ไม่ควร (ท่านั่งก็คล้ายๆก้ม) ละช่วงนี้ก็กินผักเยอะๆ อย่าให้ต้องเบ่งถ่าย มันจะกระตุ้นให้เป็นหนักขึ้นได้ นอกนั้นก็กินยาตามอาการ ส่วนมากจะเป็นยาแก้อักเสบ ไม่ก็ยาแก้ปลายประสาทอักเสบ แต่พวกนี้มันปลายเหตุ ยังไงก็ต้องแก้ที่ท่าทางของเราก่อนสำคัญกว่า
รูปเดิม ดูด้านขวา เราใช้อุปกรณ์มายึดกระดูก 2 ชั้น จะทำหน้าที่แทนหมอนรองกระดูกเดิม จะได้ไม่ปลิ้นออกมา
ไม่ต้องผ่าตัดใช่มั้ย จะบอกตรงๆว่าบางคนโชคร้ายรักษาแบบเบื้องต้นไม่ได้ผล หรือมีอาการสำคัญบางอย่าง มันก็ต้องใช้การผ่าตัดช่วย แต่ถ้ามาถึงขั้นนี้ให้หมอที่ดูแลเป็นคนตัดสินใจดีกว่าครับ
อีกโรคจะยาวไปมั้ย เอาแบบสั้นๆละกันครับ เดี๋ยวไม่มีคนอ่านจบ
โพรงกระดูกสันหลังแคบ (Spinal stenosis)
โรคนี้เก็บไว้ให้วันเกษียณครับ เป็นโรคที่เจอในคนอายุเยอะๆ
อาการคือจะปวดหลังตอนยืน เดินไปซักพักแล้วจะปวดมาก ยืนพักก็ไม่หาย แต่พอก้มแล้วดี นั่งแล้วดี สลับกับโรคเมื่อกี้
ช่วงว่างที่มีมันหายไป
อันนี้เป็นโรคของความเสื่อมตามอายุ คือเมื่ออายุเยอะ กระดูกก็แข็งแรงน้อยลง ไม่ใช่แค่สันหลังนะครับ มันก็เสื่อมทั้งตัว แต่ที่สันหลังมันจะขยายขนาดกระดูกขึ้น เพื่อให้มันช่วยมีพื้นที่รับแรงได้เยอะขึ้นทดแทนส่วนที่มันบางลง
แล้วอย่างที่บอก อุโมงที่ให้ไขสันหลังอยู่มันแคบอยู่แล้ว กระดูกที่ขยายขนาดขึ้นมันจะไปเบียดตัวไขสันหลังให้ปวดได้ ท่าแอ่นหลังจะทำให้อุโมงที่แคบอยู่แล้ว แคบลงไปอีก สลับกับท่านั่งที่จะทำให้อุโมงไขสันหลังกว้างขึ้น อาการจึงดีขึ้นในท่านั่ง
อาการปวดที่เจอจะคล้ายๆกันคือปวดหลังช่วงเอวร้าวลงไปต้นขา หรือชาๆ เหมือนมันหนาๆ ที่ก้นกับต้าขา บางคนมีอ่อนแรงด้วยนะ
ลดพุง ลดโรคได้เยอะเลย
โรคนี้มักจะไม่ค่อยดีขึ้น เพราะร่างกายมันเปลี่ยนไปแล้ว แต่ที่ลดปวดได้ก็คือลดน้ำหนัก ให้หลังเราทำงานน้อยลง กับกินยาแก้ปวดบรรเทาไปก่อน ถ้าไม่ไหวจริงๆคงต้องผ่าตัด ส่วนมากโรคนี้จะผ่าตัดหายดีกว่า เพราะจะไปเอากระดูกที่กดเส้นประสาทออกได้ แล้วเสริมความแข็งแรงด้วยเหล็กแทน (ผ่าคล้ายๆเดิม)
จบไป 2 โรคที่เจอบ่อยๆ ว่าจะเขียนสั้นๆ แต่ไหลยาวกว่าที่คิด จริงๆว่าจะแถม office syndrome อีกอันที่ปวดหลังคล้ายๆกัน แต่เก็บไว้เขียนทีเดียวทั้งปวดไหล่ ปวดหลังเลยแล้วกัน
ทั้งหมดที่เขียนเป็นลักษณะคร่าวๆของโรคนะครับ จริงๆแล้วมีรายละเอียดค่อนข้างมาก ถ้าสงสัยไม่แน่ใจให้ไปตรวจที่โรงพยาบาล ขอพบหมอกระดูกเลยดีกว่าครับ
ใครปวดหลังอยู่ขอให้หายไวๆครับ
โฆษณา