Carbon Footprint เมื่อเราควรตระหนักถึงสิ่งแวดล้อมผ่านการเลือกสินค้า
ปัจจุบันภาวะโลกร้อนกำลังเป็นปัญหาสำคัญของโลกที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ซึ่งผลของมันกำลังทำให้เกิดภาวะ Extreme Weather, การเปลี่ยนแปลงของภาวะผลิตผลทางการเกษตร, การสูญพันธุ์ของพืชและสัตว์ รวมถึงการแพร่ขยายของโรคต่างๆมากขึ้น สิ่งเหล่านี้มาจากแก๊สเรือนกระจก ซึ่งหนึ่งในนั้้นคือคาร์บอนไดออกไซด์
ดังนั้นในพิธีสารโตเกียวหรือ Kyoto Protocol จึงถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อกำหนดพันธกรณีผูกพันต่อประเทศอุตสาหกรรมให้ลดการปล่อยแก๊สเรือนกระจก เมื่อ 11 ธันวาคม 2540 ในเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น โดยมี 37 ประเทศอุตสาหกรรม และประชาคมยุโรปในขณะนั้น โดยมีความตั้งใจตามภาคผนวกที่ 1 ตกลงร่วมกันจะลดการปล่อยแก๊สเรือนกระจกลงโดยเฉลี่ยร้อยละ 5.2 ในระยะปี 2551-2555
ซึ่งการจะรู้ที่มาของการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้เพื่อป้องกันภาวะโลกร้อนนั้น จึงเป็น Concept ที่มาของ Carbon Footprint โดยหลักการคือ การประเมินปริมาณคาร์บอนที่ปล่อยออกมาสู่สิ่งแวดล้อมและประเมินความมากน้อยในการส่งเสริมพลังงานทดแทนหรือพลังงานสะอาดขององค์กรนั้น
และในระดับอุตสาหกรรมก็จะถูกวัดย่อยลงมาได้อีก เช่น สินค้าหนึ่งชิ้น ที่เรากำลังถือ สามารถบอกได้ว่าเกิดจากการผลิตคาร์บอนไดออกไซด์ปริมาณเท่าไหร่ ซึ่ง Design การแจ้งเตือนก็แตกต่างออกไปในแต่ละประเทศ ซึ่งจะทำให้ประชาชนของประเทศนั้นๆตระะหนักรู้ได้ว่า สินค้า ที่เรากำลังจะเลือกซื้อมีผลกระทบต่อโลกมากน้อยเพียงใด และมันจะดีกว่าหรือไม่ ที่เราจะเลือกยี่ห้อที่ทำร้ายโลกน้อยกว่า
ก่อนจากกัน ตอนนี้ทั่วโลกกำลังตื่นตัวในการลดคาร์บอนไดออกไซด์อย่างจริงจัง ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานไทยก็อาจได้มีโอกาสนำฉลากมาให้ใช้ และจะเป็นข้อมูลอย่างหนึ่งที่สำคัญที่เราควรใช้เลือกซื้อสินค้า แต่ไม่จำเป็นถึงตอนนั้นหากเราจะเริ่มตั้งแต่วันนี้ เช่น ลดปริมาณการผลิตขยะต่อคน งดการใช้ถุงพลาสติก หันมาใช้วัสดุต่างๆที่ Recycle ได้ ให้ความสำคัญกับบริการขนส่งสธารณะ หมั่นตรวจเครื่องจักร ยานยนต์ต่างๆให้อยู่ในสภาพดี เพื่อลดภาวะโลกร้อน 🌲🌲🌲
ช่วยกันคนละไม้คนละมือ เราทำได้ครับ 🌳🌳🌳🌳🌳🌳🌳🌳🌳🌳🌳🌳
อ้างอิง
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
